4 ไม่สนใจเรียน
เมื่อถูกเตือนเรื่องการเรียนบ่อย ๆ กลับกลายเป็นไม่พอใจ ทำตาเขียวใส่เพื่อนผู้หวังดีที่ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานเช่นเดิม
“ไม่ต้องบอกฉันหรอกน่า ไม่ให้ลอกก็ว่ามาเถอะ”
“เธออยากลอกก็ได้ เราไม่หวง แต่ก็ต้องทำความเข้าใจ คำถามหลายชั้น เวลาสอบอาจารย์จะเปลี่ยนคำถามให้ยากขึ้น”
“บ้า โรคจิต ชอบแกล้งเด็ก”
“จุ๊ย์ ๆ ไม่เอา อย่าเสียงดัง เดี๋ยวอาจารย์ได้ยิน”
“กลัวซะที่ไหน เธออย่าปอดแหกไปเลยน่า ขอซะทีเถอะเวลาที่เราพูดดังนิดดังหน่อย ห้ามไม่ให้พูดเนี่ย มันคือสิทธิส่วนตัวของเรา นี่ ดูโทรศัพท์เราก่อน ตั้งหลายหมื่นแน่ะ ทำไมเธอไม่เปลี่ยนเสียที ใช้รุ่นเก่าอยู่ได้”
นอกจากไม่สนใจการเรียนแล้วยังพูดจาโอ้อวดถึงความร่ำรวยของตัวเอง ข่มแพรพิไลให้อายต่อฐานะที่ไม่ดีเท่า แต่ก็ไร้ผลแพรพิไลยังคงยิ้มเช่นเดิม
“ไม่หรอกจ้ะ เรายังเด็กใช้แค่นี้ก็พอแล้วจะเอาอะไรนักหนา แค่รับสายกับโทรออก ถ้าอยากจะดูหนัง ฟังเพลง ส่งเมลก็ไปใช้เครื่องคอมพ์ฯ ก็ได้”
“ย่ะ แม่เชย อนุรักษ์ของเก่า ดีไม่ใช้รุ่นจอขาวดำ เราไม่คบจริง ๆ ด้วย อายเค้า”
“ถ้ามีเราก็ใช้นะ”
“โอ๊ย แม่นี่ บ้าป่ะเนี่ย งานเสร็จยัง เอามาลอกหน่อยดิ”
ดึงสมุดปกอ่อนที่อยู่ในมือเพื่อนเข้ามาหาตัวเองทันที ไม่ใส่ใจว่าแพรพิไลยังเขียนหนังสืออยู่ ขอแค่ให้ได้สนองความต้องการของตัวเองซึ่งก็ทำให้มีรอยปากกาขีดเป็นเส้นยาว แพรพิไลหน้าเสียเพราะเป็นคนรักษาความสะอาด
“ตายแล้วเป็นรอย ลันตาไม่น่าดึงสมุดไปเลย บอกกันดี ๆ ก็ได้”
“มันไม่ทัน ใกล้จะหมดชั่วโมงแล้ว มาลอกก่อน”
“แต่เรายังเขียนไม่จบดีเลยแล้วยังเสียเวลาลบอีก เธอชะเง้อดูก็ได้”
ไม่ว่าแพรพิไลจะขอความเห็นใจอย่างไร ลันตาหาได้ใส่ใจแต่อย่างใด ลอกงานอย่างรวดเร็ว นภัสสรมองด้วยสายตาเกลียดชังทุกถ้อยคำและอิริยาบถที่แสดงต่อแพรพิไล เธอได้รู้ได้เห็นทุกอย่าง คงจะต้องหาทางเอาชนะให้ได้
คอยดูก็แล้วกัน พ่อแม่เธอก็มีฐานะ ไม่ว่าอยากได้อะไรก็สมหวังทุกอย่าง ลำพังแค่โทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
หลังจากหมดชั่วโมงเรียน อาจารย์ให้ทุกคนเอางานมาส่งแล้วตรวจดู แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อมาถึงสมุดของแพรพิไล มีรอยปากกาลากยาว แปลกใจไม่น้อยเพราะรู้นิสัยของเธอดีว่าเป็นคนรักสะอาด ทำงานเรียบร้อย
ทำไมวันนี้ถึงสกปรก มีรอยเกิดขึ้น ส่งสายตาคม ๆ ไปหา ไม่ทันเรียกด้วยซ้ำ ราวกับรู้ตัว เด็กหญิงเดินด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมเข้ามายืนตรงหน้า
“งานของเธอ ทำไมสกปรกอย่างนี้ล่ะแพรพิไล”
“ขอโทษค่ะอาจารย์ ให้โอกาสหนูทำใหม่นะคะ”
“เธอไม่ใช่คนสะเพร่า สกปรกอย่างนี้จนถึงขั้นเผลอทำปลายปากกาขีดเส้นแบบนี้นี่นา”
ก่อนที่อาจารย์ประจำวิชาจะตำหนิมากไปกว่านี้ นภัสสรสบโอกาสที่จะหาทางแก้แค้นลันตา ปรี่เข้ามาหา จีบปากจีบคอฟ้องเป็นการใหญ่
“อย่าโทษแพรพิไลเลยค่ะ เค้าไม่ได้ทำหรอก”
“เธอรู้เหรอว่าใครทำ”
“ไม่เอาน่านภัสสร เราขออาจารย์ทำงานใหม่ก็ได้ อย่าเลยนะ”
ไม่ว่าจะพยายามขอร้องเพื่อนจอมแสบไม่ให้บอกความจริงถึงสาเหตุของร่องรอยปากกาขีดลงไปบนสมุดงานจนเป็นเส้นยาว แต่นภัสสรกลับยิ้มหยัน มองไปทางลันตาเห็นว่ายังคงก้มหน้ามองใต้โต๊ะ เล่นโทรศัพท์มือถือ ไม่แคร์ใคร เพื่อน ๆ ในห้องไม่มีใครคบด้วย เกลียดต่อนิสัยขี้โอ่ ดูถูกผู้อื่นและใช้มารยาหลอกล่อผู้ชายหล่อ ๆ ให้เข้าหา
“เรื่องจริง คนทำไม่ดีก็ต้องถูกลงโทษ เธออย่าปกป้องเค้าเลยนะ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นลูกไล่ให้กลั่นแกล้งตลอดไป มันไม่สนุกหรอกนะ”
“นภัสสร รู้อะไรก็บอกครูมา”
“จะมีอะไรก็แม่ลันตาคนสวยน่ะสิคะ แหม ไม่สนใจเรียนเวลาอาจารย์สอนเคยฟังที่ไหน เล่นแต่โทรศัพท์ พอรู้ว่าจะต้องส่งงานก่อนหมดชั่วโมงเรียนแม่คุณก็แย่งเอางานของแพรไปทั้งที่แพรยังเขียนไม่เสร็จก็เลยมีรอยปากกาอย่างที่เห็นนี่แหละค่า”
เมื่อรู้ความจริงอย่างนั้น อาจารย์มองแพรพิไลด้วยความสงสาร ถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง นอกจากไม่โกรธแล้วยังปกป้องอีกด้วย คงจะต้องลงโทษคนผิดอย่างลันตาให้รู้สำนึกว่าการทำอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
“ไม่ได้การล่ะ เห็นทีว่าปล่อยไม่ได้อีกแล้ว ทำไมถึงยอมเพื่อนอย่างนั้น นอกจากทำให้เขาโง่แล้วยังได้ใจ ทำแบบนี้บ่อย ๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แพรไม่ได้เจ็บปวดอะไรนี่คะ”
