ตอนที่5อยากกินของเปรี้ยว
“เดี๋ยว!!ผมยินดีที่จะรับผิดชอบคุณ”
“ฉันเกลียดคุณ ขยะแขยงคุณ!คุณมันเลว เลวที่สุด”น้ำตารินไหล ร่างบอบบางก้าวเท้าไปข้างหน้า กึ่งเดินกึ่งวิ่ง และวิ่งเร็วในที่สุด
“คุณ คุณ!” เขาวิ่งตาม แต่ทว่าไม่ทัน เมื่อเธอโบกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ผ่านมาพอดี แล้วขึ้นนั่งหายไปจนลับสายตา
อภิวัฒน์ได้แต่ยืนนิ่ง แหงนหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า และรู้สึกขุ่นข้องหมองใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกปลื้มปิติ ที่ได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอจนเผยยิ้มออกมา
“เสียดายที่คุณปฏิเสธความรับผิดชอบของผม”เขาเดินกลับไปที่รถ ยอดจอดรถในที่ปลอดภัยรอเจ้านาย ไม่นานคนตัวใหญ่หน้าเคร่งขรึมก็เดินกลับมาเปิดประตูรถขึ้นนั่งเต็มแรง
“ไปบ้านคุณรำพึง เร็วๆด้วย ฉันหิวข้าวแล้ว”
“ครับ เอ่อแล้วคุณหนูเธอว่ายังไงมั่งครับ คุณวัฒน์ได้พูดคุยกับเธอหรือเปล่า”ยอดรีบถามเพราะลุ้นใจจะขาด
“คุย”
“เป็นยังไงครับ ผมพยายามบอกคุณวัฒน์แล้วว่าเธอไม่รู้เรื่อง คุณวัฒน์จะรับผิดชอบเธอยังไงครับ ไปหาพ่อแม่เธอแล้วก็ขอเธอแต่งงาน ใช่ไหมครับ” ยอดขับรถอย่างใจเย็นปลื้มใจที่มีเจ้านาย หล่อ เท่ห์ นิสัยดีสุภาพบุรุษเต็มร้อย
“เปล่า ฉันให้เธอเรียกค่าเสียหาย”
“เอี๊ยด!!”ยอดเหยียบเบรกกะทันหัน ใบหน้าคมคายกระแทกเบาะหน้ารถฝั่งขวาอย่างแรงจนหน้าผากเป็นรอยแดง
“ขับรถประสาอะไรแบบนี้ยอด!!” เขายกมือถูนวดๆบริเวณหน้าผาก
“ผมก็ไม่คิดว่าคุณวัฒน์จะเป็นคนแบบนี้”
อภิวัฒน์นิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้คนสนิท เพราะรู้ตัวเองดีว่านายยอดพูดถูก ก็เขามันคนไร้หัวใจ ไม่เคยคิดจะให้ใครมารักหรือแม้แต่จะรักใครได้อีก
บ้านคุณรำพึง ตั้งแต่ประตูรั้วหน้าบ้าน จนถึงตัวบ้าน ภายในบ้านทุกอย่างยังเดิมไม่เปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่าครอบครัวรัตนกุลจะร่ำรวยติดอันดับ
“อ้าว!!มาแล้ว นึกว่าจะผิดนัดพ่อกับแม่ ซะอีก มาวัฒน์ มานั่งข้างแม่”คุณรำพึงรีบลุกจากเก้าอี้โผกอดลูกชาย สายตาของคนเป็นพ่อฉายชัดถึงความเบื่อหน่ายท่าทีของภรรยาที่ทำเหมือนลูกชายไม่รู้จักโต
“เว่อร์เกินไปไหมคุณรำพึง ไม่ต้องไปประคบประหงมไอ้เจ้าวัฒน์มันมากนักหรอก เฮ้อ ..ผมขอเถอะ”
“สวัสดีครับพ่อ”
“อืม ทางเชียงใหม่ราบรื่นดีใช่ไหม”
“ครับ...ผมคิดถึงพ่อกับแม่มากเลยนะครับ และตอนนี้ผมหิวกับข้าวฝีมือคุณรำพึงจะแย่อยู่แล้ว ทานเลยนะครับ”
“กินเยอะๆเลยลูก ถ้าไม่พอเดี๋ยวแม่ทำเพิ่มให้ ของนายยอดก็มีนะแม่ทำให้แล้ว หิวก็ไปกินเถอะยอด อยู่ในครัว” คุณรำพึงบอกคนสนิทของลูกชายที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ขอบคุณมากครับ งั้นผมขออนุญาตไปในครัวเลยนะครับ”ยอดรีบเดินออกไป
บรรยากาศการรับประทานอาหารมื้อค่ำ อภิวัฒน์ก็ตักกับข้าวของโปรดทุกจานใส่ปากอย่างต่อเนื่อง ทิ้งมาดนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อภายในบ้านหลังเก่ากับครอบครัวที่แสนอบอุ่น
น้ำตาล กลับมาถึงบ้านก็รีบเข้าห้องปิดประตูเงียบ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเล็กนุ่ม ฟุบหน้าลงกับหมอนหวังซับความชื้นของหยาดน้ำตาที่กำลังรินไหลไม่หยุดบนดวงหน้าซีดขาว
“ฉันแค่ฝันร้าย ฝันร้าย พรุ่งนี้ทุกอย่างต้องดีขึ้น ใช่ มันต้องดีขึ้น” มือเล็กกำหมอนแน่นโกรธเคือง โมโหกับเสียงทุ้มที่ได้ยิน มันเจ็บปวดเหมือนถูกมีดมากรีดกลางใจ ทั้งที่มันบอบช้ำแหลกเหลวอยู่แล้ว
“ฮือ...”
“ตาล รีบอาบน้ำแล้วออกมากินข้าวได้แล้ว น้าทำกับข้าวของโปรดของตาลทั้งนั้นเลย!” เสียงน้าต่ายตะโกนบอกอยู่หน้าห้อง
“ค่ะ เดี๋ยวตาลออกไปค่ะ” เธอลุกขึ้นรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมานั่งกินข้าวกับน้าเหมือนทุกวัน
บนโต๊ะกลมมีกับข้าวของโปรด น้าต่ายนั่งรอ มองดูหลานสาวที่เดินออกมาจากห้อง และสังเกตุเห็นเปลือกตาสวยดูบวมช้ำ นางจึงเอ่ยถาม
“ตาล เป็นอะไร ตาบวมเชียว”
“อ๋อ ตาลนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามาค่ะ ฝุ่นเข้าตา ตาลเคืองก็เลยเอามือขยี้ตา คงขยี้แรงไปหน่อย ที่หลังตาลจะระวังค่ะ ตาลหิวแล้ว ตาลกินนะคะน่าอร่อยทั้งนั้นเลย” เรียวปากบางฉีกยิ้มกว้าง
“อื้ม...กินเยอะๆนะเราน่ะ ผอมไป”
“ค่ะ น้าต่ายก็ต้องกินเยอะๆนะคะ”
น้าต่ายมองหลานสาวคนเดียวที่กำลังก้มหน้าก้มตากินกับข้าวฝีมือนาง เหตุผลเดียวที่นางไม่ยอมมีครอบครัวเพราะเป็นห่วงน้ำตาลที่นางรักเหมือนลูกในไส้ เหมือนว่าเป็นผู้ให้กำเนิดเสียเอง
“พรุ่งนี้ทำอะไรกินดีนะ”
“ปลานึ่งค่ะ”
เสียงหัวเราะคึกคักของสาวสองวัยดังลั่นบ้าน กับบรรยากาศเย็นสบายเหมือนฝนกำลังจะตกลงมาให้ได้กลิ่นไอดินหอมอ่อนๆ
สามเดือนต่อมา ห้องน้ำหญิงในรั้วมหาวิทยาลัย น้ำตาลยืนก้มหน้าโก่งคออาเจียนอยู่หน้าอ่างล้างมือโดยมีเพื่อนคนสนิทเพ่งมองอย่างสงสัย
“อั่วะ คร้อกๆๆ”
“แกเป็นอะไร หน้าซีดเชียว เห็นเป็นแบบนี้มาสองสามวันแล้วนะ แพ้อาหารหรือเปล่า” เกวถามด้วยท่าทีเป็นห่วง ยื่นมือลูบแผ่นหลังเพื่อนเบาๆ
“ไม่รู้สิ วันๆนึงกินตั้งหลายอย่าง อั่วะ! มียาดมไหม เหม็นไปหมดเลย”
“เฮ้ย!เหม็นฉันเหรอ น้ำหอมยี่ห้อดังเลยนะ นี่ยาดม” เกวก้มหน้าสูดกลิ่นตัวเอง ยื่นยาดมให้ตาลแล้วทำจมูกย่น
“ขอบใจนะ”น้ำตาลรับจากเพื่อนแล้วรีบเปิดฝายกขึ้นสูดดมจนชื่นใจ
“เฮ้อ..ค่อยยังชั่ว ไปเถอะ วันนี้เข้างานเร็วหน่อย เบื่อรถติด” น้ำตาลล้างหน้า รีบหยิบกระดาษทิชชู่มาซับ แล้วลากแขนเพื่อนเดินออกจากห้องน้ำอย่างเร่งรีบ
“ไหวเหรอ ฉันว่าแกโทรไปลางานวันนึงก็คงไม่เป็นไรมั้ง”เกวออกความเห็น
“ฉันโอเค แค่เพลียนิดหน่อย ” น้ำตาลยิ้มร่า ทำหน้าตาสดชื่น แล้วควงแขนเพื่อนเดินออกจากรั้วมหาวิทยาลัยเพื่อเดินทางไปทำงาน ทางผ่านไปถึงป้ายรถเมล์มีรถเข็นขายผลไม้และของดองไม่อาจรอดพ้นสายตาของน้ำตาลได้ เธอรีบแวะซื้อมะม่วงเปรี้ยวมาถึงสองถุง แล้วเปิดกินอย่างกับของหวานจนเกวเข็ดฟันแทน
“ยี้ กินได้ไง เปรี้ยวจะตายไป” เกวกลืนน้ำลายหลายอึกใหญ่
“อร่อยนะ อะป้อน”น้ำตาลยื่นจ่อปากเพื่อน
“ไม่กิน แกกินเหอะ เห็นก็เข็ดฟันแล้ว”เกวส่ายหน้า
“นั่น!!รถมาแล้วเกว” มะม่วงยังคาปาก มือรวบถุงแล้วรีบวิ่งขึ้นรถเมล์อย่างรวดเร็วพร้อมเพื่อน เดินทางไปทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงแรมพาราไดซ์ ตลอดระยะเวลาสามเดือนอย่างสนุกสนานกับเพื่อนรัก
เช้าวันใหม่ภายในบ้านหลังเล็กและเงียบสงบ น้ำตาลตื่นแต่เช้าเพื่อช่วยน้าทำขนมเป็นกิจวัตรประจำวัน สองมือบางพับใบตองจับจีบกำลังห่อขนมใส่ไส้
“ตาล ช่วงนี้ทำงานหนักเรียนหนักไปหรือเปล่า น้าว่าตาลดูเหมือนคนไม่ค่อยมีแรง”
“คงอย่างงั้นมั้งคะ ตาลกำลังเก็บเงิน ตาลอยากซื้อบ้านสักหลังจะได้ไม่ต้องเช่าเค้าอยู่” เธอยิ้มกว้าง นึกถึงบ้านหลังเล็กที่วาดฝันเอาไว้
“เก่งนักนะ ตัวแค่เนี้ย รีบไปอาบน้ำแต่งตัวไป เดี๋ยวจะได้เอาขนมไปส่ง”
“คริๆ อั่วะ” หัวเราะได้ไม่เท่าไหร่ก็เกิดอาการพะอืดพะอมคลื่นไส้ น้ำตาลก็รีบลุกวิ่งไปเข้าห้องน้ำ น้าต่ายเห็นอาการของหลานสาวเป็นแบบนี้มาหลายวัน นางสงสัยแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามมาก เพราะเห็นว่าหลานพักผ่อนน้อย
“เดี๋ยวน้าไปเอง ตาลนอนพักนะ”
“ตาลไปได้ค่ะ”ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ
“น้าบอกให้พักก็พักเถอะ”นางเผยสีหน้ากังวล
อาการคลื่นไส้อาเจียนเกือบอาทิตย์ทำให้น้ำตาลทนไม่ไหว เป็นอุปสรรคในการทำงาน คนตัวเล็กตัดสินใจเดินไปร้านขายยา แวะซื้อก่อนไปมหาวิทยาลัย
“เอ่อ...คือ..ฉันรู้สึกหน้ามืด คลื่นไส้บ่อย ต้องทานยาแบบไหนดีคะ” น้ำตาลถามเภสัชกร
“ไม่ทราบเป็นมากี่วันแล้วคะ หน้ามืดคลื่นไส้อาเจียน เกิดจากหลายสาเหตุค่ะ ดิฉันแนะนำว่าไปพบแพทย์จะดีกว่านะคะ น่าจะปลอดภัยกว่า คุณอาจจะพักผ่อนน้อย อาจจะต้องทานยานอนหลับ ให้แพทย์เป็นผู้สั่งยาให้จะดีกว่าค่ะ” เภสัชกรยิ้ม
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” นึกในใจ [เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ ฉันสบายดี ไม่มีอะไรหรอกน้ำตาล]
ห้อง staff ได้เวลาเลิกงานบริเวณหน้าตู้ล็อคเกอร์ น้ำตาลหยิบชุดนักศึกษาที่แขวนอยู่ในตู้ออกมาเตรียมเปลี่ยนชุดกลับบ้าน เกวแอบมอง และเห็นความผิดปกติของน้ำตาลตลอดการทำงานวันนี้เพราะบ่อยครั้งที่เพื่อนสนิทมีอาการคลื่นไส้อาเจียนหนักขึ้นกว่าเดิม
“ตาล!!”
“อะไร เรียกซะตกใจหมด”
“ฉันว่าแกดูไม่ดีเลยนะไปหาหมอเถอะ ฉันพาไป”
“อื้ม เดี๋ยวค่อยไป อีกสองวันก็หยุดแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกน่า รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้กลับบ้าน”
“ไปวันนี้เหอะ หน้าแกซีดมากเลยนะ ขนาดแต่งหน้ายังเอาไม่อยู่ ไปเหอะฉันพาไป” เกวฉายแววตาเป็นห่วง
“พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ฉันบอกเดี๋ยวค่อยไปไงเกว!!” ตาลขึ้นเสียงหงุดหงิดที่ถูกเซ้าซี้
“ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วยตาล ฉันหวังดีนะ เป็นห่วงแกเข้าใจไหม”
“ฉันขอโทษ กลับบ้านเถอะ ฉันอยากกลับไปพักผ่อน” เสียงของน้ำตาลอ่อนลง เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยและก้าวขาออกจากบริเวณหน้าตู้ล็อคเกอร์ แต่ทว่าน้ำตาลกลับยืนนิ่ง รอบกายเธอหมุนและภาพของผู้คนก็หายไป
“ตาล!ช่วยด้วยค่ะพี่ ตาลเป็นลม ตาล!! ตาล!!”
เกวร้องเรียกคนให้ช่วยด้วยความตกใจ รุ่นพี่พนักงานประจำได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจึงรีบเข้ามาช่วยและนำตัวน้ำตาลส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง
หน้าห้องพักผู้ป่วย
“คุณหมอคะ เพื่อนฉันเป็นอะไรคะ” เกวรีบเข้าไปถามอาการจากนายแพทย์ที่เดินออกมาจากห้อง
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ เพื่อนคุณกำลังตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว พักผ่อนให้มากอย่าทำงานหนัก ทานอาหารที่มีประโยชน์ หมอจัดยาบำรุงเลือดให้แล้ว กลับบ้านได้เลยครับ” นายแพทย์ยิ้มให้
“ตั้งครรภ์ ท้อง อะไร เดี๋ยว!! คุณหมอ คุณเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า เพื่อนฉันยังไม่มีแฟนเลย มันเกิดขึ้นได้ยังไง หรือว่า...ที่แกหายไปคืนนั้น” เกวทำหน้านึกแล้วรีบเปิดประตูเข้าไปหาน้ำตาล
คนตัวเล็กนั่งนิ่งหลังพิงหมอนอยู่บนเตียงคนไข้ หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มทีละหยดหลังจากที่หมอเข้ามาตรวจแล้วบอกว่าเธอตั้งครรภ์ และร่วมแสดงความยินดีกับเธอ
“ตาล…” เกวเอ่ยเสียงเรียกเพื่อนเบาๆ แล้วสวมกอดตาลเพื่อปลอบโยน
“เกว ฉันท้อง!! ฉันท้อง ฮือ...ทำยังไงดีเกว ฮือ...ฉันท้อง!!” น้ำตาไหลดั่งสายน้ำ เนื้อตัวสั่นเทากับความจริงที่กำลังเผชิญ
“ไม่ต้องทำอะไร ฉันอยู่ข้างแกนะตาล ฉันอยู่กับแกนะ ใจเย็นๆตาล ฉันขอโทษที่ไม่ดูแกให้ดีๆ”
“ฮือ...เกว ฉันท้อง เกว ฮือ...ฉันจะทำยังไงดี ฮือ...เกว”
“ใจเย็นๆนะตาล ฉันผิดเอง ตาลฉันขอโทษ” เกวกอดน้ำตาลแน่นรู้สึกสะท้านใจและสงสารเพื่อนรัก
น้าต่ายได้รับข้อความจาก ว่าหลานสาวอยู่โรงพยาบาลก็เดินทางไปหาทันที ลงจากแท็กซี่ได้นางก็วิ่งไปสอบถามตรงเคาน์เตอร์จนรู้ว่าน้ำตาลอยู่ห้องไหน นางระส่ำระสายร้อนรนเพราะความเป็นห่วงรีบเปิดประตูเข้าไปในห้อง เห็นหลานสาวกับเพื่อนสนิทกำลังกอดปลอบโยนพร้อมเสียงเครือสะอื้น และสิ่งที่นางได้ยินอย่างชัดเจนจนชาไปทั่วร่าง
“ท้อง!!เป็นไปไม่ได้ !! เกิดอะไรขึ้นกับตาล!!” เสียงคุ้นหูทำให้สองสาวหันไปหยุดตรงประตู และทันทีที่ตาลเห็นว่าใคร
“น้าต่าย ตาลขอโทษ ฮือ” น้ำตานองหน้า เมื่อเห็นน้ายืนอยู่ไม่ห่าง ทันใดนั้นนางรีบไปสวมกอดหลานสาวด้วยความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาดั่งพายุ
