ตอนที่3.2
เวลาผ่านไปราวสามชั่วโมง ร่างน้อยรู้สึกตัว เธอดันกายบอบช้ำลุกนั่ง กวาดสายตาอ่อนล้ามองไปรอบๆห้อง จนมาหยุดอยู่ที่คนใจร้าย น้ำตาก็ไหลพราก ใจที่เคยเข้มแข็งนั้นพังทลาย น้ำตาลรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอขยับตัวลุกออกจากเตียงทันที แม้จะรู้สึกเจ็บ บอบช้ำตรงจุดที่ผู้หญิงทุกคนหวงแหน เธอหยิบเสื้อผ้า มองหาห้องน้ำ แล้วเข้าไปชำระเรือนกายเปื้อนมลทิน ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ จ้องมองตัวเองในกระจก รอยแดงตามร่างกายเด่นชัดทั่วทั้งตัว ภาพเหตุการณ์อันแสนเจ็บปวดระหว่างเธอกับคนใจร้ายลอยเข้ามาในหัวสมอง
“ฮือ...” น้ำตาลร่ำไห้ เธอรีบสวมเสื้อผ้าชุดเดิมและหนีไป สลัดภาพความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต
ยอดตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกเวลาเกือบตีห้า เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องไปปลุกเจ้านายให้เดินทางกลับเชียงใหม่ ยอดจัดการตัวเองจนเรียบร้อยเดินออกจากห้องพักที่อภิวัฒน์เปิดให้ เขาไปถึงหน้าห้องของเจ้านาย แล้วกำลังจะใช้คีย์การ์ดเปิดประตู ทว่าประตูนั้นถูกเปิดออกด้วยผู้หญิงตัวเล็กท่าทางอิดโรย ใบหน้าขาวซีด แต่ยังคงความงามและยอดจำเธอได้
“คุณหนู ทำไมคุณหนูมาอยู่ที่นี่ หรือว่า ผู้หญิงที่เจ้านาย” ยอดถาม ขณะที่เธอยืนตัวสั่นเทิ้มด้วยความเกลียดชังและโกรธจัด น้ำตาลตะโกนใส่หน้าเสียงดังลั่น
“ฉันเกลียดพวกคุณ!!” มือบางปาดน้ำตาออกจากดวงหน้า เธอวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
“คุณหนู!เดี๋ยว หยุดก่อน!” ยอดวิ่งตามไม่ทัน แต่พอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องบ้าง ระหว่างเจ้านายของเขากับหญิงสาวนักศึกษาผู้แบกรับชะตากรรม
อภิวัฒน์นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ทั้งๆที่เขาต้องตื่นตีห้าเพื่อเดินทางกลับเชียงใหม่ เวลาล่วงเลยมาจนสาย เขาตื่นเองโดยอัติโนมัติ และนึกถึงค่ำคืนอันแสนเร่าร้อน สัมผัสนั้นยังตราตรึงที่เขาได้เป็นคนแรก อภิวัฒน์มองทั่วเตียง ยื่นมือลูบไล้ตรงจุดที่เธอนอนเคียงข้างอย่างโหยหา แล้วลุกนั่ง ยกมือบีบขมับ กวาดสายตาไปทั่วห้อง
"ไปแล้วเหรอ ฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย อยากจะซื้อเธอต่ออีกสักคืนสองคืน หรือว่าฉันจะซื้อเธอต่อทั้งอาทิตย์ ” เขายิ้ม แล้วดึงผ้าห่มคลุมกายออกจากร่างกำยำ ดวงตาคมเข้มเบิกกว้าง สะดุดกับคราบเลือดที่เขาทำกับเธอเด่นชัด อภิวัฒน์ถอนหายใจยาวๆ เป่าลมออกปาก
“พู่....” ร่างสูงพยายามสลัดความทรงจำอันแสนเร่าร้อนทิ้งไปจากสมอง เพราะมีอะไรกับเธอโดยไม่ใช้เครื่องป้องกัน ทั้งๆที่เขาระวังตัวเรื่องความปลอดภัยมาตลอด
“คิดมากน่า” บอกตัวเองแล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาใส่ เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังรัว เขารู้ว่าใครมาจึงรีบเดินไปเปิดประตู
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“อืม...มีอะไร เอ้อ นายเห็นผู้หญิงสวยๆตัวเล็กๆเดินออกไปจากห้องฉันหรือเปล่า”
“เห็นครับ เธอน่าสงสารมาก”
“ฮ่าๆๆ สงสารอะไร ผู้หญิงคนนั้นทำเพื่อแลกกับเงิน มันเป็นงาน ที่ฉันถามไม่ใช่อะไร ว่าจะให้เพิ่ม ที่เอ่อ...” เขาฉายแววตาพอใจ แล้วพรายยิ้มเล็กน้อย
“ผมว่าคุณวัฒน์เข้าใจผิด คุณควรรับผิดชอบผู้หญิงคนนั้น เพราะผู้หญิงคนนั้นคือ...”
“ฉันเหนียวตัว จะไปอาบน้ำ นายไปเตรียมกาแฟแล้วก็ดูแลเรื่องค่าห้อง เงินวางอยู่ตรงโต๊ะ”
“ครับ แต่ว่า คุณวัฒน์น่าจะตามหาเธอนะครับ”
“ยอด!! นายเป็นคนของฉันหรือเป็นคนของผู้หญิงคนนั้นกันแน่ นิสัยขี้สงสารอย่าเอามาใช้กับฉัน” สีหน้าไม่สบอารมณ์ ยอดเลยเดินไปหยิบซองเงินแล้วออกไปทำตามคำสั่งของเจ้านายทันที ขณะที่เดินออกไปทำธุระให้เจ้านาย ยอดยังกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของเจ้านายกับผู้หญิงที่เขาเรียกว่าคุณหนู ว่าจะไม่จบแค่นี้แน่ๆ เพียงแต่รอวันเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
คนตัวเล็กหอบกายอ่อนแรงถึงที่บ้าน น้ำตาลแอบเดินเข้าไปในบ้านเบาที่สุด เพื่อหลบการซักถามของน้าต่าย ถ้าเห็นเธอในสภาพแบบนี้ จะว่าเธอโชคดีก็ได้เพราะรอดพ้นสายตาของน้า เดินเข้าไปในห้อง ปิดประตูล็อคแน่น รีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระล้างร่างกายอีกครั้งจนเธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบตรงจุดอ่อนไหว มือน้อยกำหมัดแน่น แค้นเคืองผู้ชายใจร้ายไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป เธอปล่อยโฮ หยาดน้ำตาเอ่อล้นเบ้าตา เปลือกตาที่เคยงดงามตอนนี้บวมช้ำ สภาพอิดโรย เรือนกายอ่อนล้า น้ำตาลฝืนทนค่อยๆเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างคนหมดแรง ร่ำไห้พึมพำจนน้ำตาเหือดแห้ง [ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับฉัน ทำไมฉันต้องเจอเรื่องแย่ๆ เจอผู้ชายเลวๆอย่างคุณ ทำไม คุณทำร้ายฉัน ทำลายชีวิตฉัน] ภาพคนใจร้ายยังคงลอยวนอยู่ในหัวสมอง เธอรู้ว่าเขาเป็นใคร เพราะจำคนสนิทของเขาได้ ที่ดูเหมือนนิสัยดีกว่าเจ้านาย
น้าต่ายรดน้ำต้นไม้เสร็จก็เดินขึ้นไปบนบ้าน จัดการทำอาหารเช้าไว้ให้หลานสาว นางมองนาฬิกาเวลาเจ็ดโมงเช้า และเป็นกิจวัตรประจำวัน น้ำตาลจะต้องตื่นมาช่วยนางทำขนม แต่ทว่าวันนี้ผิดปกติ นางจึงเดินไปดูที่ห้อง
"ตาล!! ตาล!! ตื่นหรือยัง เป็นอะไรหรือเปล่า ตาล! น้ำตาล!!” มือเคาะประตูรัวส่งเสียงดังจนคนตัวเล็กรู้สึกตัวลืมตา แต่ทว่าร่างกายบอบบางอ่อนล้าเกินกว่าจะลุกออกไปช่วยน้าทำงาน
“น้าต่าย ตาลไม่สบายค่ะ ขอตาลนอนพักนะคะ ตาลไม่ไหวจริงๆ”ตะโกนเสียงแห้งตอบน้า
“ไม่สบายแล้วหายากินหรือยัง"
“ยังค่ะ แต่นอนพักอีกสักนิดก็คงดีขึ้น”
“ได้ยังไงกัน เอาอย่างงี้ เดี๋ยวน้าไปเอายามาให้” นางเดินไปหยิบกล่องยา เดินมาเคาะประตูหน้าห้องหลานสาวอีกครั้ง
น้ำตาลค่อยๆลุกจากเตียง ไปเปิดประตูให้น้าต่ายเข้ามา แล้วรีบกลับไปล้มตัวลงนอนบนเตียงตามเดิม
“น้าดูซิ ตัวร้อนจี๋เลย ปวดหัวด้วยหรือเปล่า” นางเอามือทาบบนหน้าผากเนียนนุ่ม
“ค่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้า
“กินยาแก้ไข้แล้วกัน ไปทำอะไรมา เป็นเพราะโดนละอองฝนแน่ๆเลย เฮ้อ”น้าต่ายยื่นน้ำกับยาให้ น้ำตาลกินยาอย่างว่าง่าย แต่ทว่าสายตาของนางกลับเห็นความผิดปกติบนผิวบริเวณต้นแขน และลำคอระหงส์ นางคว้าเรียวแขนเล็กยกขึ้นดู แล้วจ้องรอยแดงจางๆบริเวณลำคอของหลานสาว
“รอยอะไร”
“อ๋อ ตาลแพ้ครีมกันแดด ทาเยอะเกินไป ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” น้ำตาลรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวจนถึงปลายคาง เหลือไว้แต่ใบหน้า
“แพ้ครีมกันแดดงั้นเหรอ ที่หลังก็ทาน้อยๆ น้าไม่กวนแล้ว ถ้าอาการไม่ดีขึ้น อย่าฝืน น้าจะพาไปหาหมอ” นางฉายแววตาสงสัย แต่ก็ไม่ได้คาดคั้นถามหลานสาวต่อเพราะเห็นว่าไม่สบาย
“ค่ะ ขอบคุณน้าต่ายมากนะคะ ตาลโชคดีจัง ที่มีน้าต่ายอยู่ด้วย ตาลรักน้าต่ายเหมือนแม่แท้ๆเลยค่ะ” ริมฝีปากบางยิ้มกว้าง
“น้าก็รักตาล พักผ่อนเถอะ”
“ค่ะ”
