บท
ตั้งค่า

5. กำลังใจ

สุรพล เมาเกินพิกัดตามคาดหมาย ครั้นภัตตาคารแห่งนั้นปิดให้บริการ จึงเป็นหน้าที่ของธีรยุทธ กับ ศรชัย ช่วยกันหิ้วปีกสุรพล ออกมาด้านนอก

ศรชัย รับอาสาขับรถของสุรพล ไปส่งที่บ้านพร้อมกับส่งสิตา ด้วย

ส่วนธีรยุทธ กลับเส้นทางเดียวกับเปมิกา เขาจึงรับอาสาไปส่งเปมิกา ที่คอนโด

“เชิญครับคุณป่าน…”

ธีรยุทธ เดินนำเปมิกา ไปที่รถบี.เอ็ม.ดับบลิว.สีดำ เขาเปิดประตูให้หล่อนด้วยท่าทางสุภาพ

“คิดไว้หรือยังครับว่าต่อจากนี้ไปจะทำงานอะไร..”

ธีรยุทธ ชวนคุยหลังจากออกรถมาได้สักครู่

“ยังคิดไม่ออกเลยค่ะ..เหมือนมันกำลังช็อกไม่คิดว่าแบ็งก์จะถูกสั่งปิด..”

“ชีวิตคนเรานี่หาความแน่นอนไม่ได้เลยจริง ๆ นะครับคุณป่าน..เพราะผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าบริษัทจะมาประสบปัญหาแบบนี้..ทั้งที่ผ่านมากำลังจะไปได้สวย”

“นั่นน่ะสิคะ..แบ็งก์ป่านตั้งขึ้นมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ใครจะคิดคะว่าจะมาจบเอาง่าย ๆ ในปีนี้ต้องตกงานกันระนาว..ซวยรับปีใหม่จริง ๆ ค่ะ..”

“แต่คนเราเมื่อล้มแล้วก็ต้องลุกขึ้นให้ได้ อย่าคิดว่าเป็นความซวยเลยครับ..คิดเสียว่าเป็นโอกาสให้เราได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำจะดีกว่า..คุณป่านอย่าเพิ่งท้อเลยครับ..คุณอายุยังน้อยยังมีหนทางให้เริ่มต้นอีกเยอะ บางทีสิ่งดี ๆ อาจจะรอคุณป่านอยู่ก็ได้ขอเพียงอย่าสิ้นหวัง”

คำพูดให้กำลังใจของธีรยุทธ ทำให้เปมิกา นึกถึงบุรินทร์ หากบุรินทร์จะเป็นคนพูดประโยคเหล่านี้ หล่อนคงจะมีความสุขและมีกำลังใจมากกว่านี้

“นอนหลับฝันดี แล้วก็มีกำลังใจที่เข้มแข็งนะครับ…”

ธีรยุทธ กล่าวคำลาเปมิกา เมื่อมาถึงหน้าคอนโดมิเนียม เขามองตามจนเปมิกา เดินหายลับเข้าไปในตัวตึก แล้วจึงออกรถไป

.........................................

รถบีเอ็มดับบลิวสีดำมาจอดที่หน้าประตูรั้วเหล็ก เจ้าของรถเดินลงจากรถไปกดกริ่งเรียกคนในบ้าน เพียงครู่เดียวก็มีแสงไฟสว่างขึ้นจากตัวตึกด้านล่าง จากนั้นร่างท้วมของสตรีวัยเลยกลางคน ก็เดินออกมาจากตัวบ้าน ก่อนจะเดินแกมวิ่งออกมาที่ประตูรั้ว

“ผมเปิดเองป้า…”

ธีรยุทธ เป็นคนเลื่อนประตูรั้วเหล็กด้วยตัวเอง

“คุณธีมดื่มเหล้ามาแน่เลย กลิ่นมันฟ้อง” สมจิตร ทำหน้าย่น

“นิดหน่อยน่ะป้า…”

เขาหันมาบอกสมจิตร ก่อนจะเดินไปที่รถและขับไปจอดในบ้าน

“ทานข้าวมาหรือยังคะคุณธีม ป้าจะได้อุ่นอาหารให้”

สมจิตร แสดงความห่วงใย หล่อนได้ชื่อว่าเป็นคนรับใช้ของบ้านนี้มาตั้งแต่ยังสาว และอยู่กับครอบครัวนี้มานาน จนนวลพรรณ ผู้เป็นมารดาของธีรยุทธ ให้ความสำคัญกับสมจิตรเสมือนเป็นญาติมากกว่าที่จะเป็นคนรับใช้ และธีรยุทธก็ให้ความเคารพรักสมจิตร เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งเช่นกัน

“ผมเรียบร้อยมาแล้วครับ วันนี้แม่เป็นยังไงบ้างป้า…”

ธีรยุทธ ถามถึงมารดา ที่ป่วยด้วยสารพัดโรคทั้งความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไต และหัวใจ ต้องเข้าโรงพยาบาลทุกเดือน และล่าสุด นวลพรรณ เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมา

“เหมือนเดิมค่ะ ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เข้านอนตั้งแต่เมื่อตอนสามทุ่มแล้วค่ะ..แล้วก็สั่งให้ป้าคอยเปิดประตูให้คุณธีม”

ธีรยุทธ พยักหน้า ก่อนจะเดินไปที่ห้องโถงของบ้านที่มีรูปถ่ายใบใหญ่ของผู้ชายหน้าเข้มไว้หนวด เขาหยุดยืนมองภาพนั้นเหมือนกับจะขอกำลังใจ

“พ่อครับ…ช่วยให้ผมหาทางออกเรื่องหนี้สินของบริษัทได้ด้วยเถอะครับ…”

ธีรยุทธ ยกมือไหว้ภาพนั้น ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปข้างบน สมจิตร แอบมองด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ นางพอจะทราบอยู่เหมือนกันว่าธีรยุทธ กำลังประสบกับปัญหาทางธุรกิจ

บิดาของธีรยุทธ คือ ธีรพล ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีที่แล้วด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบิน

ธีรพล เป็นผู้บุกเบิกสร้างบริษัทรับสร้างบ้านไว้ให้ลูกชายสืบทอดกิจการ ซึ่งธีรยุทธ ก็ไม่ได้ทำให้บิดาผิดหวัง เมื่อเขาเรียนจบปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรม ก็มาช่วยงานที่บริษัทของบิดาจนกระทั่งบิดาของเขาเสียชีวิต เขาจึงขอให้เพื่อนซี้อย่างศรชัย ซึ่งเรียนจบด้านวิศวกรรมจากสถาบันเดียวกันมาเป็นหุ้นส่วนคนใหม่ และเริ่มขยายโครงการต่าง ๆ มากขึ้น

บริษัทรับสร้างบ้านและรับตกแต่งภายในของเขาได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงไม่นาน มีพนักงานเพิ่มขึ้นเท่าตัว และเขาก็ขอร้องให้ นภาพร คนรักของเขาลาออกจากงานเลขาที่บริษัทอื่น มาเป็นเลขาส่วนตัวของเขา ซึ่งนภาพร ก็ดูเต็มอกเต็มใจที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับคนรักที่คบหากันมาตั้งแต่ครั้งยังเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน นภาพรเรียนจบคณะศิลปศาสตร์ ทั้งคู่มีแผนที่จะแต่งงานกันภายในห้าปี

แต่..ความฝันของเขาก็ไม่เป็นจริงได้ เมื่อบริษัทมาประสบปัญหากับภาวะขาดทุนอย่างหนักในเวลาต่อมา ที่ราคาวัสดุก่อสร้างแพงขึ้น จนกระทั่งมาถึงยุคภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเข้าพอดี

โครงการรับเหมาก่อสร้างที่รับทำ ต้องชะงักเพราะขาดเงินทุนหมุนเวียน ไม่สามารถที่จะขอกู้เพิ่มได้ ทำให้บริษัทถูกฟ้องร้องจากลูกค้าหลายโครงการ เขาจำต้องปลดพนักงานออกไปหลายคน แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel