ตอนที่5.2อยากกินของเปรี้ยว
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร !น้ำตาลฟังน้านะ ฟังน้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะช่วยกันเลี้ยงเจ้าตัวเล็กด้วยความรัก ลูกของตาลก็คือหลานของน้า ไม่ต้องห่วง หยุดร้องไห้ เรากำลังจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น เชื่อน้า” แววตาอ่อนโยนของน้าต่ายสื่อไปถึงหลานสาว ถึงแม้ในใจลึกๆนางจะเสียใจ น้ำตาลหยุดร้องไห้ เธอมีสติเมื่อได้ยินคำปลอบโยน และพร้อมจะก้าวไปข้างหน้ากับลูกในท้องโดยมีน้ากับเพื่อนสนิทอยู่เคียงข้าง ถึงแม้หนทางข้างหน้าที่เธอวาดฝันเอาไว้จะไม่เป็นอย่างที่คิดและวางแผนก็ตาม นับแต่นี้ต่อไป
น้าต่ายรับน้ำตาลกลับถึงบ้าน นางเดินไปส่งหลานสาวถึงในห้องนอน แล้วยื่นมือลูบเส้นผมยาวสลวย สะท้อนแววตาอบอุ่น อีกทั้งท่าทีห่วงใยและเมตตาอยู่เสมอ
“น้าต่าย คือตาล..เอ่อ...” มือแน่น รู้สึกเจ็บปวดที่จะเล่าหรืออธิบาย
“ไม่เป็นไร เอาไว้ตาลพร้อมเมื่อไหร่ค่อยเล่าให้น้าฟัง ตอนนี้หน้าที่ของตาลคือต้องดูแลตัวเองให้ดี พักผ่อนให้มากๆรู้ไหม”
“ค่ะ” เธอพยักหน้า น้าต่ายจึงเดินออกจากห้องพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้น้ำตาลมั่นใจว่า นางยินดีที่จะมีหลานตัวน้อยๆเกิดขึ้นมา ร่างเล็กนอนตะแคง มือดึงผ้าผืนใหญ่ขึ้นมาห่ม ดวงตาอิดโรยมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็ได้ยินเสียงสะท้อนดังอยู่ในหัว
[ยินดีด้วยนะครับ คุณตั้งครรภ์ได้สามเดือน]
"ไม่จริงใช่ไหมคะ!! คุณหมอตรวจใหม่ได้ไหมคะ อาจเป็นเพราะฉันพักผ่อนน้อยก็ได้ ประจำเดือนเลยมาไม่ปกติ ตรวจใหม่นะคะ ตรวจให้ฉันใหม่ ได้ไหมคะ นะคะ" น้ำตาลจับมือหมอแน่นแววตาอ้อนวอน
[คุณใจเย็นๆก่อนครับ การมีบุตรเป็นเรื่องน่ายินดี เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ของผู้หญิงทุกคน]
"ฉันรู้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้" เสียงเล็กแผ่วบาง ร่างงามสั่นเทิ้ม น้ำตาเริ่มเอ่อล้น
[คุณควรบอกพ่อของเด็กนะครับ] คุณหมอยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินออกไปจากห้องตรวจ
ภาพระหว่างเธอกับคุณหมอค่อยๆ จางหายไปดั่งควัน ก่อนที่น้ำตาลจะหลับเข้าสู่ห้วงนิทรา
“ฉันจะเข้มแข็งเพื่อหนู” มือบางลูบหน้าท้องแบนไปมา แล้วน้ำตาลก็หลับสนิทลงจนได้
รีสอร์ทดุจตะวัน ห้องทำงานของพ่อเลี้ยงอภิวัฒน์ ร่างสูงนั่งเอามือกุมขมับบีบนวดไปมาหลังเจอปัญหาการก่อสร้างรีสอร์ทล่าช้า สภาพภูมิอากาศไม่เป็นใจ สายตาคมเข้มวาวโรจน์ และรู้สึกปวดหัวตุบๆ แต่ทว่าปากดันอยากกินของเปรี้ยว
“คุณวัฒน์ครับ” ยอดคนสนิทยืนสงบเสงี่ยมอยู่ด้านข้าง รอฟังคำสั่งจากเจ้านายหน้าดุ
“เงียบก่อนได้ไหม ขอเวลาฉันสักครู่”
“ครับ” คนสนิทก้มหน้า
อภิวัฒน์สูดลมเข้าปอด แล้วถอนหายใจยาว เป่าลมออกปาก“พู่....” มือล้วงในกระเป๋ากางเกงยีนส์หยิบธนบัตรห้าร้อยบาทวางบนโต๊ะทำงาน
“ไปซื้อของให้หน่อย”
“ซื้ออะไรครับ” ยอดถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ผลไม้” พ่อเลี้ยงตอบห้วนๆ
“ผลไม้อะไรครับที่รีสอร์ทก็มีนี่ครับ ผมจะได้สั่งแม่บ้านเตรียมให้”
“ฉันอยากกินมะม่วงน้ำปลาหวาน ที่รีสอร์ทไม่มี ซื้อมาแล้วก็เงียบๆไม่ต้องให้ใครรู้” เสียงเข้ม ทว่าหน้าเคร่งขรึม
“อ้าวทำไมล่ะครับ ผมไม่เห็นว่าเป็นความลับอะไร”
“ผู้ชายที่ไหนเขากินมะม่วงน้ำปลาหวานกันเล่า เข้าใจไหม ฉันสั่งอะไรก็ทำเถอะน่า นายชอบทำตัวเป็นพ่อฉันอีกคน”
“ครับๆ เดี๋ยวผมรีบไปซื้อให้” ยอดหันหลัง กำลังจะเดินออกไป เจ้านายตะโกนสั่งกำชับ
“ซื้อเปรี้ยวๆมานะเข้าใจไหม!!”
“ครับ” ยอดมีท่าทีงุนงงเล็กน้อยกับความอยากของเจ้านาย แต่ก็รีบออกไปซื้อให้ตามคำสั่ง พอคนสนิทพ้นสายตา อภิวัฒน์ก็เดินไปหยุดยืนตรงหน้าต่างกระจกบานใหญ่ มองไปยังเบื้องหน้า เพ่งมองการก่อสร้างอย่างภาคภูมิใจถึงแม้จะมีอุปสรรคอยู่มาก สายตาคมเข้มฝ่าแสงแดดจนเริ่มรู้สึกพร่ามัว ในลำคอเหมือนมีอะไรติดอยู่ที่คอหอย ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกพะอืดพะอมทนไม่ไหววิ่งไปเข้าห้องน้ำ แล้วก้มหน้าโก่งคออาเจียนเสมือนคนแพ้ท้อง
“อ้อก...คร้อกๆ อั่วะ” เสียงลั่นห้องน้ำ
แม่บ้านแผนกทำความสะอาดเดินเข้ามา มือถือกระดาษทิชชู่เพื่อมาเปลี่ยนให้เจ้านาย เสียงโอ้กอ้ากดังจนน่าแปลกใจ นางสงสัยเลยเอาหูแนบประตูฟัง
"ป้อเลี้ยงเป็นอะหยังถึงฮากยั่งคนต้องคนไส้"
(พ่อเลี้ยงเป็นอะไรถึงได้อาเจียนเหมือนคนท้องคนไส้ )
ประตูห้องน้ำเปิดกว้าง ร่างสูงหน้าซีดขาวเดินออกมาจากห้องน้ำ
“ทำอะไร” เสียงเข้มถามแม่บ้าน
“ลักฟังอยู่จ้าว อุ้ย เอากระดาษทิชชู่มาเปลี่ยนหื้อจ้าว”
(แอบฟัง อุ๊ย เอากระดาษทิชชู่มาเปลี่ยนค่ะ)
“รีบเปลี่ยนแล้วก็รีบออกไป ถ้ายังอยากทำงานที่นี่” สายตาพิฆาตส่งให้แม่บ้านอย่างจริงจัง
“จ้าว (ค่ะ)” นางหลบสายตาพ่อเลี้ยงแล้วรีบนำกระดาษทิชชู่เข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเดินออกไปทันที
อภิวัฒน์ถอนหายใจ รู้สึกอ่อนเพลีย หย่อนก้นลงนั่งหลังพิงพนักโซฟาเหมือนคนหมดแรงหลังจากที่แม่บ้านออกไปจากห้องทำงาน ไม่นานคนสนิทก็เดินสวนทางเข้ามา ในมือถือจานมะม่วงน้ำปลาหวานลอยเด่นเห็นความกรอบสดของชิ้นมะม่วงมาแต่ไกล
“มาแล้วครับ มะม่วงน้ำปลาหวาน จัดใส่จานมาเรียบร้อย นี่ครับคุณวัฒน์”ยอดวางบนโต๊ะตรงหน้า กลิ่นน้ำปลาหวานลอยโชยขึ้นจมูก มือใหญ่คว้ามะม่วงชิ้นโตสุดเข้าปาก กัดกินเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“กินด้วยกันไหม” เคี้ยวตุ้ยๆ
“ขอบคุณครับ ไม่ดีกว่าครับ เอ่อ ไม่เปรี้ยวเหรอครับคุณวัฒน์” ยอดเข็ดฟันแทน
“ไม่ อร่อยดี รสชาติเหมือนมะม่วงมัน” เขากินอย่างต่อเนื่อง
“กินเหมือนคนแพ้ท้องเลยครับคุณวัฒน์” ยอดโพล่งปากพูดออกไป
"แพ้ท้อง?” ริมฝีปากหยุดเคี้ยว มือวางชิ้นมะม่วงไว้ในจาน
“เอ่อ....ไม่กินต่อเหรอครับ”
“เอามะม่วงไปทิ้ง แล้วอย่าพูดเรื่องท้องเรื่องไส้ขึ้นมาอีก”
อภิวัฒน์ลุกขึ้นจากโซฟา ใบหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เขาพยายามสลัดภาพดวงหน้าหวานๆ ภาพระหว่างเขากับนางฟ้าสลับกับหน้าคนรักเก่าในค่ำคืนอันแสนเร่าร้อน สัมผัสที่ยังตราตรึงอยู่ในห้วงอารมณ์ปรารถนา
“หึ...คงไม่ แค่ครั้งเดียว” เขาเดินอย่างรวดเร็วออกไปดูคนงานกำลังสร้างรีสอร์ทข้างนอก คุมงานด้วยตัวเองอย่างเคร่งขรึม ทิ้งคนสนิทยืนนิ่งอยู่คนเดียว ยอดส่ายหน้าแล้วหยิบมะม่วงขึ้นมาเคี้ยวแทนที่จะทิ้งตามคำสั่งของเจ้านาย
“อื้อหือ เปรี้ยว !! คุณวัฒน์กินได้ไง เข็ดฟัน” กระพริบตาถี่ เบะปาก
หกเดือนต่อมานับจากวันที่น้ำตาลออกจากโรงพยาบาล น้าต่ายกับเกว ไม่มีใครขุดคุ้ยหรือจี้ถามถึงพ่อของเด็กนอกจากให้กำลังใจและคอยดูแลเอาใจใส่น้ำตาลอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เธอคิดมาก วันเวลาที่ผ่านไปกับการอุ้มท้องถึงเก้าเดือน สายใยของคนเป็นแม่ เลือดเนื้อของน้ำตาล สัญชาตญาณที่เธอมีต่อลูกนั้นกลับเพิ่นพูนความรักความเอาใจใส่มากกว่าอะไรทั้งหมดบนโลกใบนี้ น้ำตาลมีลูกเป็นทุกๆอย่างของเธอ
“ตาล!!ตาล” เสียงน้าต่ายตะโกนเรียกอยู่หน้าห้อง
“คะน้าต่าย”
“เกวมาหา หอบของเด็กอ่อนมาเต็มเลยลูก ออกมาดูเร็ว”
“ค่ะตาลกำลังจะออกไปค่ะ ไปหาน้าเกวกันดีกว่า ดูซิมีอะไรมาฝากลูกของแม่” น้ำตาลยืนเอียงซ้ายเอียงขวาอยู่หน้ากระจก ยกมือลูบท้องใหญ่ไปมา
ภายในห้องนั่งเล่นขนาดพอดี เกววางของเด็กอ่อนไว้เต็มโต๊ะจนล้น ผ้าอ้อม เสื้อผ้าขนาดเล็กทั้งเด็กชายเด็กหญิง สบู่เหลวเบบี้มายด์ แพมเพิร์ส และอะไรอีกหลายอย่าง จนน้าต่ายที่นั่งอยู่ด้วยอดยิ้มไม่ได้
“เกว น้าว่าเกวเห่อหลานยิ่งกว่าน้าอีกนะ”
“แน่นอนสิคะ หลานเกว เกวก็ต้องเห่อเป็นธรรมดา ฮ่าๆๆ” เกวหัวเราะปากกว้าง ขณะที่คนตัวเล็กร่างอวบ ท้องโตเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นช้าๆและอุ้ยอ้าย ว่าที่คุณแม่ส่งเสียงมาก่อนตัว
“หัวเราะอะไรกันคะน้าต่าย เกว”
“มาแล้ว หลานน้า” เกวเดินไปประคองเพื่อนมานั่งบนเก้าอี้ที่มีพนักพิง
“โอ้โหเกว ซื้ออะไรมากมายขนาดนี้ ยังไม่รู้เลยว่าลูกฉันผู้หญิงหรือผู้ชาย”น้ำตาลหยิบเสื้อเด็กอ่อนขึ้นมาดู แล้วยิ้มกว้างเพราะน่ารักที่สุดในสายตาเธอ
“น้าก็คิดเหมือนน้ำตาล เออ แต่หลานของยายจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงนะใกล้คลอดแล้วสิ ใช่ไหม” น้าต่ายหันมาถามตาล
“ค่ะน้าต่าย ขอบใจมากนะเกว ขอบคุณมากนะคะน้าต่ายที่เข้าใจตาล และเป็นกำลังใจให้ตาลมาตลอด มาถึงตอนนี้ ตาลไม่กลัวอะไรแล้วค่ะ ตาลจะทำทุกอย่างเพื่อลูกของตาล ตาลโชคดีที่มีน้าต่ายมีเกว” ริมฝีปากเล็กยิ้มกว้าง พร้อมกับมือลูบท้องเบาๆส่งความรักถึงลูกน้อยในครรภ์
“เอ้อ นั่งคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวน้าไปทำกับข้าวเพิ่มสักสองอย่าง จะได้ทานข้าวเย็นกัน” นางเดินไปหายเข้าไปในครัวอย่างเร่งรีบ
น้ำตาลเอื้อมหยิบรีโมทเปิดทีวีดูการ์ตูนทันที เกวถึงกับต้องถามเพราะเท่าที่เป็นเพื่อนกันมา เธอรู้ว่าน้ำตาลไม่ชอบดูการ์ตูน
“ตาล แกชอบดูการ์ตูนตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่ท้องนี่แหละ ลูกฉันชอบดู” ยิ้มให้เพื่อน สายตาไม่คลาดจากจอทีวี
“เออ แกตั้งชื่อลูกแล้วหรือยังตาล จะคลอดแล้วนะ”
"ยังเลย นึกไม่ออก ว้า ทำไมวันนี้การ์ตูนจบเร็วจัง ข่าวบันเทิงอีกแล้วเบื่อ” ตาลละสายตาจากทีวี แล้วหยิบเสื้อผ้าเด็กอ่อนขึ้นมาดูทีละชุด ยิ้มไปยิ้มมา ส่วนเกวก็คิดชื่อนั้น ชื่อนี้ ไม่มีชื่อไหนถูกใจเพื่อนรัก
“กมลชนก น้องใยไหม ใบหม่อน ไม่ถูกใจเลยเหรอ อะไรดี อืม” ในขณะที่กำลังเสนอชื่อยาวเหยียดให้เพื่อนพิจารณา หูเกวได้ยินผู้ประกาศข่าวรายงานข่าวเกี่ยวกับ นักธุรกิจหนุ่มที่ถูกโหวตจากสาวๆมากที่สุด
[สัปดาห์นี้ ข่าวบันเทิงของเรามีผลโหวต อันดับหนึ่ง แซงหน้าตระกูลทวีจิรไพศาสมาเซอร์ไพรส์กันค่ะ ผลโหวตก็คือ คุณอภิวัฒน์ รัตนกุล สงสัยสาวๆ จะมีลุ้น เพราะคุณอภิวัฒน์ยังโสดร้อยเปอร์เซนต์ พอพูดแบบนีแล้วสาวๆ ตาลุกวาวกันเลยทีเดียวใช่มั้ยคะ]
"กรี๊ด!! แกได้ยินเหมือนฉันไหม คุณอภิวัฒน์ยังโสด แกรู้จักป่ะตอนนี้เขาดังมากเลยนะ ทั้งรวยทั้งหล่อ เบ้าหน้าฟ้าประทานเลยนะแก”
“ไม่!! ฉันไม่สนใจคนพวกนั้น ฉันเกลียดคนแบบนั้น”น้ำตาลมีสีหน้าเคียดแค้น เธอรีบกดรีโมทปิดทีวี ขณะที่ภายในใจรู้สึกเจ็บช้ำลึกถึงก้นบึ้ง
