ห้า
วันต่อมาเหม่ยจูตื่นสายกว่าทุกวัน นางตื่นประมาณยามอู่ ตื่นมาพร้อมกับอาการมึนหัวแทบแตก โดยเหม่ยจูรู้สึกตัวตอนยามอิ๋นพบว่าตัวเองเอนนอนอยู่ที่ห้องแต่งตัวของเหล่านางโลม จากคำบอกกล่าวของบ่าวผู้ที่เป็นคนนำนางออกมาจากห้องนั้นเอ่ยว่า ตอนพวกเขาไปเก็บห้องเจอเหม่ยจูนอนอยู่บนพื้นไม่ได้สติ และที่นางตื่นขึ้นมาเพราะมีบ่าวคนหนึ่งมีน้ำใจเช็ดลูบด้วยผ้าเปียกน้ำให้ตามหน้าและตัว เพราะกลัวว่าแม่นมจะเป็นห่วงเหม่ยจูจึงฝืนลากสังขารตัวเองกลับจวนมาจนได้ โดยที่แม่นมหลับไปแล้ว
นางรู้สึกแค้นเคียงพ่อบุรุษขวัญใจสตรีหอซือเซียนมากที่ใช้อำนาจบังคับนางให้ดื่มสุราแทนแล้วยังปล่อยนางทิ้งไว้ในห้องอีก แต่ความโกรธเคืองทั้งหมดก็หายไปเมื่อพบว่าที่อกของตนมีก้อนเงินก้อนหนึ่งหลบอยู่!
หนึ่งตำลึงทอง!! นางรวยแล้ว
ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความแค้นทั้งหมดปลิวหายเป็นปลิดทิ้ง เหม่ยจูคิดว่าเงินก้อนนี้คงเป็นบุรุษผู้นั้นให้นางเป็นของตอบแทนที่นางทำงานให้อย่างแน่นอน
เอาล่ะจากที่ร่างกายอ่อนเพลียตอนนี้กลับรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันใด เหม่ยจูรีบล้างหน้าล้างตาและออกมาทานข้าวกับแม่นมจื่อเหยียน ซึ่งพอออกมาเจอหน้าสตรีวัยกลางคนที่กำลังตักน้ำแกงใส่ชามมาวางตรงโต๊ะกลางเรือน นางก็ถูกทักทันที
“เสี่ยวจูของบ่าวใบหน้าแช่มชื่นเช่นนี้มีเรื่องดีอะไรที่ยังไม่บอกบ่าวหรือเปล่าเจ้าคะ”
เหม่ยจูส่งยิ้มไปให้ นางไม่ถือสากับคำเรียกตัวเองของจื่อเหยียนที่กลับไปแทนตัวเองว่าบ่าวอีกแล้ว เพราะเริ่มรู้สึกชิน เหม่ยจูเดินไปนั่งเก้าอี้ประจำพร้อมตักน้ำแกงขึ้นซด
“ฝีมือแม่นมของข้าอร่อยเช่นเคย”
เหม่ยจูเบี่ยงเบนไม่ตอบ ซึ่งเจ้าของคำถามก็เข้าใจดีจึงไม่ซักไซ้ต่อ เพราะการที่คุณหนูยิ้มย่อมดีกว่าทำหน้าอมทุกข์อยู่แล้ว
“แม่นมข้าว่าจะทำแป้งผลัดหน้าขาย ท่านว่าดีไหม”
เหม่ยจูนึกถึงยามที่นางไปช่วยเหล่านางโลมในหอซือเซียนแต่งหน้าแต่งตัวแล้วจึงนึกอยากทำขึ้นมา เหม่ยจูคิดว่าสินค้าที่จะขายได้ดีคือสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า ต้องสามารถแก้ปัญหาพวกเขาได้
...ใช่แล้ว กลุ่มลูกค้าแรกของนางคือเหล่านางโลมในหอนั่นเอง!
เนื่องจากสิ่งที่สำคัญสำหรับเหล่านางโลมคือความงาม ฉะนั้นก่อนทำงานพวกนางจะต้องประโคมผิวด้วยแป้งเพื่อปิดบังปัญหาต่าง ๆบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นรอยสิว จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือรูขุมขนและความไม่เรียบเนียนต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันพวกนางจึงต้องผลัดแป้งให้หนา ยิ่งหนายิ่งดี ผิวจะได้เรียบเนียนดูงดงาม จะว่างามไหมก็งามอยู่แต่หากเปรียบเทียบเหล่านางโลมกับสตรีข้างนอกแล้วจะสามารถแยกความงามออกได้อย่างชัดเจน
หากคนพูดถึงนางคณิกาจะต้องนึกถึงสตรีที่แต่งหน้าหนา ๆจัดจ้าน ซึ่งแม้เหม่ยจูไม่ใช่บุรุษย่อมดูออกว่าหากให้เลือกระหว่างงามอย่างธรรมชาติหรือความงามที่ถูกแต่งแต้ม ย่อมต้องเลือกอย่างแรกอยู่แล้ว
ชาติก่อนนางเคยเป็นหมอในองค์กรเอกชนควบคู่กับทำงานวิจัยไปด้วยทำให้พอมีความรู้เรื่องการผลิตของอยู่บ้าง ส่วนจะใช้สมุนไพรใดในยุคนี้มาทำนั้นหาหนังสือสักเล่มมาศึกษาก็ได้แล้ว
“หือ คุณหนูทำเป็นหรือเจ้าคะ”
จื่อเหยียนไม่หยุดมือเช็ดถูพื้นขณะเอ่ยถาม นางไม่คิดว่าที่เหม่ยจูพูดนั้นนางจะทำจริงอยู่แล้วจึงไม่ได้สนใจอะไร แต่แล้ววันต่อมาเห็นข้าวของมากมายที่เหม่ยจูซื้อมาก็ตกใจ และยิ่งตกใจขึ้นไปอีกเมื่อคุณหนูลงมือทำอย่างจริงจัง ตื่นเช้ามาก็หมกมุ่นอยู่กับข้าวของที่ซื้อมา ตกเย็นก็ออกไปทำงานอย่างนี้ซ้ำกันจนกระทั่งวันนี้ เหม่ยจูวิ่งหน้าตั้งออกมาหานาง
“แม่นมข้าทำเสร็จแล้ว หลังจากนี้เราจะรวยแล้วนะ”
เหม่ยจูชูตลับแป้งในมือพร้อมเปิดให้จื่อเหยียนดู ฝ่ายแม่นมนั้นได้แต่ยิ้มจืดเจื่อนทำเป็นดีใจกับคุณหนูนาง ขอเพียงคุณหนูของนางมีความสุข ไม่ว่าเจ้าแป้งตรงหน้าจะขายออกหรือไม่นั้น จื่อเหยียนเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
เหม่ยจูรีบออกจากจวนเพื่อนำแป้งหนึ่งตลับไปที่หอซือเซียนก่อนเวลา นางเข้ามาในหอปุ๊บก็ตามหาตัวแม่นางฟางซินทันที
“เจ้ามาหาข้ามีธุระอะไรกับข้าหรือ”
ฟางซินเป็นดาวเด่นของหอจึงมีห้องพักส่วนตัวแยกจากคนอื่น แต่เป็นเพียงห้องเล็ก ๆเท่านั้น
“ข้าได้ทำแป้งผลัดหน้าขึ้นมาใหม่ จึงอยากลองนำมาให้เจ้าลองใช้ดู”
พูดพลางยื่นตลับในอกเสื้อให้ ฟางซินมองของในมือชั่วครู่แล้วจึงรับมา
“มิรู้ว่าหมอจูทำแป้งเป็นด้วย”
เหม่ยจูเห็นสีหน้ากังวลของฟางซินจึงรีบเอ่ย
“ข้าได้ทดสอบกับผิวของข้าแล้วรับรองหน้าอย่างเจ้าไม่แพ้แน่ หากไม่แน่ใจก่อนใช้ให้ลองทาแป้งที่สันกรามก่อนทิ้งไว้สักชั่วยามหากไม่แพ้ก็ใช้ที่หน้าได้เลย”
ก่อนหน้านี้เหม่ยจูได้ขอแป้งที่ฟางซินใจกลับไปวิเคราะห์ดูแล้ว หากนางไม่แพ้แป้งตลับนั้นก็ยากที่จะแพ้แป้งของนางที่ทำมาใหม่
“แล้วก็ตลับนี้ข้าให้เจ้าไปใช้ก่อนไม่คิดเงิน และเจ้าแป้งตลับนี้มีเนื้อละเอียดทำให้ผิวเนียนขึ้น และรูขุมขนก็จะดูเล็กลงด้วย หากใช้แล้วเป็นอย่างไรอย่าลืมมาบอกข้านะ เจ้าใช้วันนี้เลยนะ”
ด้วยความที่เหม่ยจูเคยช่วยฟางซินไว้ ซึ่งหลังจากที่ฟางซินจัดการเรื่องตั้งครรภ์จนเสร็จเรียบร้อยแล้วนางก็กลับมาทำงานที่หอซือเซียนตามปรกติ และเหม่ยจูก็กลายเป็นคนสนิทของฟางซินไปโดยปริยาย โดยเบื้องหลังคำว่าคนสนิทก็คือผู้มีพระคุณเหนือหัวนั่นเอง
และเหม่ยจูก็จะใช้ประโยชน์ข้อนี้ในการให้ฟางซินใช้แป้งของนางก่อน แน่นอนในฐานะดาวเด่นของหอหากแม่นางฟางซินใช้แล้วชอบ เกิดการบอกต่อ แป้งผลัดของนางย่อมขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอย่างแน่นอน
