บท
ตั้งค่า

ย้อนสู่อดีตชาติ /2

บ้านชั้นเดียวสีฟ้ามีรั้วรอบขอบชิด ภายในรั้วมีต้นมะม่วงเขียวเสวยและน้ำดอกไม้อยู่หลายต้น ทุกครั้งที่ปาราวตีมาที่นี่ เธอก็มักจะสอยมะม่วงลงมาปลอกเปลือกกินสบายใจเฉิบ วันนี้หลังจากที่เธอเข้ามาในเขตรั้วบ้านแล้ว สาวน้อยยังไม่คิดจะเข้าไปหาพี่ชายร่วมโลกของเธอ ดวงตากลมสอดส่องมองหาไม้สอยด้ามยาว แต่พอไม่เจอแล้วเธอก็แทบถอดใจ หากน้ำลายกลับสอจนเปรี้ยวปาก สาวน้อยจึงเปลี่ยนใจมองหามะม่วงน้ำดอกไม้หัวเริ่มเหลืองที่อยู่ใกล้มือที่สุด

ด้วยความเป็นคนร่างเล็กพกพาความสูงเพียง 150 ซม. ปลายเท้าในรองเท้าที่มีส้นเตี้ยๆ เขย่งสุดปลายเท้า อีกทั้งมือน้อยก็ชูขึ้นสุดเอื้อมแต่ดูเหมือนเป้าหมายซึ่งเป็นลูกมะม่วงน่ากินยังห่างไกล สาวน้อยจึงต้องมองหาตัวช่วยก็ได้เป็นเก้าอี้พลาสติกไร้พนักพิง เธอยกมาวางใต้เป้าหมายแล้วปีนขึ้นไปเหยียบบนเก้าอี้ตัวนั้น เพราะเป็นพลาสติกที่ถูกวางตากแดดตากฝนมานาน พลาสติกจึงกรอบแล้วยวบลงทันทีที่ร่างน้อยเหยียบขึ้นไป เป็นจังหวะเดียวกับที่มือเล็กคว้าเป้าหมายหัวเหลืองน่ากินนั้นไว้ได้

“ได้แล้วๆ ว้าย!!!”

เก้าอี้พลาสติกซึ่งผ่านร้อนผ่านฝนมานานขาหักเป็นเหตุให้ร่างน้อยปลิวคว้างลงสู่พื้น ดวงตากลมหลับปี๋คิดว่าจะต้องมีส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างหักหรือไม่ก็ฟกช้ำเป็นแน่ แต่ไฉนเลยถึงไม่รู้สึกเจ็บสักนิดกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด

ปาราวตีลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงไออุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง พลันได้สบกับดวงตาสีอำพันที่อยู่กลางหน่วยตากว้าง ล้อมรอบด้วยแพขนตาหนาแม้ไม่ยาวอย่างอิสตรี แต่ก็เรียกให้ต้องหยุดมองราวกับถูก ณ จังงัง สาวน้อยลอบกลืนน้ำลายลงคอในขณะที่กวาดตามองไปทั่วดวงหน้าคมคาย ผิวสีแทนต่างกับผิวสีทองแดงของเรืองฤทธิ์ มองปราดเดียวก็รู้ว่าความจริงผู้ชายตรงหน้าผิวขาวแต่เพราะต้องกรำแดดจากหน้าที่ สีผิวจึงเข้มขึ้นไปตามกาลเวลา แต่มัน...ยั่วยวนใจสาวดีแท้

สาวน้อยไล่สายตามองจมูกโด่งแหลม เรียวปากเป็นกระจับหยักลึกมีมุมโค้งขึ้นเล็กน้อย ไรเคราเขียวมีหนวดขึ้นเป็นตอๆ ปลายคางผ่าเล็กน้อยดูบึกบึนสมชายชาตรี โดยรวมแล้วยังไม่เห็นเรือนร่างก็สรุปได้ว่า...หล่อเริ่ด

“จะสำรวจฉันทุกรูขุมขนเลยมั้ย ยัยเตี้ย”

ภวังค์ของปาราวตีแตกโพละ ร่างน้อยดีดตัวออกจากอ้อมกอด คะแนนความนิยมของชายหนุ่มตรงหน้าลดฮวบต่ำลงกว่าครึ่ง

“ใครกันเตี้ย หนูก็แค่ตัวเล็กเท่านั้น”

“โหะ นี่น่ะเหรอตัวเล็ก ตรงไหนกัน ฉันว่ารูปร่างเธอเหมือนตุ่มต่อขามากกว่า”

ร้อยโทอิทธิ พงษ์ชยานนท์ ต่อปากต่อคำให้เกินความจริงไปนิด แต่ถึงแม้เธอจะไม่อ้วนเป็นตุ่มต่อขาแต่ตัวเธอก็เตี้ย สูงแค่หน้าอกเขาเท่านั้นเอง

“นี่นาย! ไอ้โย่ง อย่าคิดว่าตัวเองหน้าตาดีแล้วจะด่าไม่ได้นะ ชิ คนอะไรตัวสูงอย่างกับเสาไฟฟ้า แล้วนี่อะไรพวกฝรั่งตาน้ำข้าว ทำไมได้มาเป็นทหารไทย ผิดเหล่าหรือเปล่าเนี่ย” เธอหลุบตามองกางเกงทหารของเขา ด้วยสายตาเหยียดหยาม

“เธอน่ะสิยัยเตี้ย ชาติไหนกันล่ะ ถึงได้เกิดมาตัวกะเปี๊ยกแค่นี้ แถมยังหัวหยิกอย่างกับพวกนิโกรอีก”

ความฉุนพุ่งสุดขีด โดยที่ร่างสูงไม่ทันตั้งตัว เท้าในรองเท้าแตะคีบสบายๆ ก็ถูกกระทืบจากคนตัวเล็ก ที่เขาบังอาจปรามาสเธอเสียๆ หายๆ เล่นเอาคนตัวโตถึงกับร้องลั่นเพราะหลบไม่ทัน

“โอ๊ย! นี่ยัยเตี้ย ร้ายนักนะยัยตัวแสบ”

“เกิดอะไรขึ้นครับ อ้าวน้องปลามายังไงไปยังไงเนี่ย”

เรืองฤทธิ์มองร่างสูงที่กระโดดเหย็งๆ ไปนั่งลงบนม้าหินไม่ไกลนัก

“จ่ารู้จักยัยเตี้ยม่อต้อนี่ด้วยเหรอ กูนึกว่าเป็นพวกหัวขโมยเห็นบ้านไหนเปิดประตูไว้ ก็เข้ามาหวังจะลักทรัพย์”

อิทธิถามพลางสะบัดปลายเท้าไล่ความเจ็บปวด จริงอยู่ส้นรองเท้าเธอไม่สูงนัก แต่ลองกระทืบถูกนิ้วเต็มแรงก็เจ็บใช่หยอกเสียเมื่อไหร่

“นี่...ไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าว นี่คงไม่ชอบกินน้ำพริกสินะ ถึงได้ปากจัดไม่กลัวเจ็บแบบนี้”

“พอเถอะทั้งสองคนเลย อะไรกันเพิ่งเจอหน้ากันแท้ๆ ก็กัดกันแล้ว อุ้ย!”

เรืองฤทธิ์ลืมตัวทำปากไม่มีหูรูด พอได้เห็นตาวาวๆ ของผู้หมวดหนุ่มก็อยากกัดลิ้นตัวเองทิ้ง เพราะดันไปกระตุกหนวดเสือแบบไม่ได้ตั้งใจเข้า ใครๆ ก็รู้ว่าเวลาผู้หมวดไม่พอใจ ไม่แขนก็ขาเป็นต้องเหวี่ยงเข้าใส่ใครบางคนที่อยู่แถวนั้น

“ขอโทษครับ ผู้หมวดครับนี่น้องปลาน้องสาวของผม น้องปลาจ๊ะนี่ผู้หมวดอิทธิเป็น...”

“ไม่ต้องแนะนำมากหรอกพี่ฤทธิ์ หนูไม่ได้อยากรู้จักไอ้ฝรั่งนี่นักหรอก ชิ”

ปาราวตีขัดขึ้นก่อนเรืองฤทธิ์จะทันได้แนะนำจนจบ เธอเกลียดขี้หน้าไอ้หนุ่มตาน้ำข้าวนี่จัง

“น้องปลาพูดดีๆ หน่อยสิ ถึงจะไม่ชอบหน้ากันยังไง แต่เขาก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บังคับบัญชาของพี่”

“ของพี่ฤทธิ์ไม่ใช่ของหนู ทำไมหนูจะต้องพูดดีกับเขาด้วย”

ปาราวตีเถียงคอเป็นเอ็น ก็เธอรู้สึกผิดหวังกับอิทธิมากเหลือเกิน แอบละเมอเพ้อพบเห็นว่าหน้าตาออกจะหล่อเหลา แต่พออ้าปากออกแล้วเหมือนมีหมาเน่าอยู่ในปาก เสียดายหน้าตาจริงๆ

“ช่างเถอะ กูไม่ถือสาเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหรอก ถือไปก็หนักเปล่าๆ ว่าแต่มึงมีน้องสาวด้วยเหรอ กูไม่เห็นเคยรู้มาก่อน”

อิทธิขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืด ยิ่งต่อล้อต่อเถียงกับเด็กๆ นี่ ยิ่งเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี

“มีครับ ก็มีคนเดียวนี่แหละครับ แต่คนละสายเลือดเดียวกัน”

“อ้อ...ถึงว่าสินะ มึงไม่น่ามีน้องเตี้ยขนาดนี้ เมตรนึงถึงรึเปล่าน่ะ กูนึกว่าคนแคระซะอีกทีแรก”

ผู้หมวดหนุ่มอดแขวะแบบเจ็บเข้าไส้ไม่ไหว ก็ดูทำหน้าเข้างอเป็นม้าหมากรุกขนาดนั้น น่าดูซะที่ไหนกัน

“ไอ้บ้า กล้าดียังไงมาว่าเค้า นายล่ะตัวสูงอย่างกับเสาไฟฟ้า สงสัยจะมีนกมาเกาะบ่อยๆ เพราะขี้นกเหม็นหึ่งมาเชียว เอ...แต่นกที่ว่าเนี่ยตัวมันดำๆ ปากมันออกเหลืองๆ นะ เคยเห็นมั้ย เฮ้ย...ต้องเคยเห็นสิ ก็เกาะหลังอยู่ทุกวัน”

“ยัยเตี้ย อยากลองดีกับฉันนักใช่มั้ย”

ผู้หมวดหนุ่มลุกพรวดก้าวยาวๆ เพียงสามก้าวก็หยุดยืนจนชิดร่างเล็ก อิทธิยืดอกตรงใบหน้าเชิดแล้วหลุบตาลง มองคนที่แหงนหน้ามองคอตั้งบ่า ยิ่งอยู่ใกล้ขนาดนี้สาวน้อยก็รู้สึกเมื่อยคอขึ้นทุกที คนอะไรตัวสูงอย่างกับยักษ์ กะด้วยสายตาคงไม่ต่ำกว่า 185 ซม.กระมัง

“เอ่อ...หมวดครับ ผมขอเถอะครับ” เรืองฤทธิ์ห้ามทับ “น้องปลามาหาพี่มีธุระอะไรรึเปล่าจ๊ะ”

ปาราวตีถอยหลังห่างคนตัวโต พออยู่ใกล้กันเกินไปเธอก็กลัวความรู้สึกแปลกๆ ที่แล่นวาบขึ้นมา กระแสแห่งเสน่หาร้อนวาบไปทั่วร่าง ปฏิเสธไม่ได้เลยที่คิดว่าเขาดึงดูดเธอด้วยไอร้อนบางอย่าง และเธอก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ตัวเองเคลิบเคลิ้มไปกับไอร้อนที่แผ่ซ่านออกมา

“หนูอยากไปดูหนัง แต่ไม่มีเพื่อนไป จำได้ว่าวันนี้เป็นวันหยุดพี่ฤทธิ์ก็เลยว่าจะมาชวน”

“อ๋อ...เอาสิ ได้ตั๋วมารึยังล่ะ”

“ยังเลย แต่หนูอยากไปดูที่ลิโด้นะ”

“โห...มีการเลือกอีก”

“ก็ไม่ชอบที่อื่นนี่นา นะเจ้ามือ”

ปาราวตีคล้องแขนเรืองฤทธิ์ออดอ้อนสุดฤทธิ์สุดเดช แถมยังกะพริบตาปริบๆ เรียกความสนใจจากพี่ชายร่วมโลกโดยไม่สนใจสายตาคมที่มองมาอย่างสนใจ สาวน้อยทำราวกับเขาเป็นอากาศธาตุไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะต้องใส่ใจฝรั่งตาน้ำข้าวนั่น

“แล้วเราอยากดูเรื่องอะไร คิดเอาไว้รึยังล่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel