ย้อนสู่อดีตชาติ /3
“อยากดูคำมั่นสัญญาน่ะ” ปาราวตีตอบหน้าตาย
“อยากซึ้งหรือไง เตรียมผ้าเช็ดหน้าไปด้วยหรือยัง”
“แหะๆ นี่ไง เค้าเตรียมตัวพร้อมแล้วล่ะ ขาดก็แต่เจ้ามือ” มือน้อยชูผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กอวดเรืองฤทธิ์
ดวงตากลมภายใต้แพขนตาหนางอนเช้งกะพริบแล้วช้อนขึ้นมอง กิริยาอาการนั้นเรียกความสนใจจากร่างสูงที่ยืนเงียบอยู่ไม่ไกล ความเป็นธรรมชาติของสาวน้อยกำลังดึงดูดความสนใจจากอิทธิมากเลยทีเดียว
“ไม่ค่อยเลยนะเรา เอาไว้เรียนจบแล้วทำงานได้ ก็อย่าลืมเลี้ยงพี่บ้างแล้วกัน”
“ได้ๆ ตกลงจะไปมั้ย”
“ไปสิจ่า จะได้ไปด้วย กำลังเบื่อๆ พอดี หาอะไรทำแก้เซ็งแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
อิทธิรีบทำตามความรู้สึกบางอย่างที่พุ่งพรวดเข้าหา แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เพราะความเป็นคนเอาแต่ใจตัวพอสมควร ฉุดให้เขาทำตามความเรียกร้องในส่วนลึกของจิตใจ
“ไม่ให้ไป ใครชวน อย่าสะเออะไปด้วยเลย” ปาราวตีรีบห้าม
“จะไปใครจะทำไม จ่าฤทธิ์ปิดประตูบ้านให้หมด เราจะออกไปดูหนังด้วยกัน 3 คน”
ปาราวตีหน้าหงิกเป็นตูดเป็ดเมื่อต้องเดินตามหลังคนตัวโตต้อยๆ สรุปว่าการมาดูหนังของเธอครั้งนี้ ได้เจ้ามือเป็นนายทหารหนุ่มตาน้ำข้าว หากแต่มีสัญชาติเป็นคนไทยเช่นเดียวกับมารดา รูปร่างเค้าโครงหน้าตาถอดแบบบิดามาไม่มีผิดเพี้ยน
ร้อยโทอิทธิ พงษ์ชยานนท์ ผู้หมวดหนุ่มวัย 29 ปี ลูกชายของนายทหารอเมริกันผู้ตายในสนามรบ ระหว่างที่มารดากำลังท้องแก่และหอบหิ้วท้องแก่ๆ กลับประเทศไทย เขาจึงเกิดที่ประเทศไทยและมีสัญชาติไทยเช่นเดียวกับแม่ ชายหนุ่มมีความฝันตั้งแต่วัยเด็กว่าจะเจริญตามรอยเท้าพ่อ จะเป็นทหารกล้าเหมือนอย่างพ่อ แต่มารดากลับอยากให้เขาเป็นนักธุรกิจเหมือนกับมารดาเพื่อสานต่อกิจการในวัยเกษียณ
อิทธิเป็นคนดื้อเงียบมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง มีอยู่คนเดียวที่เขาจะฟังก็คือมารดา อิทธิทำตามที่แม่ต้องการทุกอย่าง แม้กระทั่งการเรียนด้านบริหารธุรกิจ แต่เมื่อเขาเรียนจบตามที่มารดาต้องการแล้ว เขาก็ขอเดินตามความฝันพลิกโผนักธุรกิจมาเป็นนายทหารอย่างทุกวันนี้ มารดาไม่อาจห้ามปรามหรือเปลี่ยนใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้ เพราะเขารับปากว่าหากเบื่ออาชีพนี้เมื่อไหร่ จะผันตัวไปเป็นนักธุรกิจตามที่ได้ร่ำเรียนมา แต่คงต้องรอหน่อยก็เท่านั้น
เรืองฤทธิ์ตบบ่าเล็กของน้องน้อยที่ทำท่าราวกับเป็นหมาหงอย เขาก็ไม่อยากให้เธอไม่สนุกหรอกนะ แต่ทำยังไงได้ เขาเองก็ไม่กล้าขัดใจผู้หมวดจอมโหดสักเท่าไหร่
อิทธิซื้อตั๋ว 3 ใบ เลือกที่นั่งที่คิดว่าดีที่สุด ความจริงเขาไม่ชอบสถานที่ที่คนเยอะๆ เรียกได้ว่าการเข้าโรงหนังแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขามานานแล้ว แต่ยัยเตี้ยนั่นทำให้เขาอยากตามเธอไปในทุกที่ ไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเขาอย่างเธอ แถมยังกระทืบเท้าเขาจนเจ็บ ความแสบของเธอกำลังเป็นเสน่ห์เรียกร้องให้เขาต้องเข้าใกล้ ทั้งที่หน้าตาของเธอก็แสนจะธรรมดา รูปร่างเล็กนั่นก็ไม่ใช่สเป็ค มีเพียงความอวบอิ่มราวดอกไม้แรกแย้มและรอยยิ้มที่ประดับบนเรียวปากกับดวงตา ยิ่งในยามที่มีเธออยู่ในอ้อมแขน กลิ่นหอมจางๆ จากร่างสาวกรุ่นกลิ่นฟีโรโมนของเธอช่างรุนแรง จนเขาอยากกอดร่างน้อยให้หนำใจ
ปาราวตีเดินตามแรงจูงของเรืองฤทธิ์โดยก่อนจะเข้าที่นั่ง อิทธิที่เดินนำหน้าเรืองฤทธิ์ในคราแรกหยุดให้สองพี่น้องต่างสายเลือดเข้าไปก่อน เลยกลายเป็นปาราวตีต้องนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างสองหนุ่ม สาวน้อยร่างเล็กไม่พอใจจนเผลอทำเสียงบางอย่างออกไป ร่างสูงๆ ได้ยินถนัดเพราะเขาเอียงตัวเข้าไปใกล้ร่างน้อยพอดี ก็ส่งประกายตาดุๆ ปรามคนตัวเล็ก
“นึกว่ากลัวเหรอ เสร่อมาทำไม ไม่มีใครชวนซะหน่อย”
“เรานี่ นอกจากไม่สวยแล้วยังปากร้ายอีกนะ ถึงว่าไม่มีแฟน”
“กรี...”
ปากอิ่มกำลังจะกรีดร้องหากแต่ปลายนิ้วชี้เพียงนิ้วเดียวของอิทธิที่ทาบกลั้นเสียงร้อง ทำให้ปาราวตีต้องกลืนเสียงนั้นลงลำคอไปด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ
“ถ้าอยากกรี๊ดนักก็บอกล่วงหน้าด้วย จะพาไปกรี๊ดในที่ที่ไม่มีคน” ดวงตาสีอำพันเป็นประกายขึ้นในขณะที่ลดใบหน้าลงหา “แล้วอย่ากลั้นเสียงเอาไว้ก็แล้วกัน ยัยเปี๊ยก”
อิทธิเพิ่มแรงกดปลายนิ้วแล้วถอยห่างอย่างเชื่องช้า
นี่มันอะไรกัน เพียงแค่ปลายนิ้วของเขาวางอยู่บนริมฝีปากเธอ ใจของเธอก็เต้นแรงเหมือนมีประจุไฟแล่นปราดไปทั่วร่าง ประจุไฟต่างขั้วเกือบทำให้ร่างเธอกระตุกขนลุกพรึ่บไปทั่วร่างแล้วตอนนี้ ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ปาราวตีเพิ่งเคยประสบพบเจอ มันคืออะไร...
ปาราวตียกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดน้ำมูกที่ไหลออกมาจากจมูก หนังรักสุดซึ้งทำให้เธอน้ำตาร่วงได้ทุกครั้ง อิทธิหันไปมองคนน้ำตาร่วงเพราะซึ้งจัด
“ยัยขี้แย เธอนี่ครบสูตรเลยนะ ไม่สวย ปากร้ายแล้วยังขี้มูกโป่งอีก”
สาวน้อยไม่อยากเสียอารมณ์กับคนปากเสีย เธอสาละวนกับการเช็ดคราบน้ำตาจนสังเกตว่าผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยเปียกชุ่มไปหมดแล้ว แต่น้ำตายังไหลได้ไหลดีไม่ยอมหยุด ก็แหมสงสารพระเอกนี่นา นางเอกต้องตายตอนจบแบบนี้มันเศร้าจัง แถมยังอินจัดคิดว่าตนเป็นนางเอกใกล้ตายซะอีก
ดวงตาแดงก่ำเหลือบมองแขนเสื้อของคนปากเสีย ก่อนเอียงหน้าไปมองแขนเสื้อของพี่ชายร่วมโลก จะเลือกคนไหนดีนะ เอาคนปากเสียก็แล้วกัน อยากตามมาด้วยทำไม แจกของแถมติดตัวไปด้วยดีกว่า
ปาราวตีก้มหน้าซุกต้นแขนแน่นๆ ของอิทธิ เธอส่ายหน้าไปมาอยู่นาน ผู้หมวดหนุ่มรูปงามกำลังสงสัยว่ายัยเปี๊ยกทำอะไร ความเปียกชื้นก็ซึมแขนเสื้อข้างที่เธอซุกหน้า ซ้ำยังรู้สึกถึงความลื่นของอะไรบางอย่าง
“เฮ้ย! ยัยเปี๊ยก นี่เธอเอาขี้มูกมาป้ายฉันเหรอ”
“จุ๊ๆ เบาๆ สิ มีมารยาทหน่อยที่นี่มันโรงหนังนะ”
ยัยเด็กแก่แดดทำเสียงกระซิบบอก แล้วยิ้มแผล่เห็นฟันครบ 32 ซี่ แถมยังแลบลิ้นปลิ้นตาอยู่ในความสลัว มันน่าโมโหนัก ยัยเปี๊ยกเดี๋ยวเธอต้องโดนเอาคืน!
เมื่อออกจากโรงหนังเขาก็รีบขอตัวเข้าห้องน้ำ เพื่อกำจัดคราบลื่นๆ นั่นออกจากแขนเสื้อ พอออกมาเห็นหน้าแป้นแร้นก็ทำเสียงฮึมฮัมอย่างโกรธแค้นที่ถูกเด็กเมื่อวานซืนทำแสบสันต์
“พี่พามาดูหนังแล้ว เรากลับกันดีกว่า” เรืองฤทธิ์บอก
“โห...อะไรกัน จะชิ่งเหรอพี่ฤทธิ์” ปาราวตีประท้วง
“ไม่ได้ชิ่งนะ แต่เพิ่งนึกได้ว่านัดสาวไว้น่ะ”
สาวน้อยทำหน้าเซ็งจัดกะว่าจะได้กินของฟรีตบท้ายซะหน่อย กลายเป็นกินแห้วแทน เพราะตัวซวยจริงๆ
อิทธิปรายตามองคนขว้างค้อนขวับๆ อดหมั่นไส้ท่าทีนั้นไม่ได้ เขาเบือนหน้าหนียังนึกแค้นไม่หายที่โดนลบเหลี่ยมจากยัยเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
“อยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเธอเอง”
เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ก็กล่าวเชิญชวนคนเห็นแก่ของฟรี
แต่ปาราวตีส่ายหน้าเดียะ เรื่องอะไรเธอจะไปกับเขา ชิ! ขนาดหน้ายังไม่อยากจะมอง แล้วจะให้เดินด้วยกันสองต่อสองนี่นะ ฝันไปเถอะไอ้ฝรั่งตัวโย่ง
“จริงสิ น้องปลาก็ไปกับผู้หมวดแล้วกันนะ พี่จะได้ไปตามนัดต่อ” เรืองฤทธิ์สำทับ
“ไม่อ่ะ ถ้าพี่ฤทธิ์กลับหนูก็จะกลับ ไป...”
ว่าแล้วสาวแสบก็จ้ำอ้าวราวกับกำลังไล่ควายนำหน้าสองหนุ่มไปลิ่วๆ ไม่คิดแม้แต่จะหันกลับมามองให้เสียตา
“งั้นเราคงต้องแยกกันตรงนี้นะครับ” เรืองฤทธิ์บอกผู้หมวดอิทธิ
“อืม ขอบใจมากนะจ่า”
เรืองฤทธิ์ก้มหัวให้เล็กน้อยแล้วรีบเดินตามน้องน้อยร่วมโลกให้ทัน อิทธิมองตามทั้งคู่ไปอย่างเสียดายที่ไม่ได้เอาคืนปาราวตี
‘ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยเด็กแสบ’
