
บทย่อ
ชาติก่อนนางคือหมอและตายเพราะถูกนำเป็นร่างทดลองปรับแปลงดีเอ็นเอ มาเกิดใหม่ในร่างสตรีที่บิดาชัง ต้องดิ้นหาเงินด้วยการแอบไปทำงานในหอนางโลม ว่าแต่ไยนางถึงได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับแม่ทัพปิศาจแสนเจ้าชู้ได้นะ .......... ชาติก่อนนางคือหมอในองค์กรลึกลับแห่งหนึ่ง และตายเพราะถูกนำเป็นร่างทดลองปรับแปลงดีเอ็นเอ การทดลองผิดพลาดจนถึงแก่ชีวิตจึงได้ย้อนกลับมาเกิดในร่างของสตรีแสนอาภัพในยุคโบราณ คุณหนูตกอัพผู้นี้คือบุตรีที่บิดาไม่แยแส ให้อยู่ในบ้านท้ายจวนเยี่ยงบ่าวหนึ่งคน สุดท้ายก็ป่วยจนตาย พอนางได้เข้าร่างแทนจึงต้องกระเสือกกระสนออกหางานยามค่ำคืนเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง ด้วยความเป็นหมอในชาติก่อนแต่อาชีพนี้หาได้รุ่งเรืองสำหรับสตรีในยุคนี้ไม่ ทำให้คุณหมอจำต้องกลายเป็นหมอเบ็ดเตล็ดรักษาโรคสตรีประจำในหอนางโลม! วันหนึ่งด้วยความโชคร้ายกลับถูกกินเต้าหู้จากแม่ทัพปีศาจที่ถือว่าเป็นแขกประจำในหอนางโลมแห่งนี้ ไหนจะอยู่มาวันหนึ่งบิดาผู้มิเคยเเยเเสกลับมาหยิบบุตรีคนนี้ใส่ตะกร้าล้างน้ำ ประเคนให้ผู้อื่นเพื่อเสริมสร้างอำนาจอีกล่ะ แล้วทีนี้นางจะอยู่รอดพ้นจากเงื้อมมือผู้ไม่หวังดีได้อย่างไร
บทนำ
พอดวงตะวันลับขอบฟ้า อากาศยิ่งหนาวเย็นยะเยือกมากขึ้น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอบอวลปะปนกับกลิ่นเหม็นสาบบุรุษ กลิ่นเหงื่อไคลปนกลิ่นเหม็นเปรี้ยวลอยมา ตามลม
“ราตรีนี้เป็นคืนขึ้นสิบห้าค่ำขอรับ ท่านแม่ทัพ”
แผ่นหลังเหยียดตรงของบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าโดดเด่นยามเขายืนอยู่ท่ามกลางบุรุษหลากวัยที่ใบหน้าต่างเปื้อนดินเปื้อนฝุ่น ยิ่งทำให้เขาดูราวหยกงามสง่าล้ำค่าท่ามกลางก้อนหินหลากพันธุ์ ใบหน้าคม สันกรามนูนเด่น ตัดกับผิวสีน้ำผึ้งเยื้องไปทางขาวทำให้เขาโดดเด่นท่ามกลางบุรุษผิวคล้ำแดด
“อย่างนั้นเลิกได้!”
สิ้นคำ เหล่าบุรุษหลายร้อยนายเบื้องหน้าที่ก่อนหน้าเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบก็ขานรับอย่างพร้อมเพียงเสียงดังก้องค่าย หลังจากนั้นไม่เกินหนึ่งเค่อ พื้นที่ที่เคยเต็มไปด้วยบุรุษและกลิ่นเหม็นคลุ้งก็กลายเป็นพื้นที่โล่งว่างและฝุ่นกระจายฟุ้งแทน
“ท่านแม่ทัพต้องการกินอาหารที่...”
ยังไม่ทันที่เสียงของบุรุษผู้มียศเป็นรองแท่ทัพอย่างโต่งปี้ฉวนจะเอ่ยจบ เสียงแหบพร่าปนสั่นสะท้านของบุรุษผู้เป็นใหญ่ ณ ค่ายทหารประจำชายแดนแห่งนี้ก็ขัดขึ้น พร้อมร่างสูงสง่าก้าวเท้าเร่งรีบมุ่งหน้าสู่กระโจมหลังโดดเดี่ยวตั้งริมสุดค่าย ทันทีที่เข้าใกล้กระโจมหลังนั้นพลันกลิ่นหอมฟุ้งของเครื่องหอมและดอกไม้หลากพันธุ์พุ่งเข้าสู่โสตประสาท แม้เขาจะไม่ชอบแต่ยามนี้หาได้สนใจไม่
เท้าหนาพาสังขารตัวเองจนเข้าไปยังกระโจมเบื้องหน้าได้สำเร็จ
“ว้าย ท่านแม่ทัพมาแล้ว คิกคิก”
เสียงหวานหยดย้อยปานน้ำผึ้งดังขึ้น และตามมาด้วยเสียงสตรีคนอื่น ๆ ร่างบอบบางหลายนางในชุดเสื้อผ้าเนื้อบางหลากสีเร่งเดินเข้ามาล้อมรอบบุรุษผู้มาใหม่ทันที
และไม่รอให้มากความ บุรุษหนึ่งเดียวคว้าร่างบางระหงของสตรีที่ยืนอยู่ใกล้สุดเข้ามา มือหนากระชากผ้าบางเบาสีชมพูสดจนขาดวิ่น นวลเนื้อขาวผ่องปรากฏขึ้นล่อตาแต่เจ้าของแรงกระชากหาได้สนใจไม่ มือหนาคว้าสะโพกกลมกลึงเข้าหาเอวสอบของตนและเริ่มกระแทกตัวตนใส่อีกฝ่ายทันทีไร้การเล้าโลมใดใดเช่นอย่างเคย
ใบหน้าไร้ความสุขขัดกับสิ่งที่ทำตลอดค่ำคืน สตรีที่นอนล้มกองไร้ระเบียบบนพื้นบนใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเคล้าความสุข บางคนหายใจรวนระรินอ้าปากครางเสียงใสจนลำคอปล่อยได้เพียงเสียงแหบแห้ง สภาพภายในกระโจมยามนี้มิต่างกับสภาพสนามรบหลังรู้ผลแพ้ชนะอย่างไรอย่างนั้น
บุรุษหนึ่งเดียวก้มลงจัดระเบียบเสื้อผ้าก่อนก้าวออกจากกระโจมไปมิเหลียวแลเบื้องหลัง
...ออกข้างนอกกระโจมมาก็พบกับแสงแรกแห่งวันเสียแล้ว
ใบหน้าที่เคยงามสง่าแต่ครานี้กลับหมองคล้ำแฝงความอ่อนล้า นัยน์ตาคลอน้ำใส เส้นเลือดฝอยปรากฏขึ้นราวคนอดนอนหลายวันสร้างความหวั่นเกรงให้แก่ผู้พบเห็น
