13. โชคชะตาพาให้เจอ
ธีรยุทธ ขับรถออกไปยังเส้นทางใหม่หวังจะหลีกเลี่ยงการจราจรที่แออัด แต่เขาคิดผิด เพราะเส้นทางใหม่ที่เลือกไปติดพอกัน ซึ่งระหว่างที่รถติดอยู่เส้นทางนั้นเขาก็อดเหลียวมองขึ้นไปบนตึกสูงของคอนโดข้างทางไม่ได้ เพราะเคยมาส่ง เปมิกา ที่นี่
เขานั่งหลับตาด้วยความง่วง เมื่อรถติดเป็นเวลานาน กระทั่งลืมตาขึ้นมาอีกที สายตาเขาก็ไปปะทะเข้ากับร่างบาง
ระหงส์ของเปมิกา ที่กำลังเดินออกมาจากคอนโด และกำลังจะข้ามถนนโดยเดินผ่านด้านหน้ารถของเขา ทำให้เขาไขกระจกรถพร้อมกับร้องเรียกชื่อหล่อนออกไป
เปมิกา หันหาคนที่เรียกชื่อหล่อน เมื่อเห็นว่าธีรยุทธโบกมือเรียก หล่อนก็ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มให้กับเขาไป
“ขึ้นรถสิครับคุณป่าน…”
“เอ้อ..ป่าน..”
เปมิกา ทำมือชี้ไปฝั่งตรงข้ามทำนองว่าจะข้ามถนน
“เร็วสิครับ..คุณป่าน..”
ธีรยุทธ เร่งเร้า เมื่อเห็นว่ารถคันหน้ากำลังจะเคลื่อนไป เปมิกาจึงวิ่งมาขึ้นรถตามคำเร่งของเขาด้วยความตกใจ คล้ายคนป้ำ ๆ เป๋อ ๆ
“คุณป่านกำลังจะไปไหนครับ…”
ธีรยุทธ ถามผู้โดยสารสาวที่เข้ามานั่งรถของเขาเหมือนคนถูกบังคับ เขาอยากจะขำท่าทางของเปมิกาอยู่เหมือนกัน แต่คนที่น่าขำควรจะเป็นเขาเองเสียมากกว่า
“แล้วคุณธีมล่ะคะกำลังจะไปไหน แล้วทำไมต้องเรียกป่านขึ้นรถด้วย…”
“ผมไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน พอดีเหลือบไปเห็นคุณป่านเข้า ก็เลยเรียกไว้ก่อน…”
คำตอบของเขาถึงกับทำเปมิกา ขำไม่ออก หรือว่าเขาจะเซ็งชีวิตเหมือนกับหล่อนในตอนนี้ที่ไม่ค่อยจะมีสติอยู่กับตัวนัก น้องชายของหล่อนก็เป็นห่วงหล่อนอยู่มาก ถึงกับโทรศัพท์ไปบอกสิตา และสิตาก็ชวนหล่อนไปวัดเพื่อฝึกปฏิบัติธรรมให้จิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน
“คงไม่รังเกียจนะครับคุณป่าน ถ้าผมจะขออาสาไปส่งคุณป่าน…”
“ไปส่งป่าน…ที่ไหนคะ…”
เปมิกา ทำหน้าตาเหลอหลาจนธีรยุทธอดยิ้มไม่ได้
“อ้าว..แล้วคุณป่านกำลังจะไปไหนล่ะครับ…”
เขาถามเสียงกลั้วหัวเราะ
“อ๋อ..นึกออกแล้ว ขอโทษค่ะพอดีป่านช่วงนี้เบลอไปหน่อย”
“ผมก็ว่าคุณป่านดูแปลกไปนะครับ..ยังไงก็พยายามดูแลตัวเองหน่อยนะครับอย่าให้เบลอมาก”
“น้องชายของป่านก็พูดเหมือนคุณธีมนี่แหละค่ะ. ป่านก็พยายามรวมรวมสติอยู่ค่ะ ถึงต้องนัดเพื่อนไปที่วัดไงคะ ไปฝึกนั่งสมาธิให้จิตนิ่งน่ะค่ะ”
“คุณป่านจะเข้าวัดหรือครับ…มิน่าล่ะถึงได้ใส่ชุดขาว ผมก็เพิ่งสังเกตเห็น”
ธีรยุทธ มองคนนั่งข้าง ๆ ด้วยใบหน้าเปือนยิ้ม ที่เห็นเปมิกาใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว และกางเกงขายาวสีขาว
“คุณป่านตกงานแล้วคิดมากจนต้องหาที่พึ่งแล้วหรือครับ..ความจริงผมก็น่าจะหาที่พึ่งทางใจแบบคุณบ้างก็ดีเหมือนกันจะได้ปลงกับชีวิตบ้าง…ตกลงไปวัดไหนครับผมจะได้ไปด้วย”
ธีรยุทธ หันมาถามเปมิกา
“เอ้อ..ไปด้วยจริง ๆ เหรอคะ..”
เปมิกา มีสีหน้าตกใจ ความจริงหล่อนรู้สึกตกใจตั้งแต่ที่เขาสั่งให้หล่อนขึ้นรถด้วยแล้ว เมื่อเขายืนยันว่าจะไปด้วย หล่อนก็เลยบอกสถานที่นัดหมายกับสิตาไว้
“คุณป่านสมัครงานไว้ที่ไหนบ้างหรือยังครับ…” ธีรยุทธชวนคุยต่อ
“สมัครเกือบทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑลแล้วล่ะค่ะ..แต่ไม่เห็นมีที่ไหนเรียกไปสัมภาษณ์สักที่ ป่านชักจะเริ่มท้อกับเรื่องงานแล้วค่ะ เงินค่าชดเชยที่ได้ก็นำออกมาใช้จ่ายทุกวัน มีแต่รายจ่ายไม่มีรายได้เลย”
“ก็อย่างว่าแหละครับ…บริษัทต่าง ๆ ก็มีแต่จะลดพนักงาน บางแห่งก็ต้องปิดกิจการเหมือนกับบริษัทของผมไงครับ..ที่ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้เลย..จำต้องปลดพนักงานออก ผมก็วิ่งเต้นหาเงินมาจ่ายค่าชดเชยให้เขาเหมือนกัน บางที…ผมอาจจะต้องขายรถคันนี้.”
ธีรยุทธ บอกด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความทุกข์ที่เกิดขึ้น
เปมิกา มองสีหน้าคนพูดด้วยความเห็นใจ
“คุณป่านเห็นไหมครับ ว่ายังมีคนที่มีปัญหามากกว่าคุณป่านอยู่ ..ถ้าเราท้อต้องมองคนที่แย่กว่าเรา ผมเองก็มีภาระค่าใช้จ่ายมาก ทั้งหนี้สินที่บริษัท ทั้งค่าใช้จ่ายในบ้านที่ผมต้องดูแลแม่ที่ป่วย ดูแลญาติผู้ใหญ่ที่เลี้ยงดูผมมา…ผมก็ไม่มีรายได้เข้ามาเหมือนกันอาศัยเงินเก็บที่พอมีอยู่ก็ร่อยหลอลงทุกวันเช่นกัน”
เปมิกา นิ่งเงียบ หล่อนรู้สึกสบายใจขึ้นมาก ทำให้หล่อนคิดได้ว่าในโลกนี้ถ้าเรามองแค่ตัวเองก็จะคิดว่าปัญหาของตัวเองนั้นหนักหนาสาหัสที่สุด แต่เมื่อลองหันหน้าไปสัมผัสกับปัญหาของคนอื่นบ้างก็จะรู้สึกว่าปัญหาของตัวเองเบาบางลงไป
“แล้วคุณตาเพื่อนคุณป่านล่ะครับเป็นยังไงบ้าง…”
“ยัยตาก็ยังหางานไม่ได้ค่ะ กลับไปช่วยที่บ้านปลูกผักส่งขายที่ตลาดค่ะ แต่วันนี้เราสองคนนัดไปเจอกันที่วัดค่ะ..”
“ก็ดีนะครับ…ที่คุณตาไปทำอาชีพอิสระ..ผมเองก็เคยคิดนะครับอยากจะเป็นเกษตรกรบ้าง”
“ป่านไม่เห็นอยากจะเป็นเลยค่ะ…เพราะพ่อแม่ของป่านก็เป็นเกษตรกร..ก็เลยรู้ว่าเป็นอาชีพที่ทำแล้วไม่คุ้มค่าเหนื่อย ทำกี่ปี่ก็ยังจนเหมือนเดิม…”
เปมิกา บอกเล่าประสบการณ์
“แต่ตอนนี้ ผมว่าเป็นอาชีพที่น่าสนใจ ใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ผมว่าเหมาะกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในยุคนี้ที่สุด”
“คุณธีม พูดเหมือนพ่อกับแม่ของป่านเลยค่ะ…ท่านบอกว่าถ้าอยู่กรุงเทพฯต้องดิ้นรนมากก็ให้กลับไปอยู่บ้าน ไปใช้ชีวิตแบบพอเพียงอย่างสงบสุขดีกว่า…”
ธีรยุทธ แสดงความเห็นด้วย เพราะในช่วงเวลานี้เขาก็อยากไปใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่เหมือนกัน
