บท
ตั้งค่า

สี่

เหม่ยจูมาทำงานที่หอซือเซียนได้ครบเดือนแล้ว ในทุกวันส่วนใหญ่จะยุ่งสุดตอนช่วยเหล่านางคณิกาเตรียมตัวก่อนหอซือเซียนเปิดให้บริการ พอหลังนั้นก็นั่งโง่ในห้องแต่งตัวเผื่อมีคนเจ็บป่วยฉุกเฉิน แต่เท่าที่สังเกตมาคือกรณีของแม่นางฟางซินที่ตั้งครรภ์คือทำให้นางได้ทำหน้าที่ของหมอสุดแล้ว นอกจากนั้นก็จะเป็นนางโลมบางนางมาปรึกษานางเรื่องสิวเรื่องผื่นหรือเรื่องความสวยความงามซะส่วนใหญ่ และด้วยวันนี้เหม่ยจูก็เหนื่อยมากเพราะช่วงเช้าที่ผ่านมานางลองเอาผ้าเช็ดหน้าที่แม่นมปักไปขายตามร้านผ้าต่าง ๆ เดินจนขาลากก็ขายไม่ได้ หรือถ้าจะขายก็ราคาต่ำมากนางจึงยังเก็บไว้ใช้เองดีกว่า ไม่ขายเสียหรอก ขนาดลายที่นางให้แม่นมปักนี้นางเป็นคนคิดเองเชียวนะ เป็นลายหัวใจแบบที่คนในยุคที่นางจากมาชอบวาดกันแม้จะเป็นลายง่ายแสนง่ายแต่เท่าที่ดูในยุคนี้ไม่มีใครเคยเห็นอยู่แล้ว ของที่มีชิ้นเดียวในชาตินี้จะให้ขายในราคาถูก ๆได้อย่างไรกัน

บ่าวนางหนึ่งที่เหมือนเพิ่งกลับมาจากการเอาอาหารไปให้แขกสักห้องอยู่ดีดีก็วิ่งเข้าห้องแต่งตัวที่เหม่ยจูนั่งอยู่ สีหน้าตื่นเต้นอีกทั้งนัยน์ตาหวานเยิ้มพร้อมเอ่ยพูดกับนาง

“ข้าช่างโชคดีเกินใคร หรือเพราะโชคชะตานำพาทำให้ข้าได้พบกับท่านผู้แสนสง่างามเกินใคร”

เหม่ยจูขมวดคิ้วมุ่น คำที่บ่าวนามย่าเฟินพูดออกมานั้นเหมือนไม่ได้พูดกับนางแต่ดวงตาคู่นี้กับมองมาที่นาง เหม่ยจูจึงเกิดความสับสน

“เจ้าไม่เข้าใจหรอก มิต้องทำหน้าสงสัย ข้าว่าสวรรค์เห็นคำขอข้าแล้ว ขอบคุณเหล่าเทพเซียนที่ส่งเนื้อคู่มาให้ข้าเสียที”

ยิ่งฟังเหม่ยจูยิ่งไม่เข้าใจ แต่ย่าเฟินหาได้สนใจไม่ นางเพ้ออีกหลายประโยคพอเริ่มได้สติก็ตั่งท่าคุยกับเหม่ยจูอย่างจริงจังทันที

“เจ้ารู้ไหมเมื่อครู่ข้านำอาหารไปให้ใครมา”

ใบหน้าที่ติดเรียบเฉยตลอดของเหม่ยจูไม่ได้ทำให้ความตื่นเต้นของคนพูดลดลงแต่อย่างใด

“ในห้องที่ข้านำอาหารไปให้คือห้องของท่านแม่ทัพหยางหลงแขกประจำของหอเราอย่างไรเล่า”

...แม่ทัพหยางหลง?

“อ้อ หรอ ก็ดีนี่” ...เหม่ยจูรับคำไปอย่างนั้น นางรู้จักคนผู้นี้เสียที่ไหนล่ะ

“อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้จักท่านแม่ทัพหยางของข้า!”

พอได้รับรอยยิ้มจืดเจื่อนของสตรีที่แต่งกายเยี่ยงบุรุษตรงหน้า ย่าเฟินก็แทบข่มกลั้นอารมณ์ตระหนกตกใจไม่ไหว ...ณ หอนางโลมแห่งนี้มีใครไม่รู้จักท่านแม่ทัพหยางหลงด้วยหรือนี่?!

“เจ้าอาจจะลืมไปว่าข้าเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้เพียงเดือนเดียว”

“เอาเถอะ หากเจ้าไม่รู้จักข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักเสีย” ไม่พูดเปล่า ย่าเฟินหันทั้งตัวมาทางเหม่ยจู พอจัดท่าทางตัวเองเสร็จก็เริ่มเปิดปาก

“สตรีที่หอซือเซียนไม่มีใครไม่รู้จักท่านแม่ทัพหยางหลง อ้อ ละเว้นเจ้าไว้หนึ่ง”

ย่าเฟินยกมือตบเบา ๆที่บ่าของสตรีที่ตัวเล็กและผอมบางตรงหน้า

“ท่านแม่ทัพเซี่ยหยางหลงถือเป็นลูกค้าประจำของหอเรา ทุกเดือนจะมีสตรีราวสิบคนที่ทางหอซือเซียนจะต้องส่งไปที่จวนตระกูลเซี่ยเพื่อให้เลือกเอาบางคนที่ถูกใจท่านแม่ทัพไว้เป็นนางบำเรอเขาที่จวน ส่วนคนที่ไม่ถูกเลือกก็จะถูกส่งกลับมา และหากท่านแม่ทัพหยางเบื่อก็จะส่งกลับมาเช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นเจ้ารู้ไหมเรื่องอะไร”

เหม่ยจูส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“สตรีที่เคยได้เป็นนางบำเรอท่านแม่ทัพหยางล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาคือบุรุษที่ทั้งใหญ่ อึด ถึก และทนยิ่ง เหล่านางโลมที่เคยได้ลิ้มลองล้วนวาดฝันว่าจะได้รับโอกาสนั้นอีกทั้งนั้น แต่ก็นะท่านแม่ทัพหยางล้วนไม่เคยรับคนซ้ำ ซึ่งนั่นทำให้นางโลมทั้งหลายให้ฉายาว่าท่านแม่ทัพหยางคือแม่ทัพหน้าหยกขวัญใจชาวซือเซียนอย่างไรล่ะ คราแรกที่ข้าได้เห็นใบหน้าคมสัน รูปร่างกำยำ ลำแขนเต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาแล้ว ข้ายืนเหม่อทำอะไรแทบไม่ถูกเลยล่ะ”

เหม่ยจูมองสีหน้าเพ้อฝันแล้วจึงพยักหน้าเชื่อตามที่นางพูด

...แปลกเสียจริง บุรุษเจ้าชู้เยี่ยงนั้นกลับกลายเป็นที่ยกย่องของคนอื่นเสียได้

หลังจากนั้นนางจำต้องฟังเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ทัพหยางหลายเรื่อง โชคดีที่มีบ่าวคนหนึ่งมาเรียกย่าเฟินให้ไปทำงานต่อ เหม่ยจูจึงรอดพ้นมาได้ แต่เพียงเท่าที่ย่าเฟินพูดมาก็ทำนางหูชาอยู่เหมือนกัน

ตอนนี้ภายในห้องจึงเหลือเพียงเหม่ยจูนั่งอยู่ภายในห้องคนเดียว เวลาผ่านไปราวสองเค่อ เหม่ยจูก็สะดุ้งสุดตัวโดยฉับพลัน เปลือกตาเปิดขึ้นนัยน์ตาสะลึมสะลือมองผู้ที่ทำให้นางตื่นจากฝันหวาน

“หมอจู ๆ”

...เสียงนี้ เสียงที่หลอนหูนางเมื่อครู่นี่เอง

“ข้าอยู่นี่ เอ้า ไยเจ้ามีสภาพอย่างนี้เล่า”

เหม่ยจูเข้าไปช่วยพยุงย่าถิงที่เกาะประตูค่อย ๆก้าวเข้ามา สภาพไร้เรี่ยวแรงแตกต่างจากก่อนหน้าสิ้นเชิง

