10 คร่ำครวญหาผู้ชาย
“แพร แพร ขอบใจมากนะที่ช่วยติวการบ้านให้เราน่ะ ไม่อย่างนั้นเทอมนี้แย่แน่ ๆ เลย”
“เห็นไหม ถ้าเธอตั้งใจทำข้อสอบ คำว่าตกจะไม่เข้ามากร้ำกราย”
“เพราะได้เพื่อนดีอย่างเธอไง รักนะ ไหนขอจุ๊บที”
“บ้าน่า เดี๋ยวใครมาเห็นจะหาว่าเราเป็นพวกหญิงรักหญิง”
“บ้า คนที่คิดอย่างนั้นก็คงไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของลันตา ว่าชอบผู้ชายมากแค่ไหน โดยเฉพาะพี่ภูริช อ๊าย ตายจริง”
จู่ ๆ ลันตากรีดเสียงร้องออกมาดัง ๆ แพรพิไลตกใจ มองใบหน้าสวยเก๋อย่างอึ้ง ๆ ซึ่งก็เห็นว่ามีน้ำตาคลอรอบหน่วยจวนเจียนที่จะหยดลงมา เกิดอะไรขึ้น ทำไมลันตาถึงร้องไห้ จากที่สดชื่น ดีใจจนออกนอกหน้าเกี่ยวกับผลการเรียน ต่างจากเวลานี้เดินไหล่ห่อลู่ตก เลี่ยงไปนั่งที่ม้าหินอ่อนอย่างคนสิ้นแรง
“ลันตา เป็นอะไร ทำไมถึงเหี่ยวอย่างนี้ล่ะ”
“เธออย่าพูดอย่างนี้สิ ทำให้เราไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แพรจ๋า เรานึกได้ว่ารุ่นพี่ม.6 ที่สอบเสร็จก็ต้องไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยใช่ไหม”
“ใช่ ทุกคนก็รู้นี่”
“ที่ทำให้เราเศร้าก็คือ พี่ภูริชสุดหล่อจะจากไปแล้วเหรอ แล้วเราจะหาความสดชื่นได้จากที่ไหนล่ะ”
“เอ๊า ลันตา เรื่องแค่นี้ร้องไห้เสียแล้ว อายคนน่า”
“เราเศร้านี่นา หดหู่อีกด้วย พี่ภูริชขา น้องลันตาคิดถึง พี่ไปเรียนที่ไหนน้องจะตามไปเรียนด้วยนะ”
คร่ำครวญหาภูริชด้วยเสียงเศร้า ๆ แพรพิไลคิดว่าเพื่อนแกล้งล้อเล่นแค่เพียงให้ขำ ๆ ครั้นเห็นน้ำตาไหล รู้ว่าลันตาจริงจังกับภูริชมาก ได้แต่เวทนาเพราะผู้ชายไม่ได้มีใจให้เลย ในสายตาของเขาเห็นลันตาเป็นแค่เพียงเด็กกะโปโลคนหนึ่งเท่านั้น
คนอย่างลันตาเศร้าได้ไม่กี่วัน หลังจากโรงเรียนเปิดเทอมแรก ความสดชื่นกลับมาอีกครั้ง เดินควงเทพทัต รุ่นพี่ ม.5 หน้าเข้ม ตาคม รูปร่างสูง ทั้งสองมาหาแพรพิไลที่กำลังทำความสะอาดโต๊ะเรียน ปีนี้ขึ้นอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เธอนั่งคู่กับลันตาเช่นเดิม
“จ๊ะเอ๋ แพร ทำอะไรน่ะ”
“อ้าว! ลันตามาแล้วเหรอ แล้วนั่นใคร”
“พี่เทพทัตไง ฮอตจะตาย เธอทำหน้าแบบนี้ไม่รู้จักแน่ ๆ เลย”
“สวัสดีครับน้องแพร พี่เคยเห็นเดินกับลันตาบ่อย ๆ อย่างว่าพี่ไม่โดดเด่นเหมือนคนอื่น ก็เลยไม่เข้าตาน้องแพร”
เทพทัตทำเสียงเศร้าได้น่าสงสาร แพรพิไลไม่ชอบต่อสายตากรุ้มกริ่มคู่นั้น แม้ว่าอยู่ใกล้กับลันตาแต่เผื่อแผ่ความเจ้าชู้มาให้อย่างนี้มันไม่ถูกต้อง
สงสารลันตาที่คบผู้ชายแบบนี้ หาความจริงใจได้ยาก กลัวเพื่อนถูกหลอก คงจะต้องเตือนให้รู้ตัวก่อนที่จะสาย
“พอดีแพรไม่ค่อยสนใจใคร นอกจากเรียนหนังสือ”
“ใช่ แพรเค้าเป็นประเภทเด็กเรียน ไม่เหมือนลันตา ลั้นล้าไปตามเรื่อง สนุกเรื่อยเปื่อย พี่เทพทัตล่ะ เรียนเก่งไหม”
“ก็โอเค ไม่เคยตก แต่จะตกก็ในเรื่องความรักนี่แหละ”
“หือ หวานซ้า อย่างนี้ตอนกลางวันลันตาก็คงไม่ต้องซื้อไอศกริมกินแล้วสิ ใช่ไหมแพร”
“ไม่รู้สิ แล้วนี่จะไม่เข้าแถวเคารพธงชาติหรือไง กริ่งเตือนแล้วนะ”
แพรพิไลเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อที่จะหันเหเพื่อนให้ออกห่างจากเทพทัต แต่ไร้ผลลันตายืนกรานที่จะนั่งคุยกับเขาอยู่ในห้อง ไม่แคร์ว่าใครจะเห็นแล้วเอาไปรายงานฝ่ายปกครอง
“ไม่หรอก เราตกลงกับพี่เทพทัตแล้วว่าจะอยู่ในห้องนี่แหละ ใช่ไหมคะพี่”
“ครับ น้องแพรจะอยู่เป็นเพื่อนเราสองคนก็ได้นะ”
“ไม่ดีกว่า ไปล่ะ”
ลันตารู้แล้วว่ายากที่จะดึงเพื่อนออกห่างจากเทพทัต เกาะติดกันแจขนาดนี้ ไม่เคยเห็นลันตาให้ความสนิทสนมผู้ชายคนไหนเท่ากับเทพทัต กล้าที่จะหนีการเข้าแถวเพื่อทำกิจกรรมหน้าเสาธง ขอแค่ได้อยู่ใกล้กับคนที่สนใจ
ในเมื่ออยู่ลับหลังคนอื่น ไม่รู้ว่าทั้งสองจะทำอะไรไปมากกว่าการนั่งคุยกันเฉย ๆ ถ้ามีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นลันตาจะทำอย่างไร
ตั๋วดูหนังถูกนำมาวางลงตรงหน้าแพรพิไล เสียงหวานยังคงเจื้อยแจ้วอย่างคนที่มีความสุขอย่างสุด ๆ ใจเต้นแรงเมื่อเห็นลันตาใส่เสื้อที่ล้ำกว่าวัย นั่นก็คือ เกาะอกแต่มีสายคล้องคอ กางเกงขาสั้นแถมพับชายขึ้นไปให้กุดยิ่งกว่าเดิม รองเท้าส้นสูงแบบบู้ท แต่งหน้าเพิ่มสีสันให้เข้มราวกับไปเดินแบบบนแคทวอล์ค
“ลันตา แต่งตัวจัดขนาดนี้เธอจะไปไหน”
“ไม่น่าถามเห็นแล้วนี่ว่าเราจะไปดูหนัง นี่ไงซื้อตั๋วเอาไว้แล้วสองใบ เสียใจด้วยที่ไม่ได้ซื้อเผื่อเธอ”
“ไม่เป็นไร วันหยุดอย่างนี้อยากอ่านการ์ตูน ดูหนังเคเบิ้ลมากกว่า”
“เธอนี่ก็หาแต่ความสุขราคาถูก อยู่กับบ้านไม่ออกไปไหน โลกแคบอย่างนี้ เดี๋ยวไม่ทันคน ถูกเขาหลอกให้เสียใจ”
