ตอนที่ 3 ของหวาน
หลังจากที่เมื่อวานทั้งคู่ไปทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ต่างแยกย้ายกันไปเข้านอน จนตื่นเช้าในวันถัดมาทำให้หญิงสาวเริ่มประหม่าและทำตัวไม่ถูก เธอจึงแกล้งลงมากินข้าวเช้าสายกว่าปกติเพื่อจะหลบหน้าเขา ยิ่งนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนนี้หน้าก็เริ่มร้อนผ่าวออกมา ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ฟันที่เรียงสวยด้านบนนั้นขบลงเม้มที่ริมฝีปากล่างของตัวเอง จินตนาการถึงเรื่องราวเมื่อคืนที่กว่าเธอจะได้หลับได้นอนก็ปาไปตีสองกว่า
ข่มตาหลับว่ายากแล้ว แต่ฉากเมื่อคืนนั้นฉายออกมาอยู่ในหัวแทบจะทุกเวลา ยากมากที่จะลบให้หายไป ยิ่งลบมันออกก็เหมือนภาพจะยิ่งฉายออกมาเรื่อย ๆ เหมือนกับในตอนนี้
ภาพทุกอย่างผุดออกมาภายในหัวเธอเป็นฉาก ๆ อย่างต่อเนื่องเสียจนทำให้เธอนั้นแทบจะบ้า ยิ่งคิดก็ยิ่งขบฟันลงบนริมฝีปากอวบอิ่มที่มันเหมือนจะเป็นต้นเหตุ
ก๊อก ก๊อก
'เข้ามาได้เลยค่ะ ห้องไม่ได้ล็อก' เคียงรักตะโกนบอกในขณะที่กำลังนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะสีชมพูข้างเตียง
'ยังไม่นอนอีกเหรอครับ' พิธาเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องนอนของเคียงรักทันทีที่ได้ยินเสียงอนุญาต เขามองหญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือที่เขาซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุสิบสี่
'ค่ะ ปะป๊ามีอะไรรึเปล่าคะ' เคียงรักเงยหน้าขึ้นมองพ่อเลี้ยงด้วยความสงสัย
'ก็แค่เห็นว่าสี่ทุ่มกว่าแล้ว ทำไมส้มถึงไม่เข้ามาในห้องของปะป๊าอีก ไม่มากอดมาหอมเหมือนทุกคืน'
'ปะป๊า ปะป๊าแกล้งหนู' เคียงรักพูดเสียงแผ่วพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มขึ้นสี
'วันนี้ปะป๊าใจดีเลยจะเป็นคนเดินมาให้หนูกอดหนูหอมไงครับ ดีไหม'
พอสิ้นสุดคำเคียงรักก็รู้สึกประหม่าและลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ ถ้าไม่รีบคว้าเอาไว้ก็อาจจะไม่มีครั้งหน้าอีก
เคียงรักจึงลุกขึ้นเดินไปสวมกอดพลางดึงให้อีกฝ่ายย่อตัวลงจนส่วนสูงเท่ากันจนเกิดเสียงฟอดดังขึ้น และเคียงรักก็ยังคงไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไปง่าย ๆ เธอยังคงสวมกอดเขาต่อจนพอใจจึงผลักออก แต่แล้วร่างสูงก็ไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวเดินจากไป
พิธาที่เห็นเคียงรักปล่อยมือออกจากตัวเขาจึงเอามือหนาไปกอดที่เอวคอดของเธอแทน และก้มตัวลงไปหอมที่แก้มนวลของหญิงสาวอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังเหมือนกับตอนที่เธอหอมเขา ก่อนที่สายตาจะหันไปเห็นริมฝีปากที่อวบอิ่มของเธอเม้มเข้าหากัน
“คุณหนูคะ คุณหนูส้ม”
แต่หญิงสาวเจ้าของชื่อกลับยังเหม่อลอยจนไม่ได้ยินว่ามีคนเรียกอยู่
“คุณหนูคะ!”
เสียงเรียกดังอีกครั้งจนทำให้เคียงรักนั้นสะดุ้งโหยงและรีบหันไปตอบในทันที
“คะ ๆ ว่าไงคะป้าสา”
“คุณหนูเป็นอะไรคะ ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมเหม่อลอยและหน้าแดงขนาดนั้น” อรสาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งนิ่งไปนาน
“เปล่าค่ะป้าสา แล้วนี่ป้าเรียกหนูทำไมเหรอคะ”
“ป้าจะบอกว่าคุณเขาให้ฝากมาบอกคุณหนูค่ะว่าวันนี้มีงานด่วน แต่จะมาทานข้าวเที่ยงด้วย”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะป้าสา” เคียงรักพยักหน้ารับหงึกหงัก
“แล้วก็คุณเขาฝากมาบอกอีกว่าของหวานเมื่อคืนหวานมาก คืนนี้อยากกินอีก ของหวานที่คุณเขาว่าคืออะไรกันคะ” อรสาเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
“เอ่อ...ก็น่าจะเค้กกล้วยหอมนะคะป้าสา” เคียงรักที่ได้ยินก็ตกใจทันที แต่ยังพยายามเก็บสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
ปะป๊า ปะป๊านิสัยไม่ดี!
“อ้อ ป้าก็นึกว่าของหวานอะไร เพราะปกติคุณเขาจะไม่ค่อยทานของหวานมื้อดึก ยังไงป้าขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ คุณหนูก็อย่าลืมทานข้าวด้วยนะคะ เดี๋ยวจะปวดท้องเอา”
“ได้ค่ะ ป้าสาไปทำงานต่อเถอะค่ะ” เคียงรักพยักหน้ารับ ก่อนที่จะมองตามหลังอรสาที่เดินจากไปพลางบริภาษตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอนั่งเหม่อลอยตลอดทั้งเช้าในใจ
ปะป๊าร้ายกาจที่สุด คนเจ้าเล่ห์
เขารู้ว่าเธอเข้าไปหาทุกคืน เข้าไปกอด เข้าไปหอมทุกคืนตั้งแต่แยกห้องนอนกันตอนเธออายุสิบหกยันตอนนี้อายุยี่สิบสอง เธอเคยมั่นใจมาตลอดว่าเขาไม่รู้เพราะไม่เห็นเขาพูดถึงเลยสักครั้ง แต่มันกลับผิดพลาดไปหมดเมื่อเจ้าตัวรู้มาตั้งนานแล้ว แถมยังรู้ตั้งแต่วันแรกอีกด้วย!
“อยากกินอีก... อยากกินอีกเหรอ” เคียงรักนึกถึงคำพูดของอรสาที่บอกว่าเขาฝากมาบอก พร้อมกับยกมือลูบที่ริมฝีปากของตัวเองแผ่วเบาอย่างไม่รู้ตัว
ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนใบหน้าของหญิงสาวก็ยิ่งร้อนผ่าวเสียจนต้องเอามือทั้งสองข้างมากุมที่แก้มแทน แล้วก้มหน้าเขินอายอยู่คนเดียว
ร่างสูงกำยำนั่งลงบนเก้าอี้นิ่มของผู้บริหาร นิ้วแกว่งควงปากกาแท่งโปรดไปมา พร้อมทั้งปลายนิ้วอีกข้างก็ลูบริมฝีปากหนาไปด้วยเมื่อนึกถึงสัมผัสเนียนนุ่มที่ยังคงตราตรึงใจ
ตราตรึงเสียจนทำให้โหยหาอยากจะชกชิมความหวานนี้อีก แม้ตัวเองจะเคยห้ามอาการเหล่านี้ซ่อนไว้ในส่วนลึกได้มาตลอด แต่สุดท้ายเมื่อคืนนี้ชายหนุ่มก็ไม่สามารถเก็บความรู้สึกไว้ได้อีก
“หึ ยิ่งนึกถึงเมื่อคืนก็ยิ่งคิดถึงจริง ๆ” พิธาพึมพำออกมา สมาธิที่ต้องใช้ทำงานบัดนี้แตกกระเจิง เพราะเอาแต่คิดถึงใครบางคน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล นอกเสียจากลูกเลี้ยงของเขานั่นเอง
พิธาหลับตาลงเพื่อพักสายตาเพราะออกมาทำงานตั้งแต่รุ่งเช้า เขาพยายามทำจิตใจให้ผ่อนคลาย รวบรวมสมาธิไม่ให้หลุดลอยไปไกล แต่ภาพเรื่องราวของเมื่อคืนก็กลับฉายออกมาให้เห็น
ฉับพลันที่สายตาของเขามองเห็นริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ด้วยความยากลำบาก พร้อมกับคิดในใจว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ส้มโตเป็นสาวจนเสน่ห์และน่าหลงใหลได้ขนาดนี้
'มองอะไรคะ ทำไมต้องกลืนน้ำลายด้วยเหรอคะปะป๊า' เสียงหวานของเคียงรักเอ่ยถาม
เป็นเหตุให้พิธาต้องเลื่อนสายตาขึ้นมองสบเธอ
ดวงตากลมโตใสแป๋วคู่นี้ ทำไมมันถึงได้ดูน่ารักขนาดนี้ได้
'ปะป๊าอยากกินของหวาน' เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าอย่างคนที่กำลังสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่าง
'ฮะ ของหวานเหรอคะ เค้กกล้วยหอมคงหมดแล้วมั้ง ส้มให้คุณแม่พร คุณพ่อพิทักษ์ แล้วก็ลูกจ้างคนอื่น ๆ ของปะป๊าด้วย ไม่น่ามีเหลือแล้วนะคะ'
'แต่ปะป๊าว่ามีของหวานหนึ่งอย่างที่ปะป๊าอยากชิม แต่ยังไม่มีโอกาสได้ชิมเลย'
'อะไรเหรอคะปะป๊า'
'หนูอยากรู้เหรอ'
'ใช่ค่ะ หนูอยากรู้ จะได้ไปเอามาให้ปะป๊าชิมไงคะ ถ้าหาซื้อไม่ได้หนูก็จะทำให้เอง'
'พูดจริงหรือเปล่า'
'จริงสิคะ'
'งั้นปะป๊าขอชิมนะคะว่าขนมจะหวานขนาดไหน'
'เอ๋ อะไรของปะป๊า หนูไม่เข้าใจ' เคียงรักเอียงคอด้วยความงง
ทำไมเขาพูดเหมือนไม่เคยได้ทาน และมาบอกว่าจะขอชิม มันหมายความว่ายังไง เธอไม่เข้าใจจริง ๆ
'เดี๋ยวหนูก็เข้าใจครับ' พิธากระตุกยิ้มที่ริมฝีปาก แววตาคมเข้มฉายความเจ้าเล่ห์ออกมา
เขามองดูหญิงสาวในอ้อมแขนที่เอียงคอด้วยท่าทางน่ารัก ก่อนจะก้มลงชกชิมของหวานที่ตัวเองพูดถึงในทันที
เมื่อริมฝีปากหนาจรดลงกับกลีบปากอวบอิ่ม สัมผัสที่ได้รับนั้นนุ่มนิ่มเสียจนเหมือนกับเยลลี ลิ้นสากดุนดันเข้าไปภายในโพรงปากเล็กอย่างง่ายดายเพราะอีกฝ่ายกำลังตกใจจนเผลออ้าปากค้าง เขาตวัดลิ้นสำรวจจนทั่วและหยอกล้อกับลิ้นเล็กอย่างเพลิดเพลิน รสชาติที่ชายหนุ่มได้ลิ้มลองนั้นหวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า อ้อมแขนแกร่งกระชับแน่นขึ้นให้ร่างกายของคนทั้งคู่แนบชิดกัน จูบที่อ่อนหวานเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้น
จนกระทั่งกำปั้นของเคียงรักทุบลงที่อกหนา เพราะต้องการบอกว่าเธอเริ่มจะหายใจไม่ทันแล้ว พิธาจึงถอนริมฝีปากออกอย่างช้า ๆ เขามองดูปากอวบอิ่มของหญิงสาวที่เผยอออกมาน้อย ๆ เพื่อกอบโกยเอาอากาศหายใจเข้าไป
ดวงตาของเธอเบิกโพลงตลอดเวลาที่โดนจูบจนถึงตอนนี้ การสัมผัสที่รุกล้ำแบบนี้หญิงสาวเพิ่งเคยได้รับเป็นครั้งแรก และมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวด้วย
'หวานจังเลยครับ แต่เสียดายชิมได้นิดเดียวเอง' พิธาพูดโดยที่ยังจับจ้องไปที่ริมฝีปากที่เขาเพิ่งได้ครอบครองไปเมื่อสักครู่ไม่วางตา
'ปะป๊าทำไมถึงทำแบบนี้คะ' เคียงรักเอ่ยถามเขาด้วยความตกใจ
มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา
'ปะป๊าอยากกินของหวานไงครับ ทำไมเหรอ เคียงรักเป็นของหวานให้ปะป๊าไม่ได้เหรอครับ หืม คนดีของปะป๊า' เขาเริ่มหยอดเธอ
'ปะป๊า...'
'เรียกปะป๊าบ่อยจัง ระวังปะป๊าจะขอชิมต่อนะครับ เอาไหม' พิธามองคนในอ้อมแขนตัวเองที่ดูสับสนเหมือนนกน้อยกำลังหลงทางด้วยสายตาเอ็นดู
เคียงรักแสดงออกมาอย่างหวาดหวั่น สีหน้าแววตายิ่งดูตื่นตระหนก และจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่เชื่อสายตา
'ไม่เอาแล้วค่ะ หนูกลัว'
แต่พิธานั้นกลับยังคงยกยิ้มออกมา เขานึกขำกับสีหน้าท่าทางของหญิงสาว
'หึ เด็กดีของปะป๊า เข้านอนเถอะครับ ฝันดีครับส้ม' แต่พิธาก็ใช่ว่าจะออกไปเฉย ๆ เมื่อจบประโยคชายหนุ่มก็แนบสนิทลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มอีกครั้ง
พิธาเสียดายที่ได้ครั้งนี้ไม่ได้สอดแทรกเข้าไปหาความหวานจากด้านใน แต่เขาก็ต้องยอมหยุดและทำเพียงแค่ปากแตะปากเท่านั้น
ร่างสูงผละตัวออกจากเธอเล็กน้อยแล้วมองใบหน้างามที่ขึ้นสีแดง เธอน่ารักเสียจนเขาอยากที่จะฟัดให้หายมันเขี้ยว แต่ก็ต้องระงับความต้องการเอาไว้ และคิดว่าเขาสมควรจะกลับเข้าห้องตัวเองได้แล้ว ขืนอยู่ตรงนี้ต่อคงไม่จบง่าย ๆ แน่
แม้ว่าเขาจะเดินออกไปแล้ว สายตาและสัมผัสนั้นก็ยังคงติดใจอยู่บนริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาวตลอดทั้งคืน
พิธาลืมตาขึ้นมาเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ
ถ้ากลับบ้านไปหาหวังว่าเธอคงไม่หลบหน้าหรือไม่คุยกับเขานะ
เขาคิดโทษตัวเองทันที เคียงรักคงตกใจหรือไม่ก็คงกลัว อาจจะถึงขั้นโกรธเขาไปแล้ว เมื่อครั้นคิดขึ้นได้สีหน้าของชายหนุ่มก็เริ่มเครียดขึ้นมา คิ้วผูกเข้าหากันจนยุ่ง
เพราะอารมณ์ความใคร่ของตัวเองแท้ ๆ ทนมาได้ตั้งนานหลายปี แต่แค่เห็นริมฝีปากของเธอสติก็หลุดจนทำให้เผลอไปรังแกเธอเข้าจนได้ แค่คิดว่าเคียงรักของเขาจะโกรธ ไม่ยอมคุยด้วย หรือไม่มองหน้ากัน จิตใจของเขาก็รู้สึกบีบรัดแน่นทันที
“ไอ้พิธานะไอ้พิธา แค่นี้มึงก็ทนไม่ได้ ถ้าโดนส้มโกรธจะเป็นยังไงนะ” พิธาพึมพำตัวเอง แต่ก็อดยอมรับไม่ได้เลยว่าสัมผัสที่ได้รับจากริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาวนั้นทำให้เขามีความสุขขนาดไหน
ชายหนุ่มรู้สึกโหยหาและตราตรึงมาก ถึงขั้นคิดว่าถ้าทุกเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ได้รับสัมผัสนี้ตลอดมันจะดีขนาดไหนกันนะ
สัมผัสที่นุ่มนิ่มและหอมหวาน หวานเสียจนขนาดรังผึ้งทั้งรังยังสู้ริมฝีปากของเคียงรักไม่ได้
ความคิดของเขานั้นดูเหมือนจะเวอร์เกินไป รังผึ้งหวานดั่งน้ำตาลทั้งกระปุก อ้อยทั้งไร่ เพียงแค่จูบของหญิงสาวคนหนึ่งจะไปหวานขนาดนั้นได้อย่างไร
แต่สำหรับตัวพิธาแล้ว รสสัมผัสของเคียงรักที่ตราตรึงอยู่นั้นคือรสชาติที่หวานหอม เย้ายวนเขาเป็นที่สุด หวานเสียจนอะไรก็มาเทียบสู้ไม่ได้
นี่สินะ ส้มของเขาโตเป็นสาวแล้วจริง ๆ มีเสน่ห์ถึงขนาดที่ทำเอาปะป๊าคนนี้อดใจไม่ไหว