“ข้าน่าจะท้องเสียกระทันหันน่ะ ขอยาหน่อย”

พาย่าถิงมายังตั่งและให้เอนนั่งกึ่งนอน คลำชีพจรตรวจดูอาการชั่วครู่

“เจ้าไปกินอาหารที่ไหนมาถึงได้ท้องเสียอย่างนี้”

เหม่ยจูเอ่ยพลางเดินไปต้มยาที่ห้องเล็กด้านข้าวซึ่งถูกทำไว้สำหรับทางโดยเฉพาะ พอได้ยาเสร็จก็นำมาให้ย่าเฟินดื่ม

“ขอบใจหมอจู ข้าก็กินปรกตินะแล้วก็กิน...โอย มาอีกแล้ว หมอจูข้าฝากหน่อย หากมีคนมาเรียกข้าไปทำงานหมอจูช่วยไปแทนข้าทีนะ ข้าไปก่อนล่ะ”

ย่าเฟินไม่รอคำตอบใด นางลากสังขารอันไร้เรี่ยวแรงก่อนหน้าไปถ่ายหนักทันที

...เฮ้อ ไปแทนน่ะไปได้ แต่ขอค่าแรงหน่อยจะดีมาก

ได้แต่บ่นในใจเพราะเจ้าตัวเจ้าปัญหานั้นไปนานแล้ว เหม่ยจูยังคงนั่งรออยู่ในห้อง จนกระทั่งเวลาผ่านไปราวหนึ่งเค่อก็มีบ่าวนางหนึ่งวิ่งเข้ามาเรียกหาย่าเฟินเพื่อให้ไปทำงาน เหม่ยจูจึงต้องไปแทนตามที่คนป่วยของนางขอไว้

เหม่ยจูเดินไปรับอาหารหลายจานทีเดียวในครัวเพื่อนำไปให้ที่ห้องของลูกค้า โดยนางไปกับบ่าวสตรีอีกสามนาง ในมือแต่ละคนถืออาหารเต็มมือ และมีจอกสุราอีกราวสองจอกได้

“อาหารมาแล้วเจ้าค่ะนายท่าน”

บ่าวสตรีคนที่เดินนำเอ่ยบอกคนในห้องก่อนเปิดประตูเข้าไป เหม่ยจูเดินตามเดินก้มหน้ามองเท้าไม่กล้าสังเกตรอบข้าง

...เอ ไยแม่นางคนด้านหน้านางถึงได้เดินช้าลงเยี่ยงนี้นะ ก่อนเข้ามาห้องยังเดินฝีเท้าฉับไวอยู่เลย

เมื่อคนด้านหน้าเดินช้าเหม่ยจูจึงจำเป็นต้องเดินช้าตาม ตั้งแต่นางเดินเข้ามาจวบตนวางของเสร็จและกำลังหมุนตัวกลับนางก็ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเลย แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงแข็งกร้าวบุรุษเพศ

“เจ้าอยู่ก่อน”

บ่าวทั้งหมดหยุดนิ่งรวมทั้งเหม่ยจูเช่นเดียวกัน นางรับรู้ได้ว่าบ่าวสตรีคนตรงหน้านางก้าวหน้าขึ้นไปคงเป็นคนที่ลูกค้าเรียกไว้ให้อยู่ปรนนิบัติเทสุรากระมัง พอเห็นว่าน่าจะสมควรออกไปได้แล้วเหม่ยจูจึงก้าวเดินอีกครา

“ไม่ใช่เจ้า เป็นเจ้าคนนั้นต่างหาก”

...เรื่องมากจริงเชียว แค่คนรินสุราต้องเลือกคนด้วยหรือ?

นางนิ่งชั่วครู่และรับรู้ได้ว่าเหมือนมีสายตาหลายคู่จ้องมาที่ตัวเอง เหม่ยจูจึงตัดสินใจเลยหน้าขึ้นมองรอบข้าง

โอ๊ะ หรือเขาหมายถึงนางกันนะ

เหม่ยจูยกมือขึ้นชี้ที่ตัวเองเป็นเชิงถามบุรุษหน้าคมคนหนึ่ง เขาคือหนึ่งในลูกค้าสองคนในห้อง พอไม่ได้รับคำตอบใดมีเพียงความเงียบ เหม่ยจูจึงหันไปมองบุรุษอีกคนเขาแต่งตัวดูหรูหรากว่าคนที่ส่งเสียงอยู่หนึ่งระดับ แต่ก็ได้รับเป็นเพียงรอยยิ้มขบขันมาแทน

...โอเค นางจะคิดว่าคำตอบคือใช่แล้วกัน ซึ่งหลังจากนั้นบ่าวคนอื่นก็ออกไป แต่ก่อนออกไปจากห้องบ่าวคนที่เดินนำนางก่อนหน้ากระซิบผ่านหูนางตอนเดินผ่าน

“เจ้าทำบุญด้วยอันใดจึงเป็นผู้ถูกเลือกเยี่ยงนี้ เหอะ”

พอประตูห้องกลับมาปิดอีกครั้ง เหม่ยจูที่ไม่เคยทำหน้าที่นี้มาก่อนจึงยืนนิ่งไม่ต้องทำอย่างไร ไม่รู้นางต้องนั่งตรงไหน ในห้องนั้นมีเพียงบุรุษสองคนนั่งคนละฝั่งมีโต๊ะคั่น บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่เหมาะสำหรับทานคู่สุรา และก็มีจอกสุราและถ้วยชุดหนึ่ง

ประหลาดตรงไม่มีนางคณิณาเลยสักนางเดียว ไม่มีแม้กระทั้งสตรีเล่นดนตรีหรือร่ายรำ ห้องนี้จึงเงียบสงบและออกจากมีบรรยากาศอึดอัดชวนหายใจไม่ออก

“ทำหน้าที่ของเจ้าสิ”

เสียงนุ่มติดเล่นของบุรุษชุดหรูหราสีน้ำเงินเงา บนใบหน้าเขาเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ตั้งแต่นางเข้ามาเขาก็ยังไม่หยุดยิ้ม ทำราวเรื่องราวรอบข้างนั้นเป็นตัวสร้างความสุขตลอดทั้งที่ก็ไม่น่ามีอะไรให้สนุก

“ขอรับ”

เหม่ยจูแต่งกายเป็นชายมีเพียงคนในเท่านั้นที่รู้ว่าแท้จริงแล้วนางเป็นหญิง ฉะนั้นนางจึงต้องสวมบทบาทเยี่ยงบ่าวบุรุษ ร่างเล็กเดินเข้ามาริบสุราใส่สองจอกและส่งให้บุรุษทั้งสอง จากนั้นก็ถอยออกมา

“ถือว่าจอกนี้เป็นจอกคารวะต้อนรับกลับเมืองหลวงสำหรับท่านแม่ทัพหยางผู้เก่งกาจก็แล้วกัน”

บุรุษชุดน้ำเงินเอ่ยจบก็ยกจอกตัวเองขึ้นดื่มหมดในคราเดียว

“ข้ารับการคารวะจากท่าน แต่ข้าดื่มสุราไม่ได้เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพ ขายหน้าท่านแล้ว”

คำพูดดูอ่อนน้อมแต่สีหน้าท่าทางของผู้พูดกลับดูทะนงตน แผ่นหลังเหยียดตรง บ่าราบตึงยิ่งชุดที่ใส่เป็นสีแดงเลือดหมูบวกกับลวดลายบนผ้าดูฉวัดเฉวียนทำให้ดูแข้งก้าวและทรงอำนาจ และในระหว่างที่เหม่ยจูนิ่งวิเคราะห์พวกเขาทั้งสองอยู่ในใจ บุรุษในชุดเลือดหมูก็หันมาเอ่ยกับนางน้ำเสียงแฝงอำนาจสั่งการ

...เขาคือขวัญใจสตรีซือเซียน เซี่ยหยางหลงนั่นเอง

“และเพื่อไม่เป็นการเสียมารยาทท่าน ข้าจักให้เขาดื่มแทน”

เขาที่ว่าก็คือ เหม่ยจูนั่นเอง

ไม่ว่าชาติก่อนหรือชาตินี้นางเคยลิ้มรสสุราเสียที่ไหนเล่า!!! นอกจะหมกมุ่นในกามารมณ์แล้ว ยังบ้าอำนาจอีกด้วย

โถ ใครบอกว่านางบุญช่วยหนุนนำ นางว่าสวรรค์แกล้งนางเสียมากกว่า ในสถานะเยี่ยงบ่าวคนนึงนางหาได้มีสิทธิ์ปฏิเสธได้ไม่

เหม่ยจูในชุดเนื้อผ้าหยาบใบหน้าและตัวทาถ่านดำเดินเข้าไปยกสุราในจอกขึ้นดื่มอย่างจำใจ รสขมแสบคอไหลลงผ่านลำคอร้อนลวกจนหลับตาหยีน้ำตาเล็ด เรียกเสียงหัวเราะจากบุรุษชุดน้ำเงินได้ดียิ่ง

“ข้าเรียกแม่นางสักคนสองคนให้ไหม ท่านอยู่ชายแดนมานานคงขาดแคลนมิใช่น้อยกระมัง”

เหม่ยจูได้ยินดันนั้นก็รีบพยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้นางรู้สึกมึนหัวประหลาด จากบุรุษสองคนตรงหน้าไยมองอีกทีก็มีสี่คนได้เล่า

“ไม่ต้อง! ข้าไม่ชอบกลิ่นของพวกนาง”

“ประหลาดโดยแท้ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเอกบุรุษทุกด้านอย่างท่าน สตรีทั่วเมืองหลวงต่างวาดฝันถึง ผ่านสตรีมาไม่รู้เท่าไหร่ กลับไม่ชอบกลิ่นสตรี จุ๊จุ๊”

ใบหน้าเคร่งขรึมไม่มีหลุดราวคำพูดก่อนหน้าไม่เข้าหูเขาแม้แต่น้อย เหม่ยจูสะบัดหัวเผื่อว่าจะหายมึนบ้าง แต่ก็ทำให้ร่างเล็กเซไปด้านข้างแทน

“ตัวตายตัวแทนที่เจ้าเลือกคงไม่ไหวแล้วกระมัง”

บุรุษชุดน้ำเงินหันมาสนใจบ่าวร่างเล็กผิวเข้มแทน ใบหนาของบ่าวผู้นี้ขนาดเท่ามือของเขาเองกระมัง ไม่ทันจบประโยคเหม่ยซูก็ล้มลงนั่งกับพื้นแล้ว นัยน์ตาเริ่มร่องลอย

“ท่านดื่มต่อเถิด ไม่ต้องสนใจ”

หยางหลงเหลือบมองบ่าวผิวเข้มตัวเล็กชั่ววาบเดียวก็รินสุราให้คนตรงหน้าต่อ และไม่วายรินใส่ถ้วยตัวเองด้วย พอคนตรงหน้ายกดื่มหมดจอดเสร็จเขาก็ยกจอกสุราตนยื่นให้บ่าวที่นั่งตาลอยบนพื้นด้านข้างตนต่อ ซึ่งบ่าวผู้นี้ก็ยื่นมือมารับอย่างว่าง่าย ตลอดเวลาที่หยางหลงคุยกับบุรุษตรงหน้าเขาก็มักยื่นสุราให้บ่าวด้านล่างดื่มแทนเสมอจนหมดไปสองจอก บุรุษชุดน้ำเงินขอตัวกลับ เขาจึงเตรียมตัวจะกลับบ้าง

แต่ก่อนออกจากห้องก็ลอบมองบ่าวผิวเข้มที่เอนนอนบนพื้นหมดสภาพ มือหนาหยิบก้อนเงินออกมาจากอกเสื้อก่อนยัดใส่อกเสื้อของบ่าวบนพื้นและเริ่มก้าวเท้าจะออกไป

“เดี๋ยว! กินเสร็จแล้วคิดจะเบี้ยวหรือ รู้จักข้าน้อยไปเสียแล้ว”

คนเมาบนพื้นไม่พูดอย่างเดียว มือเล็กล้วงเข้าอกเสื้อควานหาบางอย่างอยู่นาน ซึ่งหยางหลงก็ไม่หนีไปไหน เขาหยุดยืนรออยู่ที่เดิมใกล้บ่าวผู้นี้

...เขาก็อยากรู้ว่าบ่าวผู้นี้จะทำอันใดกับเขาได้

จึ๊ก!

หืม เป็นเพียงบ่าวกลับกล้านำเข็มเงินมาจิ้มเขา บังอาจสิ้นดี!!! ในขณะที่ขาอันแข็งแกร่งยกขึ้นจะวาดเท้าเตะบ่าวผู้เมามายก็ต้องหยุดชะงักกึก ก่อนที่ร่างทั้งร่างของเขาจะเอนไปด้านหน้าไร้การควบคุม

ภายในเวลาชั่ววาบเดียวร่างหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามล้มลงคร่อมทับบ่าวเจ้าของเข็มพิษอย่างจัง และก่อนใบหน้าคมสันจะกระแทกพื้นก็ได้สองมือของตนค้ำไว้ก่อน ทำให้ร่างใหญ่ไม่ทับคนตัวเล็กใต้ร่างจนเกิดการฆาตกรรมขึ้น

“ฮ่า สมน้ำหน้า ถูกฤทธิ์สุดยอดยาชาข้าไปสิ้นฤทธิ์เลย”

ลมหายใจอุ่นของคนใต้ร่างเป่ารดใบหน้าคมสันของคนด้านบนอย่างจัง เนื่องจากระยะห่างเพียงฝ่ามือกั้นทำให้เขารับรู้ทั้งลมหายใจกลิ่นสุราและไอร้อนจากร่างเล็ก ใจนึกรังเกียจโดยพลันแต่ไม่สามารถลุกออกไปได้อย่างใจคิด ร่างกายส่วนล่างเขาชาไร้ความรู้สึกไม่สามารถขยับได้ มีเพียงช่วงอกขึ้นไปเท่านั้นจึงเป็นอิสระ รังสีอำมหิตแผ่กำจายโดยรอบ นัยน์ตาดุดันมองคนใต้ร่างจนร่างแทบพรุน ด้วยไม่อยากสัมผัสร่างกายสกปรกของบุรุษเจ้าเรื่องจึงทำได้เพียงเกร็งแขนรับน้ำหนักตัวเองไม่ให้ร่างกายของตนแนบชิดคนใต้ร่างแทน

เวลาผ่านไปราวหนึ่งเค่อฤทธิ์ยาจึงหมดลงพร้อมร่างบุรุษกำยำเบี่ยงตัวลงด้านข้าง ใบหน้าแดงก่ำจากการอดทนเก็บอารมณ์แสนโกรธเคืองมานานและไฟในอกยิ่งลุกกระพือเมื่อมองบ่าวขี้เมาที่ตอนนี้หลับสบายไปแล้ว

“นายท่านกะ...”

ปี้ฉวนเปิดประตูเข้ามาจะมาถามว่าต้องการกลับหรือยังนิ่งมองภาพตรงหน้าฉับพลัน อ้าปากค้างกระพริบตาปริบ ๆ นัยน์ตาฉายแววสงสัย

“ท่านแม่ทัพไปทำอะไรบนพื้นขอรับ”

รองแม่ทัพหนุ่มไล่มองท่านแม่ทัพของตนสลับบุรุษอีกคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกาย

...ท่านแม่ทัพเปลี่ยนรสนิยมแล้วหรือ

และยิ่งมองใบหน้าขึ้นสีระเรื่อของทั้งท่านแม่ทัพและบ่าวที่นอนหลับยิ่งคิดไปใหญ่ นี่เขามิได้เข้ามาขัดจังหวะอะไรใช่ไหมนะ

“กลับเถอะ”

ร่างกำยำเด้งตัวพรวดเดียวก้าวออกจากห้องไม่แลหลัง ปี้ฉวนสลัดความสงสัยทิ้งไปเร่งเดินตามท่านแม่ทัพออกไป ทิ้งให้อีกคนบนพื้นนอนอยู่อย่างนั้นไม่เหลียวแล

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel