บทที่สอง ลูกแกะเชื่อง ๆ คนหนึ่ง
เวลานี้แม้จะเป็นยามโฉ่วดึกดื่นแล้วทว่าจวนแม่ทัพยิ่งใหญ่แห่งแคว้นยังคงคึกครื้น ไม่ใช่เพราะการเลี้ยงฉลองงานมงคลสมรสแต่อย่างใดทว่ากลับเป็นเพราะเหตุสยองปริศนาที่ดันมาเกิดในวันมงคลเช่นนี้ต่างหาก
บรรดาข้ารับใช้ต่างพากันตื่นเต็มตา ไม่เว้นแม้แต่คนจากเรือนฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไห่ลี่ สตรีสูงวัยผู้เปี่ยมด้วยบารมีแห่งจวนแม่ทัพก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องโถงกลางเช่นกัน
จากความทรงจำของซุนเจียหลินคนเดิมที่หลงเหลืออยู่ นางจำได้ว่าผู้ที่สนับสนุนให้เกิดการแต่งงานไม่เต็มใจในครั้งนี้มิใช่ใครอื่นเป็นฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไห่ลี่ และผู้เฒ่าตระกูลจ้าวอีกคน
สาเหตุที่จ้าวฝูหมิงถูกบังคับให้แต่งงานกับร่างเดิมเป็นเพราะปู่จ้าวฝูหมิงเคยติดหนี้บุญคุณที่สัญญาว่าต้องทดแทน เนื่องจากปู่ซุนเจียหลินเคยช่วยเหลือปู่ของจ้าวฝูหมิงไว้ในอดีตนั่นเอง
ช่วงนี้ตระกูลซุนกำลังเผชิญวิกฤติใหญ่ หากแต่งงานกับจ้าวฝูหมิง ครอบครัวแม่ทัพจะช่วยพยุงให้รอดพ้นจากภัยครานี้ได้ ขุนนางมากอำนาจที่กำลังกดขี่จะไม่กล้ารังแกพวกเขาอีกต่อไป
ซุนเจียหลินร่างเก่าคือคุณหนูในห้องหอสมองไม่ค่อยมีรอยหยัก นางหลงรักจ้าวฝูหมิงมาตั้งแต่เด็ก จึงตกลงแต่งด้วยความเต็มใจ ผิดกับจ้าวฝูหมิงที่ต้องจำใจแต่งเพราะถูกบังคับ ไม่แปลกที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ห่างเหินและเย็นชา
แล้วอย่างไร
บัดนี้ซุนเจียหลินเป็นคนใหม่ การแต่งเข้าจวนตระกูลจ้าวครั้งนี้หากไม่ถูกยกเลิกก็ดี แต่หากถูกยกเลิกไปก็ไม่ได้แย่อันใด
เรื่องปัญหาที่ตระกูลซุนกำลังเผชิญแม้ดูใหญ่หลวงก็จริงทว่าไม่จำเป็นต้องลดตัวไปขอความช่วยเหลือจากใครที่ไม่เต็มใจ ในเมื่อนางมีหนึ่งสมองกับสองมือคู่นี้ ติงเหมยในร่างซุนเจียหลินไม่เชื่อหรอกว่าตนเองจะพาครอบครัวเดิมผ่านไปไม่ได้
ซุนเจียหลินลอบสำรวจมองหญิงชราอย่างละเอียด ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไห่ลี่เป็นหญิงชราที่มีรูปร่างสูงโปร่ง ผมขาวแซมดำถูกรวบไว้เรียบร้อยในมวยผมสูง นางสวมอาภรณ์สีเข้มเรียบหรูดูกลมกลืนกับบรรยากาศแห่งอำนาจ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา ทว่าดวงตาคมกล้าคู่นั้นยังฉายแววเฉียบขาดไม่ต่างจากยุคที่นางเป็นผู้กุมอำนาจในจวน
ยามนี้แม้เปลี่ยนผ่านรุ่นแล้วก็ยังคงเป็นที่ย่ำเกรงของทุกคนในจวนเช่นเดิม
สตรีชราตรงหน้าผู้นี้ไม่ควรเป็นศัตรูด้วยโดยเด็ดขาด
เหล่าข้ารับใช้และบรรดาผู้สูงวัยต่างพากันมารวมตัวกันในห้องโถงกลาง สถานที่นี้กลายเป็นเวทีสำคัญสำหรับการเปิดเผยความจริง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังซุนเจียหลิน หญิงสาวผู้ตกเป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์ หญิงสาวนั่งอยู่กลางห้องโถง ร่างบางสั่นไหวเล็กน้อยขณะที่เล่าทุกอย่างด้วยน้ำเสียงสะอื้นแฝงความหวาดหวั่น สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตระหนกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในใจของนาง
“ข้าตื่นขึ้นมาแล้วพบเห็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ข้าไม่รู้เลยว่ามีผู้ใดคิดร้ายหรือต้องการข่มขู่ข้า ระ...หรือไม่ต้อนรับข้าจึงทำเช่นนั้น...” ซุนเจียหลินกล่าวพลางปาดน้ำตา สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่นางด้วยความสงสารปนหวาดหวั่น บ้างก็พยักหน้าหนักแน่นราวกับเชื่อมั่นในคำพูดของนาง ขณะที่บางคนเริ่มกระซิบกระซาบ ตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดเหตุการณ์อันเลวร้ายเช่นนี้จึงเกิดขึ้นตั้งแต่คืนแรกของการแต่งงาน
“ฮูหยินน้อยไม่เห็นคนที่นำศพสองร่างนั้นมาแขวนไว้ที่เรือนของท่านหรือขอรับ”
“ไม่เห็น ฮึก ชั่วพริบตาแรกที่ข้าเห็นศพสองร่างนั้นขาข้าก็อ่อนแรง ปากสั่น แม้กระทั่งเดินออกไปจากห้องนั้นข้ายังไร้ความสามารถ ฮึก ดีที่ท่านแม่ ฮูหยินใหญ่เดินมาหาข้าดึกดื่นวันนี้พอดีข้าจึงรอดมาได้ ต้องขอบคุณท่านแม่ที่เมตตาลูกสะใภ้คนนี้ ฮึก...”
“จ้าวม่านฟางบังเอิญไปที่เรือนเจ้าอย่างนั้นรึ”
“ฮึก...เจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่า”
เสียงกระซิบลอบสนทนาแผ่วเบากระจายไปทั่วห้องโถงเมื่อได้ยินประโยคกล่าวถึงนายหญิงอีกคนหนึ่งของจวนว่าเมตตาลูกสะใภ้ผู้โชคร้ายทั้ง ๆ ที่บ่าวไพร่ในจวนรู้ดีว่าหนึ่งในคนที่ต่อต้านการแต่งงานครั้งนี้คือฮูหยินใหญ่ที่ถูกขอบคุณไปเมื่อสักครู่นั่นแหละ
ซุนเจียหลินก้มหน้าลงร้องไห้ใส่ฝ่ามือราวกับโลกทั้งใบพังทลายลงมา
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไห่ลี่ขยับกายตั้งตรงขึ้น ก่อนจะหันไปทางพ่อบ้านจาง "เจ้าส่งคนไปตรวจสอบศพของสองบ่าวนั่นแล้วหรือไม่ บอกข้ามา ศพพวกนั้นพบสิ่งใดน่าสนใจเพิ่มเติมบ้างหรือไม่"
"เรียนฮูหยินผู้เฒ่า บ่าวส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ศพของทั้งสองพบว่าถูกปาดคอ บาดแผลสะอาดและเรียบร้อยราวกับฝีมือของนักฆ่าผู้ชำนาญการ ไม่มีร่องรอยดิ้นรนหรือการต่อสู้ บ่าวตรวจดูรอบ ๆ สถานที่เกิดเหตุแล้ว แต่ไม่พบหลักฐานให้สามารถตามรอยคนลงมือได้เลยขอรับ"
คำกล่าวของพ่อบ้านทำให้ทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบงัน ชั่วขณะหนึ่งแม้แต่เสียงลมหายใจก็ดูเบาหวิวลง ทุกคนรับรู้ได้ว่า คนที่ลงมือครานี้ต้องเป็นมืออาชีพที่ถูกจ้างวานมาอย่างแน่นอน และยิ่งไปกว่านั้น...ไม่มทางที่ใครจะคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นฝีมือของซุนเจียหลิน สตรีบอบบางที่เพิ่งแต่งเข้าจวน และยังคงดูอ่อนแอในห้องหอเมื่อคืนแม้แต่น้อย
ใบหน้าซุนเจียหลินที่ซบลงไปบนมือแอบซ่อนความสะใจเอาไว้ ก่อนเงยขึ้นตีหน้าเศร้าเอ่ยตามแผนของนางต่อ
"ไยเรื่องนี้ต้องมาเกิดแค่เพียงกับข้าด้วย ฮึก...บ่าวสองคนนั้นใส่ชุดเหมือนเครื่องแต่งกายของบ่าวในจวนแม่ทัพ ไม่ทราบว่าเป็นบ่าวของผู้ใดเจ้าคะ สามารถตรวจสอบที่มาของพวกเขาได้หรือไม่ นั่นอาจนำไปสู่เบาะแสอื่นก็เป็นได้นะเจ้าท่านพ่อบ้าน"
พ่อบ้านจางอึกอักเล็กน้อยไม่กล้าตอบในทันที สายตาของเขาเหลือบไปมองฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไห่ลี่ คล้ายรอการตัดสินใจจากหญิงชรา ซุนเจียหลินมองภาพนั้นแล้วแสร้งแสดงสีหน้าหวาดหวั่นก่อนจะโพล่งออกมาว่า