บทที่ 2 ตามกลิ่น (2)
คามินพยักหน้าก่อนขยับกายมาทิ้งตัวนั่งลงบนเศษฟางข้างลูกน้องต่างวัยอย่างไม่ถือเนื้อถือตัว “ยอมเปิดปากอย่างนี้สิ ค่อยน่าคุยด้วย แล้วท่านบอกอันใดแก่ทหารพวกนั้นบ้างล่ะ?”
“รักษาความลับของพี่น้องเราเท่าชีวิตคือกฎของจิ้งจอก ข้าบอกไปว่าไม่รู้เรื่อง ทหารพวกนั้นจึงซ้อมข้าเอาซ้อมข้าเอา” ชายสูงวัยบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ กับความไร้เหตุผลและอิทธิพลที่อยู่เหนือกฎหมาย
“ท่านทำดีที่สุดแล้ว”
“ดีที่สุดต้องปล้นสินค้าพวกนั้นมาแจกจ่ายให้ประชาชนที่กำลังตกทุกข์ และอดยาก” ผู้สูงวัยแย้ง ดวงตาสีน้ำข้าวนั้นจรัสแสงขึ้นมาทันที และคามินก็รู้ว่านี่คือเอกลักษณ์ของเหล่าสมุนจิ้งจอกที่พร้อมจะช่วยเหลือทุกคน
“เท่าที่ข้ารู้มา จอมโจรจิ้งจอกไม่เคยหมายตาฟายิสไว้มิใช่รึ ถึงเจ้าหมอนั่นจักร่ำรวยเตะตาพวกเราไปสักหน่อยเถอะ”
“ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงแล้วอะเมีย ฟายิสคือต้นเหตุที่ทำให้เราพี่น้องจิ้งจอกต้องมาตาย” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความชิงชังเคลียดแค้นเมื่อเอ่ยถึงเจ้ากรมการคลังหนุ่ม และคามินก็จับกระแสเสียงนั้นได้
“ท่านรู้เรื่องพี่น้องชาวจิ้งจอกที่ถ้ำผาขาดด้วยรึ?” แม้นน้ำเสียงของคามินจักราบเรียบ แต่ใครจักรู้เล่าว่าภายในใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความอึดอัดคับแค้นใจถึงเพียงใดเมื่อต้องเอ่ยถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้
“ข้ามิได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ก็พอรู้ความจากสหายจิ้งจอกที่รอดกลับมา ความว่าเจ้ากรมการคลังใช้เล่ห์อุบายจ่ายค่าจ้างอย่างงามเพื่อให้จิ้งจอกทะเลทรายคุ้มกันความปลอดภัยของคาราวานผ้าไหม พอเดินทางผ่านถ้ำผาขาดเท่านั้น ทหารจามอลจึงลงมือสังหารพี่น้องของเรา...” ผู้เล่าเหตุการณ์เงยหน้าขึ้น พร้อมปิดเปลือกตาลงอย่างหดหู่ใจและเจ็บปวดกับความสูญเสียในครั้งนี้
“อะเมีย พี่น้องชาวจิ้งจอกหลายคนเชื่อว่าท่านชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แต่ข้าผู้รับใช้จอมโจรจิ้งจอกมานาน ตั้งแต่ยุคทองของท่านโอมาน ข้าเชื่อว่าท่านมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดังนั้นเพื่อให้ความจริงกระจ่างชัดและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพี่น้องที่จากไปของเรา ท่านควรแสดงให้พี่น้องจิ้งจอกที่เหลือได้เห็นนะขอรับว่าท่านยังศรัทธาในความถูกต้องและยุติธรรมอยู่”
“ข้าทำเช่นนั้นแน่ ขอเวลาสักหน่อยเถิด ข้าจักนำตัวผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มาลงโทษให้สาสม โทษฐานที่คนผู้นั้นกระทำความเลวกับพี่น้องเรา แต่ตอนนี้ท่านควรตามข้ามา” คามินเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน
“ไปไหนหรือขอรับ?” ชายสูงวัยทำหน้างง ๆ
“ที่พักใหม่สำหรับท่านไงเล่า ข้าจักบอกทุกคนว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ท่านเป็นเพียงนักเดินทางจากต่างเมืองเดินทางมาหาญาติพี่น้องที่นครจามอลเท่านั้น แต่บังเอิญทหารตาถั่วพวกนั้นเข้าใจผิด คิดว่าท่านเป็นโจรจิ้งจอกจึงทำร้ายท่าน ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน”
“ท่านช่างหลักแหลม” ชายสูงวัยมิวายเอ่ยปากชม
“กะล่อนเอาตัวรอดถือว่าเป็นยอดโจร ข้าเสียใจกับเรื่องร้ายๆ ที่เกิดกับท่านนะ อย่างไรซะท่านควรพักรักษาตัวให้หายก่อนเถิดแล้วค่อยออกเดินทาง ขืนรีบกลับออกจากจามอลตอนนี้ มีหวังท่านได้โดนทหารของฟายิสลากตัวมาอัดซ้ำอีกแน่”
“ขอรับ” ผู้สูงวัยที่รู้ว่าชีคคามินเป็นใครค้อมศีรษะรับคำสั่ง
คามินยิ้มบางพลางตบไหล่ให้กำลังใจสาวกจิ้งจอกเบา ๆ ก่อนมีคำสั่งให้คนของเขามาดูแลชายผู้นี้อย่างดีที่สุด จากนั้นชีคหนุ่มจึงมีคำสั่งเรียกทหารทั้งห้านายมาสอบปากคำเพิ่มเติม
เมื่อลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งคำให้การจากผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีทหารกล้าทั้งห้านาย และชายสูงวัยซึ่งเป็นลูกสมุนจอมโจรจิ้งจอก คามินจึงไม่ลังเลใจเลยที่จักบุกเดี่ยวมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของ ‘ฟายิส’ เจ้ากรมการคลังผู้มั่งคั่งในค่ำคืนนี้ทันที…
มีคำกล่าวที่ว่า ‘โจร อยู่ที่ไหนก็คือโจร’
คามินประจักษ์แล้วว่าถ้อยคำนี้ยังใช้ได้ดีสำหรับเขาเสมอ ถึงจักดำรงตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงผู้ปกครองจามอลนคร กระนั้นในจิตวิญญาณที่ถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เยาว์วัยก็ไม่เคยทำให้คามินละทิ้งในสิ่งที่ตนเองรักในการเป็น ‘จอมโจร’ แม้นแต่น้อย
ดังนั้นการปลอมตัวและแฝงตัวเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังงามของเจ้ากรมการคลังคนใหม่อย่างฟายิสในฐานะผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยจึงมิใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาเลย
“ท่านฟายิสมีคำสั่งให้จัดวางเวรยามให้มากขึ้น ตอนนี้จอมโจรจิ้งจอกทะเลทรายกำลังหมายตาจักปล้นคฤหาส์แห่งนี้”
คำสั่งของพ่อบ้านผู้ดูแลความเรียบร้อยในคฤหาสน์ ทำเอาคามินซึ่งอยู่ในชุดทหารติดหนวดเคราปลอม และทำตัวให้กลมกลืนไปกับทุกคนถึงกับหูผึ่ง
“โจรจิ้งจอกนะหรือจะปล้นที่นี่?”
