ตอนที่สาม ขอชิมดูก่อน2
ตอนที่สาม
ขอชิมดูก่อน
เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ มารดาของนางย่อมรีบไปบอกต่อแก่บุตรชายเพื่อให้เขาเป็นพ่อสื่อ
“หากพี่สาวของเจ้าแต่งงานกับหมิงอ๋อง ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องของพวกเจ้าย่อมแน่นแฟ้นขึ้น คนอื่นย่อมเกรงใจสกุลซ่งของพวกเรา ทั้งยังปูทางเป็นขุนนางให้เจ้าได้อีกด้วย”
ซ่งเหยาย่อมเห็นตามและช่วยเจรจาเพื่อให้พี่สาวคนเดียวกับบุรุษผู้นับถือเป็นพี่น้องได้สานสัมพันธ์ต่อกัน
ซ่งอี้หนิงไม่อยากเชื่อว่าสถานที่นัดพบพูดคุยคราแรกระหว่างหมิงอ๋องจะเป็นเรือลำน้อยที่ลอยกลางแม่น้ำสายเปลี่ยว
หญิงสาวก้าวลงเรือโคลงเคลงพลางสั่งให้สาวใช้รอบนฝั่งด้วยเรือช่างเล็กนัก เพียงสองคนก็เกือบเต็มลำแล้ว
เขาคงไม่ได้มีแผนใดซุกซ่อนอยู่กระมัง
ซ่งอี้หนิงอดคิดไม่ได้ เมื่อมองไปยังร่างสูงสง่าผู้มีรูปโฉมหล่อเหลาชวนหลงใหล วันนี้เขาแต่งกายอย่างหรูหราทั้งยังก้าวเข้ามาช่วยพยุงนางให้นั่งลงเคียงข้าง
หญิงสาวอดมองไล่จากคิ้ว ปาก จมูกแล้ววนขึ้นไปที่ดวงตา ครั้นเผลอสบตานานเกินไปหน่อยจึงรีบหันหน้าแสร้งทำเป็นเหม่อมองสองข้างทางอยู่ครู่ใหญ่
ท่านอ๋องผู้นี้ สายตาคมกริบเกินไป คิ้วก็เข้มมาก ริมฝีปากหรือก็บางแดงราวกับสตรี
เอ๊ะ!...เดี๋ยวก่อน เมื่อครู่นางมองแค่สายตาไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงสังเกตริมฝีปากของเขาได้เล่า
ซ่งอี้หนิงคิดอย่างแตกตื่นแล้วรีบพยายามสงบจิตใจเพื่อตั้งใจฟังอ๋องสูงศักดิ์ซึ่งเอ่ยคำแรกออกมา
“น้องหยางบอกว่าเจ้าอยากแต่งงานกับข้า”
หา!...ไอ้น้องชั่ว เอ่ยตามตรงเช่นนั้นได้อย่างไร
“ข้าเพียง...เอ่อ...” หญิงสาวตะกุกตะกักด้วยคิดไม่ถึงว่าประโยคแรกจะเป็นเช่นนี้
“ไม่ต้องคิดมาก คุณหนูซ่ง พวกเราล้วนเป็นคนกันเอง ข้าเองก็กำลังอับจนปัญญาเรื่องชายาเช่นกัน การที่เจ้าเสนอมาเช่นนี้ย่อมมีผลดีกับข้า
เพียงแต่ข้ามีเงื่อนไขใหญ่ข้อหนึ่งคือ หากจะแต่งงานกับสตรีคนใด อย่างน้อยก็ขอมีความสุขยามร่วมเตียง มิใช่แค่รักษาหน้าตาแล้วต่างคนต่างอยู่
ดังนั้น หากข้าจะขอลองชิมดูก่อนว่าอร่อยหรือไม่ คุณหนูซ่งจะว่าอย่างไร”
ชิม! อร่อย!
เอ่อ...หมายความว่า เขาจะ...
ความจริงซ่งอี้หนิงย่อมมีความคิดที่ว่าหากเขาไม่ยินยอมพร้อมใจ นางจะยั่วยวนเขาอย่างไรดีเพื่อให้เขาตกหลุม
หลายคืนที่ผ่านมาแผนการหลอกล่ออย่างมีชั้นเชิงจึงถูกวางไว้อย่างคิดแล้วคิดอีก แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า ฉายาเสเพลของเขานับว่าไม่เกินจริง เมื่อเพิ่งเจอหน้าก็เอ่ยปากขอมีสัมพันธ์กับนางแล้ว
แต่...พวกเรายังไม่ได้แต่งงานกัน
นางจะเสียความบริสุทธิ์ไปก่อนไม่ได้
ทำเช่นนั้นย่อมเสียเปรียบแย่
ซ่งอี้หนิงตัดสินใจก้มหน้าแสดงอาการเขินอายอย่างจริงจังก่อนจะเจรจาต่อรองด้วยวาจาเก้อเขิน
“เพียงชิมนิดหน่อยคงพอได้ แต่หากมากไปท่านอ๋องคงทราบดีว่าไม่ได้นะเพคะ”
“ได้ เช่นนั้นข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้าจนมากเกินไปแน่”
มือหนายกกาสุราขึ้นเทใส่จอกจากนั้นจึงยกขึ้นชูเพื่อเชิญชวนอีกฝ่ายให้ดื่มจากนั้นจึงชี้ชวนให้ชมทิวทัศน์สองข้างทางเป็นการผ่อนคลายบรรยากาศ
ฤทธิ์สุราอันร้อนแรงซึ่งเพิ่งดื่มกิน ทำให้ซ่งอี้หนิงเริ่มปล่อยใจกระทั่งร่างสูงของหมิงอ๋องเขยิบเข้ามาใกล้พลางยื่นมือมาลูบแก้มนวลเนียนด้วยสายตาหื่นกระหายอย่างไม่ปกปิด
“เคยผู้ใดบอกหรือไม่ว่าเจ้างามมาก คุณหนูใหญ่”
ซ่งอี้หนิงเคยสำรวจเรือนกายนี้มาตั้งหลายปีตั้งแต่เพิ่งแตกเนื้อสาวกระทั่งเติบใหญ่เป็นสาวงามเต็มตัว เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ซ่งนับเป็นหญิงงามนางหนึ่ง
ผิวของนางขาวละเอียดเนียนนุ่มด้วยได้รับการดูแลอย่างดี รูปร่างของนางมีส่วนสูงพอเหมาะ ไหล่ลาดสลักเสลา หน้าท้องแบนราบ เอวคอดกิ่ว ข้อเท้าขาวผ่อง
ทั้งนางยังมีเต้าหู้นุ่มสองก้อนที่นิ่มเด้งขนาดกำลังดีกับสะโพกกลมกลึงและเนินโหนกนูนที่ซ่อนร่องดอกไม้แดงระเรื่ออันมิดชิด
เมื่อประกอบกับใบหน้าหวานหมดจด ริมฝีปากแดงอิ่ม พวงแก้มสีชมพู เรือนผมดำสยาย และกลิ่นกายหอมกรุ่น ย่อมนับเป็นหนึ่งในหญิงงามแห่งเมืองหลวงได้อย่างแน่นอน
