บท
ตั้งค่า

21. ฟุ้งซ่าน

เมื่อสิตากลับสุพรรณบุรีไปแล้ว เปมิกา ก็เริ่มที่จะฟุ้งซ่าน

หล่อนจึงนำวิธีที่ได้จากการฝึกปฏิบัติธรรมมาปฏิบัติด้วยตนเองที่บ้าน ทั้งการสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนที่หล่อนไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต การเดินจงกรม นั่งสมาธิ แต่ก็ยังฟุ้งซ่านอยู่ดี แม้จะได้รับคำแนะนำมาว่าถ้าจิตฟุ้งซ่านก็ให้รู้ว่าฟุ้งซ่าน แล้วก็เอาสติตามรู้อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

แต่ความฟุ้งซ่านของหล่อนขณะที่นั่งสมาธิมันคอยแต่จะนึกถึงภาพตัวเองในชุดฟอร์มธนาคารบีบีซี. อันสง่างาม นั่งสมาธิไปน้ำตาก็ไหลอาบหน้าด้วยความสงสารตัวเอง แทนที่จะกำหนดในใจว่า “ฟุ้งซ่านหนอ” ตามคำแนะนำที่ได้รับฟังมาจากที่วัด หล่อนกลับมีหลาย”หนอ” พุ่งออกมาจากใจเป็นขบวน

“ฟุ้งซ่านหนอ..ทำไมหนอ..ฉันถึงได้ซวยอย่างนี้หนอ.. แบ็งก์ในประเทศไทยมีเป็นสิบ ๆ ดันมาซวยอยู่ที่เดียวหนอ แล้วที่แห่งนั้นก็ดั๊นเป็นที่ฉันเลือกอยู่ซะด้วยหนอ…โฮ! ฮือ ๆ ๆ”

คิดแล้วก็สมาธิหลุด กลายเป็นนั่งร้องห่มร้องไห้เป็นวักเป็นเวรแทนการนั่งสมาธิไป เสียงร้องไห้ของเปมิกาทำให้ปัญญา ต้องรีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาดูด้วยความตกใจ

“นั่งสมาธิอยู่ดี ๆ ทำไมกลายเป็นนั่งร้องไห้ไปได้ล่ะพี่ป่าน..พี่เห็นอะไรที่น่ากลัวหรือเปล่า เพราะปอเคยได้ยินมาว่าบางคนนั่งสมาธิก็จะเห็นภาพอะไรบางอย่าง”

“พี่เห็นภาพ..เป็นภาพที่ชัดมาก ๆ” เปมิกาบอกเสียงเศร้า

“ภาพอะไรครับ..คงไม่ใช่วิญญาณของคนที่ถูกฆ่าตายในห้องนี้นะ”

ปัญญา ถามแล้วก็กลัวขึ้นมา เขาหันซ้ายหันขวาด้วยความหวาดระแวง

“ภาพภูตผีวิญญาณก็ดีสิ..พี่จะได้ขอให้เขาช่วยหางานให้ทำซะเลย..แต่ภาพที่พี่เห็นมันเป็นภาพของพี่เอง”

“ภาพอะไรครับ..”

“ก็ภาพที่พี่ใส่ชุดฟอร์มแบ็งก์ไปทำงานน่ะสิ...มันเป็นภาพที่ลบออกไม่ได้สักที”

“เฮ้อ...อย่าไปยึดมั่นถือมั่นกับบีบีซี.อะไรนั่นอีกเลย กาลเวลาเท่านั้นแหละพี่ป่านที่จะช่วยรักษาจิตใจของพี่ได้..เชื่อปอสิ..”

คำพูดของน้องชายทำให้เปมิการู้สึกดีขึ้น มันคงไม่มีอะไรดีไปกว่าทำใจและปล่อยให้เวลาช่วยรักษาจิตใจ

.................................

เปมิกา ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ไม่หดหู่เหมือนทุกวัน อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนี้หล่อนได้ระบายความอึดอัดทุกข์ใจด้วยน้ำตา และได้พูดคุยกับน้องชายก็ได้จึงรู้สึกดีขึ้น เปมิกา เปิดตู้เสื้อผ้านำชุดฟอร์มบีบีซี. ออกมาสวมใส่ก่อนจะเดินไปที่ห้องน้ำและลงมือขัดห้องน้ำด้วยความกระฉับกระเฉง

“โห..ขัดห้องน้ำแค่นี้ต้องลงทุนใส่ชุดฟอร์มแบ็งก์ด้วย..มันไม่เว่อร์ไม่หน่อยหรือพี่ป่าน.”

ปัญญา โผล่เข้ามาดูพี่สาวด้วยความรู้สึกขบขัน

“ก็นายเป็นคนบอกพี่เองไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น..พี่ก็ไม่ถือว่าชุดนี้มันจะต้องใช้สำหรับใส่ไปทำงานที่แบ็งก์เท่านั้น แต่สามารถใส่ทำงานบ้าน ขัดห้องน้ำได้สบายมาก ตอนนี้พี่ไม่รู้สึกช้ำใจที่ได้เห็นชุดนี้อีกแล้วล่ะ...”

“เอาเถอะครับ..เห็นพี่ป่านทำใจได้แล้วปอก็สบายใจ”

เปมิกา ขัดห้องน้ำเสร็จก็ไปทำความสะอาดห้องทุกห้อง โดยเฉพาะห้องนอนหล่อนก็จัดใหม่หมด รื้อสิ่งของที่รก ๆ ขับไล่แมลงสาบ ที่อาศัยอยู่ห้องนอนกับหล่อนมานานช่วงที่หล่อนบ้า ๆ บอ ๆ นอนจมอยู่กับความคิด หล่อนก็เนรเทศให้สัตว์เหล่านั้นไปหาที่อยู่ใหม่

เสร็จจากงานบ้านเปมิกา ก็หันไปหาหนังสือมาอ่านประเทืองปัญญา หล่อนอ่านเจอสุภาษิตสอนใจที่โดนใจอย่างจังว่า “อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา”

เปมิกา รีบเขียนใส่กระดาษแล้วไปแปะข้อความนั้นเอาไว้ที่ประตูหน้าห้องเป็นการเตือนตัวเอง ก่อนจะลงไปซื้อหนังสือพิมพ์ มาเลือกบริษัทที่จะสมัครงาน หล่อนตั้งใจที่จะเริ่มออกปฏิบัติการล่าสมัครงานครั้งใหญ่อีกหน โดยการโทรศัพท์ไปสอบถามบริษัทต่าง ๆ ด้วยความหวัง หากบริษัทใดที่ต้องไปสมัครด้วยตัวเอง หรือ บริษัทใดให้ส่งจดหมายไปได้หล่อนก็เอาปากกาจดเอาไว้

ต้องการด่วน แม่บ้านทำงานบ้าน ดูแลเด็กและคนชราได้

เปมิกา สะดุดกับประกาศรับสมัครงานในหน้าสุดท้าย หล่อนไม่คิดว่ามันจะทำให้หล่อนสนใจไปได้ แต่เป็นเพราะว่าที่ผ่านมาเปมิกาสมัครงานไปหลายที่ไม่เคยได้รับการตอบรับสักแห่งเดียว ดังนั้น หล่อนก็น่าจะเริ่มคิดทบทวนแผนการสมัครงานใหม่ ด้วยการลองลดคุณสมบัติของตัวเองลงมาเรื่อย ๆ เหมือนที่บางคนตั้งคุณสมบัติของการเลือกคู่ ที่กำหนดไว้เป็นสิบ ๆ ข้อ ตั้งแต่ หล่อ รวย การศึกษาดี มีคุณธรรม เป็นต้น

แต่เวลาผ่านไปคานทองเริ่มจะมีมาให้เห็นรำไรก็เลยเปลี่ยนใจเหลือข้อเดียว ขอให้เป็นผู้ชายนั้น เปมิกา ก็เลยนำมาประยุกต์ใช้กับการหางานทำในยุคนี้ ด้วยการสมัครงานโดยไม่ต้องคำนึงถึงวุฒิปริญญาตรีที่ได้รับอีกแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนี้หล่อนก็รีบกดโทรศัพท์ไปสอบถามรายละเอียดตำแหน่งแม่บ้านทันที

“ดิฉันสนใจงานแม่บ้านที่ลงประกาศรับสมัครค่ะ..”

เปมิกา บอกวัตถุประสงค์ให้คนรับสายฟัง

“คุณจะต้องมีร่างกายแข็งแรง เพราะจะต้องทำหน้าที่ดูแลทำความสะอาดบ้านทั้งหลังไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ซักเสื้อผ้า ดูแลคนชราในบ้าน เลี้ยงหมา แมว คอยเปิด-ปิด ประตูให้รถเจ้านายเข้าออก ไปจ่ายตลาด ถ้าทำได้ก็มาสมัครเลยนะคะ..”

เปมิกา เหงื่อตกเมื่อได้รับฟังหน้าที่ของแม่บ้าน หล่อนนึกภาพตัวเองทำงานบ้านงก ๆ ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก แต่เปมิกาก็ยังอุตส่าห์พึมพำเบา ๆ ว่าพอรับได้

“ตอนนี้เรากำลังต้องการด่วนเลยนะคะ..คุณจะมาสมัครวันนี้เลยไหมคะ..”

“เอ้อ..คือฉันยังไม่ได้เตรียมตัวเลยค่ะแต่ลองโทรมาถามดูก่อน”

“ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลยค่ะ แค่คุณไม่มีโรคประจำตัวพร้อมสู้งานหนักแค่นี้ก็พอแล้ว...”

“ต้องมีหลักฐานการสมัครงานอะไรหรือเปล่าคะ..อย่างเช่นหลักฐานการศึกษาอะไรน่ะค่ะ”

เปมิกาลองถามดูเผื่อว่าใบปริญญาจะทำให้หล่อนได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น

“แค่อ่านออกเขียนได้ก็พอค่ะ..เราไม่ได้รับคนมาใช้ความรู้ความคิดอะไรนี่คะ.แต่.เอามาใช้แรงงาน ออ..แต่ขอแค่บัตรประชาชนพอค่ะ..ตกลงคุณจะเข้ามาเลยไหมคะฉันจะบอกทางให้”

ฟังจากน้ำเสียงแล้วเปมิกาคิดว่านายจ้างต้องการลูกจ้างด่วนจริง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีคนต้องการให้เปมิกาไปสมัครงานด้วย หล่อนจึงอดที่จะดีใจไม่ได้แม้จะเป็นตำแหน่งคนรับใช้ก็เถอะ

“แล้วเงินเดือนสักประมาณเท่าไหร่คะ..” หล่อนลองสอบถามดูก่อนตัดสินใจ

“ปกติสามสี่พันบาทค่ะ แต่ถ้าคุณสนใจจริง ๆ ฉันให้ห้าพันบาทเลยค่ะ.แถมกินฟรีอยู่ฟรีนะคะ.”

เปมิกาวางหูโทรศัพท์ ก็นับนิ้วมือบวกลบคูณหารค่าใช่จ่ายที่เกินรายได้ไปหลายเท่าตัว

“เฮ้อ!…คนรับใช้ขอเป็นทางเลือกสุดท้ายก็แล้วกัน” หล่อนบอกกับตัวเองอย่างปลงกับชีวิต

“หรือว่าเราจะมองหาอาชีพอิสระดูบ้าง...แต่จะทำอะไรดีล่ะ”

เปมิกา พึมพำกับตัวเอง แล้วหล่อนก็นึกถึงบุรินทร์ขึ้นมา อย่างน้อยบุรินทร์ก็น่าจะเป็นที่ปรึกษาให้หล่อนได้บ้าง

บุรินทร์ ไม่รับสายในตอนแรก เปมิกา ลองกดไปใหม่อีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงไม่คุ้นหู

“รอเดี๋ยวนะ…รินเขาอาบน้ำอยู่..”

หล่อนได้ยินคนรับสายทางโน้นเป็นเสียงผู้ชาย

“รินจ๋า…มีผู้หญิงโทรมาแน่ะ..จะรับไหม..”

เสียงของผู้ชายคนเดิมส่งเสียงถามบุรินทร์ด้วยความสนิทสนม ทำให้เปมิกา รู้สึกแปลกใจที่บุรินทร์ ปล่อยให้คนอื่นมารับโทรศัพท์แทน หรือว่าเขาไปทำงานต่างจังหวัด แล้วก็คงจะพักห้องเดียวกับชายผู้นี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel