
บทย่อ
คุณหนูใหญ่ซึ่งต้องแบกภาระของสกุลต้องหาทางรอดด้วยการล่อลวงหมิงอ๋องเพื่อเกาะขาทองคำไม่คิดว่าเขาจะเอาแต่กินดุกินจุอยู่แต่กับนางสองหนุ่มสาวกลั่นแกล้งกันไปเล้าโลมกันมาสุดท้ายจบลงด้วยน้ำกามาที่ท่วมนองทุกครา หากย้อนกลับไปได้ยังเปลี่ยนใจทันหรือไม่? นางคือคุณหนูใหญ่ซึ่งต้องเหนื่อยยากรับผิดชอบการค้าของตระกูลที่กำลังจะล่มสลาย ผู้ใดบอกว่าเกิดเป็นสตรีแสนสุขสบาย นั่งกินนอนกินแล้วก็คลอดบุตรชาย เหตุใดนางจึงเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาดเช่นนี้ หนทางเดียวคือต้องหาที่พักพิงซึ่งมั่นคงดุจดั่งขาทองคำเพื่อพยุงทั้งครอบครัวและการค้า และคนนั้นก็คือ... หมิงอ๋อง ผู้ได้ฉายาว่าเสเพลลือเลื่อง! แต่เขากลับมีเงินทองทั้งสถานะตำแหน่งที่มิอาจมองข้าม นางจึงต้องวางแผนเพื่อแต่งเป็นชายาเอกแล้วใช้เงินทองกับฐานะของเขาเพื่อประโยชน์สูงสุด เพียงแต่...ฉายาเสเพลของเขานับว่าไม่เกินจริง ด้วยวันวันเขาเอาแต่กินดุกินจุกกกอดนางอยู่บนเตียงโดยไม่ยอมลุกไปไหน แค่ได้ยินคำว่า ชายารัก นางก็แทบอยากจะมุดหน้าหนีไปให้ไกลแล้ว นี่ข้าคิดผิดใช่หรือไม่? จากที่เคยเหนื่อยเรื่องการค้า…ตอนนี้กลับเหนื่อยบนเตียงเสียมากกว่า! หากย้อนกลับไปได้...ข้ายังพอเปลี่ยนใจทันอยู่หรือไม่? หญิงสาวขยับตัวยกสะโพกขึ้นสูงแล้วทิ้งหย่อนช่องทางรักลงมาให้ตรงพลางกลืนกินแท่งหยกเข้าไปทีละน้อยจนสามารถนั่งลงบนตัวของชายหนุ่มได้ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “อ้า... แท่งเนี้อของพี่หายไปหมดแล้ว” คำชื่นชมอย่างเสแสร้งเรียกอาการค้อนขวับจากใบหน้างาม เชอะ...สมใจล่ะสิไม่ว่า ทำเป็นโดนรังแกไปได้ -------------------------- ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ มาวิญญา
แนะนำตัวละคร+ตอนที่หนึ่ง
แนะนำตัวละคร
*ซ่งอี้หนิง คุณหนูใหญ่ซึ่งต้องดูแลรับผิดชอบเงินทองและการค้าของตระกูล
*จ้าวจื้อหมิง หมิงอ๋องผู้ใช้ชีวิตเสเพล หิวได้ทั้งวันทั้งคืน
*ซ่งหยาง น้องชายผู้เอาไหน วันวันเอาแต่เที่ยวเตร่ใช้เงินราวกับเบี้ย
*หลี่เหม่ย คณิกาตัวเด็ดแห่งหอคณิกาชุนเซียง
ตอนที่หนึ่ง
ต้องหาทางเอาเองแล้ว
“ท่านแม่ หากท่านยังตามใจอาหยางอยู่เช่นนี้ อีกหน่อยพวกเราคงต้องกินกรวดแทนข้าวแล้วเจ้าค่ะ”
‘ซ่งอี้หนิง’ คุณหนูใหญ่สกุลซ่งซึ่งต้องเหนื่อยยากรับผิดชอบบัญชีการค้าของตระกูลเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ท่าทางกระฟัดกระเฟียดของบุตรสาวย่อมทำให้มารดารู้สึกลำบากใจไม่น้อย แต่อย่างไรนางก็ยังคงเข้าข้างบุตรชายอยู่ดี
“หยางเอ๋อร์เป็นถึงบุตรชายคนเดียวของจวนกั๋วกงเรา จะให้เขามัวมัธยัสถ์กระเบียดกระเสียรอยู่ได้อย่างไร อีกอย่างช่วงนี้เขาต้องสร้างสัมพันธ์กับผู้คนมากหน้าหลายตาเพื่อหาเส้นสายปูทางสู่การเป็นขุนนางจึงต้องใช้เงินมากหน่อย
หนิงเอ๋อร์ เจ้าก็ผ่อนปรนกับน้องชายสักหน่อย อย่าเข้มงวดมากเกินไป ถึงอย่างไรจวนของเราก็ยังมีสมบัติให้นำออกไปขายอีกตั้งมาก”
ซ่งอี้หนิงมองหน้าซ่งฮูหยินเอกซึ่งยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วจึงส่ายหัว
“จวนของเราหรือจะเหลือสมบัติมากอย่างที่ท่านแม่เอ่ย หลายปีที่ผ่านมาพวกเราขนของมีค่าออกไปขายจนแทบเหลือแต่จวนร้างแล้ว ยังจะมีสิ่งใดให้ขายได้อีก
ร้านค้าหลายร้านของเราก็ขายเปลี่ยนมือไปจนเหลือเพียงร้านที่ไม่ทำเงินแค่ไม่กี่ร้าน รายได้ที่เข้าจวนมาแค่ใช้จ่ายประจำวันยังแทบไม่พอ
ท่านแม่ไม่ได้สังเกตหรือว่าสาวใช้กับบ่าวชายหายหน้าไปตั้งหลายคนด้วยข้าจำต้องขายออกไป ขืนอาหยางยังคงใช้เงินราวเสกได้เช่นนี้ ไม่ถึงเดือนแม้แต่ข้าหรือท่านแม่ก็คงต้องขายตัวเองออกไปให้เขานำเงินไปใช้จ่ายแล้ว”
ซ่งฮูหยินเอกเริ่มหน้าซีดเมื่อเหลียวมองไปทั่วจวนเห็นเพียงห้องโล่งกับสาวใช้ไม่กี่คน ยามนี้นางจึงเพิ่งตระหนักความร้ายแรงตามที่บุตรสาวบอกกล่าว
“เช่นนั้นพวกเราจะทำเยี่ยงไรดีเล่า หนิงเอ๋อร์ บิดาของเจ้าก็ตัดช่องน้อยไปก่อน ทิ้งพวกเราเอาไว้เช่นนี้ ฮือๆๆ”
ซ่งอี้หนิงมองมารดาที่ยังไม่ทันไรก็หลั่งน้ำตาพร่ำรำพันความทุกข์ตรมทั้งๆ ที่นางต่างหากเป็นคนวิ่งแก้ไขปัญหามาตั้งแต่เข้ามาในร่างนี้
ซ่งอี้หนิงในตอนนี้ย่อมไม่ใช่ซ่งอี้หนิงคนเดิมซึ่งเป็นเพียงคุณหนูบอบบางแห่งจวนกั๋งกงผู้มั่งคั่ง นางเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆจึงตื่นขึ้นในร่างนี้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน
จากพนักงานบัญชีที่วันวันได้แต่คิดเลขวุ่นวายจนปวดหัวไม่ได้เงยหน้าเงยตาแล้วยังได้รับเงินเพียงกินใช้ชนเดือน
เมื่อพบว่าตนเองกลายคุณหนูใหญ่ บุตรสาวคนโตแห่งจวนซ่งกั๋วกง นางจึงยินดีปรีดาจนแทบลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น
นับจากวันนั้น นางจึงใช้ชีวิตนั่งกินนอนกินแสนสุขสบาย วันวันเพียงแต่งกายงดงาม เรียนศาสตร์ต่างๆ ราวเป็นของเล่นโดยมีสาวใช้รองมือรองเท้าหลายคน
