11 รั้นเกินไป
“เรามีความรู้ พอที่จะแยกออกว่าใครมาดีหรือร้าย เธอไปกับใครล่ะ”
“พี่เทพทัต เรานัดดูหนังกัน”
กล่าวด้วยดวงตาพราวระยับ บ่งบอกถึงความสุขเต็มที่ ลันตาชินต่อคำตอบ ตั้งแต่เปิดเรียนมาจนถึงปัจจุบัน ลันตามีนัดออกไปเที่ยวกับเทพทัตบ่อยมาก นอกจากหลังเลิกเรียนแล้วยังมีรอบนอกในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์และนักขัตฤกษ์
วันเรียนธรรมดาก็ไม่เว้น หากว่าอยากหยุดก็ไม่มา อ้างกับบิดามารดาว่าทางอาจารย์ประชุมทั้งโรงเรียน เด็กไม่ต้องมา จากนั้นก็ไปเที่ยวกับเทพทัตโดยไม่ต้องกลัวลัดดาโทรตามจิกให้กลับบ้าน
“เธอไปดูรอบเช้าเหรอ”
“เปล่า รอบมิดไนท์”
“อะไรนะ ดูรอบมิดไนท์ ตายจริง พ่อแม่ของเธอล่ะจะว่ายังไง”
“ท่านไม่ว่าหรอกน่า บอกว่าไปกับเพื่อนแล้วก็พี่ ๆ หลายคน เรากลับบ้านดึกเป็นประจำอยู่แล้ว ท่านชิน”
“ทำให้ท่านสบายใจสักวันไม่ได้หรือลันตา ท่านไม่ว่าเพราะไม่อยากให้เธอเสียใจ ทั้งที่เจ็บช้ำแค่ไหน”
“หยุด ๆ ไม่ต้องมาสอนเราไม่ซาบซึ้งหรอก ท่านจะเสียใจมากก็ตรงที่เธอบอกนั่นแหละ รู้เห็นอะไร รูดซิปปากซะ”
ทำท่ารูดซิปปิดปากเสียอีก หาได้สลดต่อการกระทำผิดซ้ำซากแต่อย่างใด นอกจากสนุกเพียงอย่างเดียว ยิ้มสดชื่นทุกครั้งที่พูดถึงเทพทัต แพรพิไลอดคิดไม่ได้ว่าทั้งสองอาจจะมีอะไรที่เกินเลยกว่าคำว่าแฟน
รู้ดีว่ารักในวัยรุ่นหรือป๊อปปี้เลิฟไม่จีรังยั่งยืน เพียงแค่เจอคนใหม่ที่ดีกว่าหรือทะเลาะกันก็มีเหตุต้องเลิกรา น้อยคู่มากที่เจอรักครั้งแรกแล้วลากยาวจนกระทั่งแต่งงาน อยู่กับคน ๆ เดียวไปชั่วชีวิต คนอย่างลันตาด้วยแล้ว เจ้าชู้เป็นที่หนึ่งเห็นผู้ชายหล่อเป็นต้องแสดงท่าทีชอบออกมา สักวันก็ต้องจบ ก่อนถึงตรงนั้นช่วงระยะเวลาที่คบหากัน ถ้าพลาดพลั้งไป ผู้หญิงคือฝ่ายเสียหาย
“ถามจริง ๆ เถอะ เธอกับพี่เทพทัตมีอะไรกันหรือยัง”
“บ้า ยังยะ เรายังเด็กอยู่เลย ไม่คิดเรื่องอย่างนั้นหรอก”
“ให้จริงอย่างที่พูดเถอะ เราเป็นห่วงนะ ถ้าพลาดขึ้นมา รู้ไว้ด้วยว่าเราเสียหาย”
“ย่ะ มีสมอง ไม่ต้องย้ำบ่อยนัก รำคาญ สงสัยเมื่อชาติที่แล้วเป็นแม่เราแหง ๆ เลย สอนอยู่นั่นแหละ ฮึ ว้าย พี่เทพทัตมาแล้ว เป็นไงคะลันตาสวยไหม”
เพียงแค่เทพทัตก้าวเข้ามาในรัศมีสายตา สาวน้อยวัยไร้เดียงสาไม่รอช้าที่จะโผเข้าหา กอดแขนเอาไว้แน่น แนบใบหน้าลงไปที่ต้นแขน สูดกลิ่นหอมแรง ๆ เขายกมือลูบเส้นผมนุ่มสวย แอบไล้ปลายนิ้วสอดเข้าไปใต้ร่มผ้า สัมผัสกับผิวเนื้อตรงเอวแล้วลากขึ้นไปใต้บราเซียตัวจิ๋ว ลันตาเกิดอาการขุนลุกซู่ไปทั้งร่าง ยืนตัวแข็ง เลือดวิ่งพล่านไปทั่วทั้งกาย หัวใจเต้นแรงจนผิดจังหวะ ใบหน้าแดงก่ำ พูดไม่ออกนอกจากอึ้งราวกับถูกสาป
“สวยมากที่สุด เท่าที่เคยเห็นเลยครับ”
นอกจากคำชมแสนหวาน แทบทำให้ลันตาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ใบหน้าหล่อคมทำท่าจะก้มลงมาแนบชิดกับใบหน้า ซึ่งเธอยินดีที่จะให้เขาทำเช่นนั้น ทว่า ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแพรพิไลมองด้วยตาเขียวขุ่น จำต้องหัวเราะกลบเกลื่อน
“หะ หะ หะ ฮ่า ลันตาจ๋า พี่อยากรู้ว่าวันนี้แต่งตัวเป็นไง เหมือนไอ้หนุ่มภูธรไหม”
“โอ ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวนี้เขาเน้นย้อนยุค เสื้อลายดอกกับกางเกงขาม้าสีฟ้า สุดยอดมาก ถ้าพี่ไม่หล่อ คนที่แต่งก็จะกลายเป็นหนุ่มบ้าน ๆ เลยนะเนี่ย”
“จริงอะ อย่างนี้ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองหน่อย ลันตาจ๋าเราไปกันเถอะจ้ะ อุ่นเครื่องก่อน ร้องเพลงหรือว่าเดินเที่ยว พอเหนื่อยก็ทานข้าว”
“แล้วแต่พี่เถอะค่ะ สำหรับลันตาแล้วอะไรก็ได้”
“งั้นก็ไปยังที่เราชอบ ๆ กันดีกว่านะ ลาล่ะนะน้องแพร”
ไม่มีการตอบรับจากแพรพิไล ได้แต่นั่งมองเพื่อนรักเดินจูบมือไปกับเทพทัตด้วยความสนิทสนมจนเกินงามของเด็กในวัยนี้ เห็นเทพทัตแต่งตัวแล้วแทบจะอาเจียนอาหารเก่าออกมา โดยเฉพาะกางเกงขาบานสีเจ็บตัวนั้น รัดตรงเป้าตุงใหญ่เสียจนน่าเกลียด แต่เขาไม่ใส่ใจต่อความอุจาดที่โผล่โฉมอวดประชาชี ยังคงก้มหน้าลงมากระซิบกระซาบที่หูลันตาบ่อย ๆ ขณะเดียวกันแพรพิไลใจหายที่ได้ยินคำพูดที่แฝงด้วยความนัยไปส่อในทางลบ สร้างความเสื่อมเสียให้กับผู้หญิง
10 โมงกว่า ๆ ทั้งสองควงคู่กันไปสวีทหวาน กว่าจะถึงเวลาดูหนังรอบมิดไนท์อีกหลายชั่วโมง ช่วงนั้นทั้งสองทำอะไร อาจจะไม่ใช่เรื่องดี เด็กวัยรุ่นที่มีความรัก อยู่ใกล้ชิดกัน ยากที่จะหักห้ามอารมณ์แห่งเสน่หาเอาไว้ได้ หากว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา สงสารแต่พ่อแม่ของลันตาที่จะต้องอับอายขายหน้าชาวบ้าน
ความกังวลของแพรพิไลถูกขจัดไป หลังจากนั้นอีกสองเดือน ลันตาเลิกกับเทพทัตเพราะจับได้ว่าเขาแอบมีผู้หญิงอีกคน
