บท
ตั้งค่า

บทที่สองจุดสอง

"ฮึก เรื่องใหญ่ขนาดมีคนตายสองคน พวกเราไปแจ้งทางการให้มาสืบสวนดีหรือไม่เจ้าคะ?" น้ำเสียงของนางสั่นเครือปะปนความหวาดกลัว

คำพูดของนางทำให้ห้องโถงตกอยู่ในความเงียบงัน ชั่วขณะหนึ่งแม้แต่เสียงหายใจก็ดูเบาหวิว ทุกคนต่างหันไปมองหน้ากัน คล้ายไม่แน่ใจว่าควรจะตอบอย่างไร ทว่าในจังหวะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิด เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังขึ้นจากทางเข้าประตู

ฮูหยินใหญ่จ้าวม่านฟางที่เพิ่งถูกกล่าวถึงก้าวเข้ามาในห้อง สีหน้าของนางยังคงซีดเผือดจากการเป็นลมหมดสติเมื่อครู่ ร่างกายอ่อนแรงจนต้องมีสาวใช้ช่วยพยุงเดินตลอด นางกัดฟันฝืนร่างกายของตนเองเร่งเดินเข้ามา

"สองคนนั้นเป็นบ่าวที่ข้าเพิ่งไล่ออกจากเรือนไปเจ้าค่ะ พวกนางไม่เกี่ยวกับข้านะเจ้าคะท่านแม่”

“เจ้าไล่พวกมันไปเพราะเหตุใด”

“พวกมันทำความผิดเจ้าค่ะข้อหาทำเรื่องลามกกันในเรือนของลูกเจ้าค่ะท่านแม่" นางกล่าวพลางหันไปทางฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไห่ลี่ ดวงตาฉายแววตื่นตระหนก นางพยายามหาเหตุผลกลบเกลื่อนความผิดพลาดของตนเองทว่าฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไห่ลี่ยังคงจับจ้องนางด้วยสายตาเย็นเยียบทำใหญ่จ้าวม่านฟางอึกอักก่อยเงียบไปครู่ใหญ่

พลาดแล้ว!

สตรีผู้เป็นฮูหยินใหญ่อยากตบปากตนเองยิ่งนักที่แสดงท่าทีราวกับกำลังถือเผือกร้อนทั้ง ๆ ที่นางเองก็หาได้เป็นคนสั่งสังหารพวกมันสองคนนั้นไม่

“ทะ ท่านแม่ระ...”

"เรื่องนี้ช่างประจวบเหมาะนัก ข้าไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุ หรือเป็นแผนการของผู้ใดกันแน่" นางกล่าวพลางปรายตามองจ้าวม่านฟางที่ออกอาการเหมือนวัวสันหลังหวะยิ่งนักในเวลานี้

ในความคิดของฮูหยินชราผู้เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสามีสร้างฐานะมาตอนแรกนางสงสัยหลานสะใภ้ตรงหน้าด้วยซ้ำเนื่องจากรู้ว่าลูกสะใภ้ตนเองหาได้มีสมองที่ชาญฉลาดเหนือผู้ใดไม่ ทว่าเวลานี้มองสตรีถือเผือกร้อนตรงหน้าที่ความคิดตื้นเขินยิ่งนัก มองท่าทางร้อนตัวนั้นดูก็รู้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในเรือนหอวันนี้อย่างแน่นอน

ทำเรื่องใดไม่รู้จักคิดไตร่ตรองก่อน

"ทะ ท่านแม่ ลูกไม่ได้สังหารพวกมันนะเจ้าคะ ลูกสาบานได้"

"ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าทำสักหน่อย โตจนมีลูกชายแต่งงานแล้วไยไร้สมองเช่นนี้ จ้าวม่านฟาง"

"ท่านแม่!"

หญิงชราส่ายหน้าเหนื่อยใจก่อนหันมายิ้มละมุนให้สมาชิกใหม่ของครอบครัวตระกูลจ้าว

"หลานสะใภ้ของข้า เพิ่งเข้าจวนได้เพียงคืนเดียวกลับต้องเผชิญเรื่องราวอัปยศถึงเพียงนี้ หากมิใช่เคราะห์กรรมก็คงเป็นเคราะห์ร้ายที่มีคนจงใจหยิบยื่นให้...แต่ว่าหลินเอ๋อร์เอ๋ย หากไปแจ้งความกับทางการ ข้ากลัวว่าข่าวนี้จะทำให้พวกเราตระกูลจ้าวเป็นขี้ปากชาวบ้าน อีกทั้งไม่แน่ว่าอาจทำให้จวนแม่ทัพของเราเสียชื่อเสียงได้ เจ้าพอจะปล่อยผ่านเรื่องในวันนี้ ไม่ต้องแจ้งทางการได้หรือไม่"

"ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องขอร้องข้าหรอกเจ้าค่ะ ข้าผิดเองที่คิดน้อยลืมคิดถึงตระกูลจ้าวก่อน ข้าเข้าใจ อย่างไรข้าก็ถือเป็นสมาชิกตระกูลจ้าวแล้ว การตัดสินใจของฮูหยินผู้เฒ่าย่อมดีที่สุดเจ้าค่ะ"

"ขอบคุณที่เข้าใจข้า" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไห่ลี่กวาดสายตามองลูกสะใภ้ของนาง ดวงตาคมปลาบแสดงการตำหนิอย่างชัดเจน

"พวกเราเป็นคนในครอบครัวเดียวกันไม่เห็นต้องกล่าวขอบคุณอย่างเกรงใจเช่นนี้เลยเจ้าค่ะฮูหยินผู้เฒ่า"

รอยยิ้มใจดีถูกส่งมาให้นายหญิงคนใหม่ของตระกูลที่มีความคิดความอ่านประพฤติตัวว่าง่ายหรือกล่าวให้เข้าใจง่ายคือ...นางอยู่เป็นนั่นเอง

"เจ้าเรียกข้าว่าท่านย่าเถิด เจ้าเป็นภรรยาของหลานข้าย่อมนับเป็นหลานของข้าอีกคน"

"เจ้าค่ะ ท่านย่า"

"ทะ...ท่านแม่" เสียงของจ้าวม่านฟางเบาหวิว นางกัดริมฝีปากแน่น ร่างกายยังคงสั่นเทาจากความหวาดกลัวและความล้มเหลวของแผนการ ทุกอย่างล้วนผิดแผนไปหมดไม่สามารถไล่ลูกสะใภ้หน้าไม่อายออกไปได้แล้วยังถูกแม่สามีที่ไม่เคยไว้ใจนางเลยสักครั้งตั้งแต่แต่งเข้าจวนมาตำหนิต่อหน้าทุกคนในห้องนี้อีกด้วย

ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบมองอย่างพิจารณาก่อนจะถอนหายใจช้า ๆ "ม่านฟาง เจ้าเป็นภรรยาของลูกชายข้า เป็นฮูหยินใหญ่แห่งจวนแม่ทัพ ควรจะรู้จักตรองดูให้ถี่ถ้วนก่อนจะเอ่ยสิ่งใดออกไป เรื่องเช่นนี้ใช้เพียงอารมณ์ไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้ จำไว้ว่าความเสียหายของจวนมิใช่สิ่งที่เจ้าสามารถรับผิดชอบได้"

น้ำเสียงของนางไม่ได้ดังนัก แต่หนักแน่นและกดดันให้จ้าวม่านฟางต้องก้มหน้าลง ราวกับต้องรับผิดโดยไม่อาจโต้เถียง ทุกคนในห้องโถงจับจ้องมาที่ฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความเคารพ นางคือผู้ที่ครอบครองอำนาจสูงสุดในจวนนี้ และทุกคำของนางย่อมมีน้ำหนักมากล้น

แม้ว่าการแต่งงานของซุนเจียหลินเริ่มต้นด้วยความเฉยชาและแม้ว่าเจ้าบ่าวของนางจะมิได้ก้าวเท้าเข้ามาในเรือนหอ ทว่าเพียงชั่วข้ามคืน สถานะของซุนเจียหลินกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นางไม่ได้เป็นเพียงสะใภ้ที่ถูกทอดทิ้ง แต่กลับได้รับการสนับสนุนจากฮูหยินผู้เฒ่าอย่างเปิดเผย

บรรดาบ่าวไพร่และแม้แต่ผู้คนในเรือนล้วนลอบมองซุนเจียหลินด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า นับจากนี้ไปซุนเจียหลินมิใช่คนที่จะรังแกได้ง่าย ๆ อีกต่อไป ผู้ใดที่คิดดูแคลนหรือวางแผนปองร้าย คงต้องคิดให้รอบคอบเสียแล้ว

เมื่อบรรยากาศภายในห้องโถงเริ่มคลายความตึงเครียดลง ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไห่ลี่ก็กวาดตามองไปยังทุกคนด้วยสายตาเยียบเย็น ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบแต่ทรงอำนาจ

"เหตุการณ์ครั้งนี้ แม้ข้าจะยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงเกินกว่าที่จะคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ...เรื่องสืบหาความจริงมอบหมายให้ท่านพ่อบ้านจางก็แล้วกัน”

คำพูดของหญิงชราหนักแน่นและก้องกังวานไปทั่วห้อง ทุกคนต่างเงียบกริบไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยแย้ง ดวงตาของบรรดาสาวใช้และบ่าวรับใช้หลุบต่ำลงด้วยความหวาดเกรง มีเพียงซุนเจียหลินที่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น นางหลุบตาต่ำคล้ายเศร้าใจแต่ภายในใจกลับยิ้มเย็น

นางรับรู้ได้ถึงอำนาจที่เริ่มโน้มเอียงมาหานางทีละนิด

ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปหาพ่อบ้านจางอีกรอบ

"ตั้งแต่วันนี้ ให้เพิ่มความเข้มงวดในเรือนหอของฮูหยินน้อย หากข้าได้รับข่าวว่ามีผู้ใดคิดลอบปองร้ายหรือสร้างเรื่องฉาวโฉ่ในจวน ข้าจะลงโทษอย่างไม่ละเว้น!" นางประกาศกร้าว ส่งให้บรรยากาศภายในห้องหนักอึ้งยิ่งขึ้น

"ขอรับ ฮูหยินผู้เฒ่า" พ่อบ้านจางรับคำสั่งทันทีโค้งคำนับก่อนถอยกลับไป

ซุนเจียหลินเงยหน้าขึ้นสบตากับฮูหยินผู้เฒ่า นางแสดงสีหน้ายินดีและยินยอมในการตัดสินของอีกฝ่ายได้อย่างแนบเนียน "หลานเพียงแต่หวังว่าจวนแม่ทัพจะเป็นบ้านที่อบอุ่นสำหรับข้า มิใช่สถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายเท่านั้น..."

ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไห่ลี่มองนางครู่หนึ่งก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลง "หลานสะใภ้ของข้า ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า... ตั้งแต่นี้ไป ข้าจะดูแลเจ้าเอง อย่าหวาดกลัวไปเลย"

คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้ซุนเจียหลินก้มหน้าลง ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อยโดยไม่มีใครสังเกตขณะเดียวกันจ้าวม่านฟางที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับกัดฟันแน่น นางมองเห็นสถานการณ์ที่พลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง อำนาจที่เคยอยู่ในมือของนางซึ่งมีน้อยอยู่แล้วกำลังหลุดลอยไปอย่างช้า ๆ และกลายเป็นของสตรีที่นางเคยคิดว่าเป็นเพียงลูกแกะเชื่อง ๆ คนหนึ่ง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel