บท
ตั้งค่า

สาม

วันนี้เหม่ยจูออกจากจวนหลังกินข้าวกลางวันเลยซึ่งเร็วกว่าปรกติเพราะนางคิดไว้ว่าจะลองมาเดินตรวจสอบราคาผ้าปักตามร้านขายผ้าเสียหน่อย นางวางแผนไว้ว่าจะให้แม่นมปักผ้าลายธรรมดาสักผืนแล้วนางจะลองเอาไปขายดู คิดว่าหากขายออกน่าจะได้เงินมากกว่ารับปักผ้าจากบ่าวในจวนแน่นอน

ระหว่างทางนั้นเหม่ยจูก็ต้องตกใจเพราะอยู่ดีดีถิงยี่ คณิกาคนหนึ่งในหอซือเซียนวิ่งเข้ามารวบจับมือนางไว้ พอมองไปที่ใบหน้าเปียกเหงื่อของนาง คิ้วเรียวของเหม่ยจูพลันขมวดมุ่น

“ช่วยด้วยข้าด้วยหมอจู พี่สาวข้าแย่แล้ว”

เสียงร้อนรนปนหายใจแรงจากความเหนื่อยจากการวิ่งมาทำเอาเหม่ยจูต้องยกมือขึ้นลูบหลังสตรีตรงหน้าเบา ๆ

“ใจเย็นก่อน พี่สาวเจ้าเป็นอะไร นางมิได้พักอยู่ที่บ้านหรอกหรือ”

พี่สาวของถิงยี่ก็คือฟางซิน คนที่เหม่ยจูช่วยปิดความลับไว้ว่าตั้งครรภ์นั่นเอง นับจากวันนั้นก็ผ่านมาวันนี้วันที่สองแล้ว นางจึงคิดว่าฟางซินน่าจะนอนพักอยู่บ้าน แต่ที่บอกว่าพี่สาวนางแย่แล้วหมายถึงเรื่องอันใดกัน

“ใช่เจ้าค่ะ แต่ ๆนางยังไม่ได้ทำแท้งนะเจ้าค่ะ นอนพักอยู่บ้านเพราะร่างกายไม่แข็งแรง” ถิงยี่พูดเสียงเบา

“แล้ว...”

“ปัญหาอยู่ที่ตอนนี้ลี่มามาและนางในหอนางโลมกำลังจะไปเยี่ยมพี่ฟางซินที่บ้านเจ้าค่ะ”

ยิ่งฟังคิ้วเรียวยิ่งเป็นปมเข้าไปใหญ่

“ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ก็ให้พี่สาวเจ้ารอที่บ้านธรรมดาสิ นางน่าจะอ่อนเพลียไม่ใช่หรือ พวกมามาคงจับไม่ได้หรอกว่าไม่ได้ป่วยจริง”

ถิงยี่ส่ายหน้ารัว “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นเจ้าคะ แต่นี่เป็นแผนของพี่เหมยฮวาที่จะทำลายพี่ฟางซินเจ้าค่ะ ข้าไม่รู้ว่านางไปรู้จากใครว่าพี่ฟางซินกำลังท้องอยู่ เลยทำทีชวนลี่มามาไปเยี่ยมที่บ้านข้าโดยนางทำน้ำแกงไก่ และนำกับข้าวหลายอย่างของหอซือเซียนไปด้วย ข้าคิดว่าพี่เหมยฮวาคงกะให้พี่ฟางซินแสดงอาการแพ้ท้องออกมาเจ้าค่ะ และช่วงนี้ที่พี่สาวข้ายังไม่ดื่มยาขับเลือดก็เพราะกำลังแพ้ท้องอย่างหนัก ข้ากลัวว่า หากพวกลี่มามาไปถึงต้องปิดความลับนี้ไม่อยู่เป็นแน่เจ้าค่ะ ทำอย่างไรดี หมอจูต้องช่วยข้านะเจ้าคะ”

ไม่พูดเปล่าถิงยี่จับแขนเล็กของเหม่ยจูไว้แน่นและเขย่าจนร่างบอบบางที่ปรกติก็แทบปลิวตามแรงลมอยู่แล้วให้สั่นระรัว เหม่ยจูนิ่งชั่วครู่คิดหาวิธีช่วย

โกหกด้วยคำพูดนั้นทำได้ง่าย แต่ร่างกายของคนมีครรภ์นั้นมักจะมีจมูกที่ไวกว่าคนปรกติ ทำให้ได้กลิ่นอะไรหน่อยก็จะรู้สึกเหม็นจนอยากอ้วกแล้ว ดังนั้นจะให้ฟางซินอดทนเก็บอาการแพ้ท้องไว้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้

มิใช่ว่าเหม่ยจูเป็นคนดีที่พร้อมช่วยคนทุกเมื่อยามใครมีปัญหาหรอกนะ แต่เป็นเพราะหากเรื่องที่ฟางซินตั้งครรภ์ลี่มามารู้แล้วล่ะก็เหม่ยจูที่ช่วยโกหกว่าฟางซินเพียงป่วยไข้จำต้องถูกลากลงหนองด้วยอย่างแน่นอน และจากนั้นนางก็มีสิทธิ์ถูกไล่ออก พอไม่มีงานก็จะไม่มีข้าวกิน และอาจขาดสารอาหารตายในที่สุด

หากมิใช่เพราะนางรู้สึกถูกชะตากับฟางซินและนางก็สังเกตว่าฟางซินนั้นดูเป็นนิสัยดีควรผูกมิตรก็คงไม่เข้าไปช่วยแต่แรกหรอก

“แล้วตอนนี้ลี่มามาและพวกแม่นางเหมยฮวาอยู่ที่ใดกันหรือ”

เหม่ยจูเอ่ยถาม น้ำเสียงนางยังเรียบสงบต่างจากถิงเย่สิ้นเชิง เหม่ยจูติดนิสัยใจเย็นยามทำงานมาตั้งแต่ชาติก่อนที่ทำงานเป็นหมอแล้ว

“กำลังเดินทางไปบ้านของข้าเจ้าค่ะ!”

“งั้นเจ้าต้องทำอย่างไรก็ได้ให้เราไปถึงบ้านเจ้าก่อนพวกเขาไปถึง”

สตรีในชุดสีสันสดใสสามนางกำลังยืนจด ๆจ้อง ๆอยู่หน้าประตูบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง พวกนางเพิ่งลงจากรถม้ารับจ้างเมื่อครู่ เป็นเหมยฮวาที่ตัดสินใจเคาะที่ประตูก่อนใคร

...ทำอย่างไรได้เล่า นางอยากจะทำลายฟางซินให้ตกลงจากตำแหน่งดาวเด่นแห่งหอฟางซินแทบใจขาดดิ้น หลังจากที่นางเฝ้าสังเกตความผิดปรกติของฟางซินมาสักพักพบว่าอาการป่วยของฟางซินนั้นคล้ายสตรีกำลังมีครรภ์ ซึ่งหากเป็นจริงดั่งที่ตนคาดไว้ ฟางซินต้องถูกจับไปเป็นนางโลมจำพวกขายตัวหลังจากนี้เพราะถือว่าทำผิดกฎไม่สามารถเป็นนางโลมขายเพียงศิลป์ได้ แล้วทีนี้ตำแหน่งดาวเด่นนั่นก็จะว่าง เป็นโอกาสให้นาง เหมยฮวาที่มีฝีมือการร่ายรำเลิศล้ำเป็นรองเพียงฟางซินขึ้นสู่ตำแหน่งดาวเด่น!

“ใครอยู่ด้านใน มาเปิดประตูหน่อย พวกข้ามาเยี่ยมแม่นางฟางซิน”

เหมยฮวาร้องเรียกอยู่สองสามครั้งด้านหลังประตูก็มีเสียงเหมือนคนกำลังเดินมาเปิดประตู

เป็นถิงยี่นั่นเอง พอถิงยี่เปิดประตูเจอลี่มามาและเพื่อนร่วมอาชีพอีกสองคนก็เผยสีหน้าตกใจก่อนหยักยิ้ม และเชิญทั้งสามเข้าไปข้างใน

“ข้าอยู่กับพี่ฟางซินกันสองคนอาจแคบไปสำหรับพวกท่าน เอ่อ มาเยี่ยมพี่ฟางซินหรือเจ้าคะ”

เนื่องจากลี่มามาถือว่าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของหอซือเซียน แม้เป็นลูกจ้างเหมือนกันแต่สถานะและอำนาจก็เหนือกว่านางโลมธรรมดาอย่างถิงยี่ นางจึงทำตัวนอบน้อม

“ใช่ เห็นว่าป่วยหนัก จึงมาเยี่ยมเสียหน่อย นางอยู่ไหนหรือ รีบพาข้าไปพบเร็ว ๆเถอะ”

ลี่มามาไม่อ้อมค้อม นางไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เพียงตามน้ำมาเยี่ยมอย่างที่เหมยฮวาบอกก็ถือว่าใช้เวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์มากพอแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเหมยฮวาบอกว่าฟางซินป่วยหนักและด้วยฟางซินก็เป็นถึงดาวเด่นของหอที่ดึงดูดลูกค้าได้ดีนางก็ไม่มาเยี่ยมหรอก

“ทางนี้เจ้าค่ะ มามาเชิญตามมา”

ถิงเย่พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น พร้อมก้าวเดินพาทุกคนไปที่ห้องนอนของฟางซิน ซึ่งก่อนหมุนตัวกลับมานางไม่วายมองไปที่กล่องอาหารในมือเหมยฮวาวาบหนึ่ง ขนาดนางไม่ได้ท้องยังได้กลิ่นโชยของอาหารเลย หากพี่ฟางซินได้กลิ่น ...นางล่ะไม่อยากจะคิดต่อ คงได้แต่หวังพึ่งแผนรับมือของหมอจูเท่านั้น

ถิงเย่เดินมาหยุดที่ประตูไม้สีซีดก่อนเปิดออกให้ทุกคนเข้าไปด้านในที่มีพี่สาวนางอยู่

“อ้าว ลี่มามา คารวะท่านเจ้าค่ะ มิคิดว่าเป็นท่านที่มาเคาะประตู”

เหม่ยฮวาเงยหน้าจากร่างงามใบหน้าซีดเซียวของฟางซินที่ตอนนี้เปลือกตาปิดนิ่งไร้การเคลื่อนไหวใดใด

“นางป่วยหนักเลยหรือที่ขนาดหมอจูต้องมารักษานางเป็นการส่วนตัว”

เหมยฮวาไม่พูดเปล่า นางเดินถืออาหารกลิ่นหอมฉุยเข้ามาใกล้เตียงและลอบดูปฏิกิริยาของคนบนเตียง ประโยคก่อนหน้านางก็พยายามพูดเสียงดังเพื่อปลุกฟางซินให้ตื่นโดยอ้อม แต่ฟางซินก็ไม่แม้ขยับตัว พอเห็นว่าเสียงดังของตนไม่ได้ผลก็เบียดเหม่ยจูที่นั่งอยู่ก่อนหน้าให้ลุกออกไป นั่งลงแทนจากนั้นก็เขย่าฟางซิน

“ตื่นสิ นี่พวกข้าอุตส่าห์มาเยี่ยมเจ้า จะไม่ตื่นมารับคำเสียหน่อยหรือ”

ร่างบนเตียงก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม

เหม่ยจูมองการกระทำของเหมยฮวาก็ส่ายหน้าเบา ๆ ...ความอิจฉาริษยาไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ

“นางคงหลับลึกน่ะ นางเพิ่งดื่มยาไป เจ้าอย่าได้รบกวนนางเลย หากนางพักผ่อนไม่พออาการป่วยก็ยิ่งเรื้อรัง นานหาย”

เหมยฮวาค้อนขวับไปยังเจ้าของเสียงก่อนหน้า

...จะหยุดได้อย่างไรเล่า นางอุตส่าห์ออกเงินตัวเองซื้ออาหารของหอมาเพื่อทดสอบว่าฟางซินตั้งครรภ์หรือไม่เชียวนะ จะให้นางเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ได้อย่างไร

“พอเถอะ ให้นางนอนพักผ่อนเถอะ เห็นว่านางไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว กลับเถิด”

ลี่มามารีบสั่งเหมยฮวา นางไม่อยากให้ฟางซินเป็นเรื้อรังหรอกนะ ยิ่งหายเร็วเท่าไรยิ่งดี เมื่อวานพอไม่มีดาวเด่นของหอมาร่ายรำเปิดหอก็เรียกลูกค้าเข้าได้น้อยลง หากเป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่

“งั้นฝากหมอจูด้วย นอกจากหน้าที่รักษาที่หอซือเซียนข้าก็ขอฝากแม่นางฟางซินให้เจ้าอีกคน”

พูดจบลี่มามาก็หมุนตัวออกไปทันที ส่วนเหมยฮวาแม้ไม่อยากไปแต่ก็จำต้องตัดใจเดินตามออกไปพร้อมกล่องอาหารที่ตนเสียเงินซื้อมา

ถิงยี่ออกไปส่งทุกคนขึ้นรถม้าและรีบวิ่งกลับมาหาหมอจูที่นั่งอยู่บนเตียงพี่สาวนาง

“ข้าตกใจแทบแย่ แต่ข้าล่ะสะใจนักเชียวที่เห็นใบหน้ามู่ทู่ของพี่เหมยฮวา”

ถิงยี่หัวเราะเสียงเบาใบหน้าคลายกังวล “หากไม่ได้ท่าน พี่ฟางซินต้องแย่แน่”

น้ำเสียงพร้อมสายตาที่ส่งมายังเหม่ยจูนั้นทำเอานางขนลุกซู่ สายตานางนั้นราวมองเทพเซียน มันแฝงไปด้วยความศรัทธามาก ๆ

“ไม่เป็นอะไร ๆ”

“เอ้อ แล้วหมอจูทำอย่างไรเจ้าคะ ปรกติพี่ฟางซินเพียงได้กลิ่นอะไรนิดหน่อยก็วิ่งไปอ้วกแทบไม่ทัน และปรกตินางก็หลับไม่ค่อยสนิทอย่างนี้ด้วย”

เหม่ยจูมองสบตากลับไป สายตานางยังคงสงบนิ่งคงเดิม

“ข้าฝังเข็มให้พี่เจ้าหลับลึกน่ะ ไม่เกินชั่วยามนางก็คงตื่น แล้วเจ้าก็บอกให้นางรีบจัดการเรื่องครรภ์ของนางให้เรียบร้อยล่ะ แม่นางเหมยฮวาคงไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่”

ดีที่นางฝังเข็มให้ฟางซินหลับลึกทันก่อนที่พวกลี่มามาเข้ามา เพื่อที่แม้ได้กลิ่นอันใดจะได้ไม่ส่งผลต่อการแพ้ท้องของฟางซิน

ถิงยี่ฉีกยิ้มและพยักหน้ารับคำ “ได้เจ้าค่ะ ขอบคุณหมอจูมาก”

จากนั้นเหม่ยจูเดินออกจากบ้านของฟางซินและมุ่งหน้าสู่หอซือเซียนเพื่อไปทำงาน

วันต่อมาเหม่ยจูตัดสินใจว่าจะเอาผ้าปักของแม่นมไปขายข้างนอกแต่เนื่องจากที่ผ่านมาแม่นมซือเหยียนได้แต่ปักผ้าตามคำสั่งของบ่าวคนอื่นจึงไม่มีตัวอย่างให้นางเองไปขายได้เลย ฉะนั้นวันนี้เหม่ยจูจึงให้แม่นมปักผ้าที่เรือนไปส่วนนางอาสาไปทำงานที่ครัวแทนเอง

ด้วยความร่างอันแสนผอมบางของเหม่ยจูบวกกับส่วนสูงที่ติดจะเตี้ยแม้เทียบกับสตรีวัยเดียวกันจึงทำให้ยามที่นางไปช่วยพวกบ่าวคนอื่นในครัวจึงมีแต่คนเรียกใช้นาง ไม่มีแม้สักคนที่เอะใจว่าบ่าวคนนี้ไม่คุ้นหน้าหรือรู้ว่านางคือคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหงเลย

...ไม่แปลก เท่าที่นางจำได้เหม่ยจูผู้นี้ถูกทิ้งไว้ให้เติบโตเองที่เรือนท้ายจวนมาแต่เด็กแล้ว และเพิ่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ที่เบี้ยหวัดนางถูกตัดหมดเกลี้ยงจึงขาดสารอาหารและป่วยตายในที่สุด

และที่นางยอมให้โขกสับเยี่ยงบ่าวคนหนึ่งไม่ใช่อะไรเพราะรู้ตัวว่าลำตัวผอมบางอย่างนางหาได้สามารถสู้บ่าวพวกนี้ได้ไม่ ขอนางขุนตัวเองให้มีกำลังก่อนเถอะค่อยว่ากันทีหลัง และหากนางอ้างตำแหน่งคุณหนูใหญ่ของตนออกไปก็คาดว่าผลลัพธ์น่าจะแย่กว่าเดิมเป็นแน่

พอเลยเวลาอาหารเที่ยงงานที่ครัวจึงลดลงเป็นเวลาที่เหม่ยจูผละตัวจากมาได้

“คุณหนูของบ่าวลำบากมากไหมเจ้าคะ”

จื่อเหยียนวางมือจากผ้าที่ปักอยู่ลุกขึ้นเทน้ำให้ จากสายตานางย่อมมองออกว่าเหม่ยจูคงเหนื่อยมาก จากเหงื่อไคลที่ใบหน้าและชุดที่ใส่อยู่ก็เปียกเหงื่อและเลอะคราบสกปรก แต่นางกลับได้รับรอยยิ้มมาพร้อมคำพูดที่แสนธรรมดาแต่กลับทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก

“เหนื่อยเล็กน้อยแต่รู้ไหมข้าได้อะไรมา”

เหม่ยจูกระโดดผลุบมาที่ด้านหน้าแม่นมพร้อมล้วงเข้าไปในอกเสื้อและหยิบบางสิ่งออกมา

“เหนื่อยเท่าใดก็คุ้มเพราะข้าได้เจ้านี่มา ฮ่าฮ่า”

บนมือของเหม่ยจูมีเนื้อสีแดงสดชิ้นใหญ่สองชิ้นวางอยู่ พอจื่อเหยียนเห็นดังนั้นก็ระบายยิ้มและส่ายหน้าอย่างระอา

“คุณหนูของบ่าวเก่งเกินใครเจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวจะทำมื้อโตเลี้ยงฉลองให้”

จื่อเหยียนแสร้งยิ้มแต่ตามจริงคือนางน้ำตาตกใน แสนสงสารคุณหนูตนที่ตามจริงมิควรต้องมายินดีเพียงเนื้อธรรมดาเพียงสองชิ้นนี้ ตามสถานะแล้วนางควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้หากไม่เป็นเพราะ... เฮ้อ แต่เรื่องเหล่านั้นเป็นเพียงอดีต ไม่มีใครต้องการเอ่ยถึงหรอก

“ไม่เอาดีกว่าแม่นม ข้าว่าท่านนำไปทำเนื้อหมักตากแห้งเอาไว้กินเรื่อย ๆดีกว่า”

เหม่ยจูมอบเนื้อให้หญิงวัยกลาง “ข้าไปอาบน้ำก่อนใกล้เวลาไปทำงานแล้ว”

จื่อเหยียนพยักหน้ารับคำ นางมองแผ่นหลังเล็กแต่กลับเข้มแข็งเกินใครนั่น ความรู้สึกมากมายทำเอาน้ำใส ๆคลอล้นดวงตา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel