12. เปลี่ยนไป
นภาพร รู้สึกกระวนกระวายที่ธีรยุทธ ยังมาไม่ถึงที่สนามบิน หล่อนมารอรับสมร พร้อมครอบครัวที่กำลังจะเดินทางมาถึงเมืองไทย หล่อนตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้ธีรยุทธ ทำความสนิทสนมกับเอริค พี่เขยของหล่อน เพื่อจะได้มีลู่ทางในการทำธุรกิจที่ประเทศแคนาดา
“มาไม่ทันก็ไม่ต้องมา เรามากันสามคนพ่อแม่ลูกนี่ก็พอแล้ว…”
ปรางทอง บอกแก่ลูกสาวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยชอบใจนักที่ธีรยุทธ ไม่ตรงต่อเวลา ปรางทอง ยอมรับว่าตั้งแต่ทราบข่าวกิจการของธีรยุทธ กำลังจะปิดตัว หล่อนก็เริ่มเป็นห่วงอนาคตของลูกสาว
ชีวิตของปรางทอง เคยยากจนมาก่อนจึงรู้รสชาติความจนเป็นอย่างดีว่าขมขื่นเพียงใด นางจึงไม่อยากเห็นลูกต้องตกระกำลำบากกับผู้ชายที่กำลังจะเหลือแต่ตัวอย่างธีรยุทธ
ความจริง ปรางทอง ก็ไม่ได้รังเกียจว่าที่ลูกเขยคนนี้ แต่นางรักลูกต่างหาก ลูกของนางจะต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต เหมือนกับสมร ผู้เป็นลูกสาวคนโตที่แต่งงานไปกับชาวต่างชาติได้ดิบได้ดีมีความสุข และยังได้แบ่งปันความสุขนั้นมาให้ครอบครัว ด้วยการสร้างบ้านหลังใหญ่ ซื้อรถให้อรรคพงษ์ ผู้เป็นบิดา แล้วยังส่งเงินมาให้มารดาไม่เคยขาดจน ปรางทอง สามารถนำเงินไปออกกู้ ได้เงินเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ปรางทอง จึงคาดหวังว่า นภาพร ก็ต้องเจริญรอยตามพี่สาว ควรจะได้สามีที่ดีเช่นกัน ซึ่งในตอนแรกที่นางรับรู้ว่านภาพร คบหาอยู่กับ ธีรยุทธ นั้น นางก็คอยสนับสนุนอยากจะให้ทั้งคู่ได้ลงเอยกันโดยเร็ว
แต่เมื่อฝ่ายชายมาประสบปัญหาทางธุรกิจ จนถึงขั้นที่อาจจะต้องล้มละลายได้เช่นนี้ นางก็ต้องเปลี่ยนท่าทีจากสนับสนุนมาเป็นฝ่ายคัดค้าน ไม่คิดที่จะส่งเสริมความรักของทั้งสองอีกต่อไป นางไม่ผิดที่คิดจะปกป้องลูกสาวให้ได้รับสิ่งที่ดีกว่า ในเมื่อทั้งธีรยุทธ กับ นภาพร เป็นเพียงคู่รักกันเท่านั้น ยังไม่ได้แต่งงานกัน ย่อมมีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงได้
“ยัยหมอนกับเอริค มาโน่นแล้ว…”
อรรคพงษ์ มีน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นลูกสาวเดินมาแต่ไกล
เอริค สามีของสมรจูงลูกสาววัยน่ารักมาหยุดตรงหน้าพ่อตาและแม่ยาย แล้วเขาก็ยกมือไหว้ด้วยกิริยาแบบไทย ๆ ก่อนจะเข้าไปกอดอรรคพงษ์ และปรางทอง เป็นการทักทายตามธรรมเนียมของเขาด้วย
เมื่อทุกคนทักทายกันครบแล้ว สมรก็หันไปพูดกับชายหนุ่มชาวต่างชาติที่เดินตามมา เขาอยู่ในวัยเดียวกับเอริค และมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาตามแบบฉบับชายชาวยุโรป
“พ่อจ๋า แม่จ๋า…นี่ มิสเตอร์มาร์ค ค่ะ เป็นเพื่อนกับเอริคตามมาเที่ยวเมืองไทยด้วย…”
สมร บอกพร้อมกับแอบสบตามารดาอย่างรู้กัน ปรางทอง ยิ้มอย่างพอใจ
มาร์ค ยกมือไหว้ อรรคพงษ์ และ ปรางทอง อย่างเก้ ๆ กัง ๆ ตามประสาชาวต่างชาติที่ไม่คุ้นเคยกับการไหว้แบบไทย ๆ แต่ทั้งสองก็ไม่ถือสา กลับมองเห็นเป็นกิริยาที่น่ารักไป
“แมว..รู้จักกับมาร์คเอาไว้.. เพราะพี่บอกไปแล้วว่าจะให้แมว เป็นคนพาเขาไปเที่ยว”
สมร หันมาบอกกับน้องสาว ทำให้นภาพร รีบยิ้มให้กับแขกของพี่สาว ทั้งที่ไม่รู้มาก่อนว่าจะมีแขกพิเศษติดตามมาด้วย เพราะพี่สาวหล่อนไม่ได้บอกมาล่วงหน้า
“คุณสวยกว่ารูปที่พี่สาวคุณให้ผมดูเสียอีก…”
มาร์ค ส่งภาษาของเขากล่าวชมนภาพร
“พี่หมอน…เอารูปของแมวให้เขาดูด้วยหรือคะ…” นภาพร หันไปถามพี่สาว
“อ๋อ…ก็รูปที่แม่ส่งไปให้ไง…ที่ถ่ายพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวน่ะ…”
นภาพร จึงพยักหน้าเข้าใจ หล่อนสังเกตเห็นว่าแขกพิเศษของพี่สาวกับพี่เขย ดูจะให้ความสนใจในตัวหล่อนมากเป็นพิเศษ ดูได้จากแววตาของเขาที่มองหล่อนด้วยความชื่นชมตลอดเวลา
“ว่าไงจ๊ะหลานคนสวย มาให้น้ากอดให้ชื่นใจหน่อยสิ”
นภาพร ก้มตัวไปพูดภาษาอังกฤษกับลูกสาวของสมร พร้อมกับกอดน้องจีน่า ด้วยความเอ็นดูเด็กสาวลูกครึ่งที่หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตายืนทำหน้างง ๆ แต่ก็ยอมให้น้าสาวกอดแต่โดยดี
“แม่ว่ารถคันเดียวคงนั่งกันไม่หมดแน่เลย…เอางี้..ให้มาร์ค นั่งรถไปกับยัยแมว ก็แล้วกัน พร้อมกับบรรทุกกระเป๋าทุกใบไปด้วย ส่วนพ่อกับแม่ เอริค น้องจีน่าแล้วก็หมอนเราไปแท็กซี่กัน…”
ปรางทอง รีบเป็นคนจัดแจงทันที
“รอรถ ธีม อีกคันดีกว่าค่ะแม่…เดี๋ยวธีมก็ใกล้จะถึงสนามบินแล้ว…”
นภาพ รบอกมารดา พร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือดูด้วยสีหน้าไม่สบายใจที่ ธีรยุทธ มาไม่ทันเวลา
“ไม่รงไม่รอแล้ว…คนไม่รู้จักรักษาเวลาไม่รู้จะคอยไปทำไมเสียเวลา…คนเป็นนักธุรกิจทำตัวแบบเนี้ยบริษัทถึงได้เจ๊ง”
“แม่!…”
นภาพร เรียกชื่อมารดาเสียงดังด้วยความไม่ชอบใจ
“คุณก็พูดอะไรก็ไม่รู้….คนเรามันก็มีพลาดกันได้…” อรรคพงษ์ ติงภรรยา
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย..ทำมารุมทั้งพ่อทั้งลูกเชียว…เอ๊า..ไปกันได้แล้ว…”
“รออีกสักนิดก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่นา…ยังไงธีม เขาก็อุตส่าห์มา”
อรรคพงษ์ ดูจะเข้าข้างว่าที่ลูกเขยคนเล็กอยู่ไม่น้อย เขารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมนัก ที่เวลานี้ภรรยาของเขาทำท่าจะกีดกันธีรยุทธ ออกไปให้พ้นทางลูกสาว ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีแต่ความชื่นชมยินดี
“คุณจะรอก็รอไปคนเดียวเถอะค่ะ…ไปลูก..เราขนกระเป๋าไปที่รถของยัยแมวกันก่อน..”
เมื่อปรางทอง เป็นผู้นำเช่นนั้นจึงไม่มีใครกล้าขัด
นภาพร แอบโทรศัพท์ไปบอกธีรยุทธ ด้วยความไม่สบายใจ แต่ธีรยุทธ ก็ตอบมาว่า
“ธีมรีบมาแล้วนะแมว…แต่พอดีมันมีรถชนกันอยู่ข้างหน้า รถก็เลยติดกันยาวเลย…”
ธีรยุทธ มีน้ำเสียงไม่สบายใจเช่นกัน ที่ไม่สามารถมาตามนัดหมายได้ตรงเวลา
“แมวเข้าใจธีมค่ะ…ตอนนี้พี่หมอนก็มาถึงแล้ว พวกเขาอยากจะกลับบ้านกันเร็ว ๆ เอาเป็นว่าธีม ก็ไม่ต้องมาที่สนามบินแล้ว…เอาไว้พรุ่งนี้ ธีม ค่อยไปหาแมวที่บ้านจะได้พาครอบครัวพี่หมอนไปเที่ยวกันนะคะ”
ธีรยุทธ จึงเลี้ยวรถกลับบ้านทันที หลังจากที่นภาพร บอกว่ากำลังจะออกจากสนามบินกันแล้ว
