
บทย่อ
ปณิธานอันแรกกล้าของชีคคามินมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือ การทำให้นางสนมเชเรญ่าตกเป็นสมบัติของเขาทั้งตัวและหัวใจ!!ชีคฮาดาลได้ยก นางสนมเอกนาม เชเรญ่า ให้กับ ชีคคามิน ผู้เป็นลูกชายเพียงเพราะเหตุผลบางประการทว่าฮาเร็มแสนสวย ก็ไม่ใช่กรงทองสำหรับนางสนมเจ้าสำราญอย่างเชเรญ่าที่รักอิสระเหนือสิ่งอื่นใดแล้วละอองทรายเล็ก ๆ เฉกเช่นนางก็ปลิวหายไปกับสายลมหากนางจากไปแต่ตัว ชีคคามินจะไม่สนใจเลยทว่า เชเรญ่ากลับขโมยกริชทองคำศักดิ์สิทธิ์และหัวใจรักของเขาหนีออกจากฮาเร็ม ซ้ำยังทิ้งถ้อยคำท้าทายให้ชีคคามินต้องเจ็บใจ!งานไล่ล่านางโจรสาวจอมแสบจึงเปิดฉากขึ้น…“ไม่เลยท่านชีคผู้ยิ่งใหญ่ ข้าไม่เคยเปลี่ยนไป เมื่อก่อนข้าเกลียดขี้หน้าท่านเช่นไร ปัจจุบันข้ายังเกลียดขี้หน้าท่านเช่นนั้น และดูว่าความเกลียดนั้นจะไม่หยุดเท่านี้” นางบอกเสียงแข็งจ้องอีกฝ่ายตาวาวแทนที่จักได้เห็นความผิดหวังของอีกฝ่าย คามินกลับยิ้มมุมปากเสียนี่ ซ้ำยังหัวเราะหึหึในลำคอชวนให้หงุดหงิดอารมณ์สิน่า“หนักแน่นกับความรู้สึกของตนเองมากไปหรือเปล่านางงาม?” นิ้วแข็งคงเกลี่ยริมฝีปากบางจิ้มลิ้มเล่น ก่อนเปลี่ยนเป็นบังคับเชยคางให้แหงนขึ้น“ข้าซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองเสมอ” เชเรญ่ายืนยันด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าผู้หญิงของข้าทุกคนไม่มีสิทธิ์พูดจาเช่นนั้น”“บังเอิญว่าข้าอยู่นอกเหนือกรณีนั้นด้วยสิ อิสรภาพเป็นของข้า ไม่ใช่ของท่าน!” เชเรญ่าย้อนให้ทันควันพร้อมขืนตัวออกจากมือแข็งซึ่งปฏิกิริยาพยศของนางนั้นกลับทำให้คามินพึงพอใจกับความมีชีวิตชีวาของนางมากกว่าเดิม ด้วยไม่เคยคิดว่าสตรีที่เยือกเย็นราวสายน้ำกลางโอเอซิสนั้นจักกล้าแข็งข้อกับเขาได้เพียงนี้ดวงตาสีน้ำมันดิบกวาดมองวงหน้าสตรีในอ้อมกอดอย่างพิจารณา ก่อนหยุดลงที่ดวงตาสีน้ำผึ้งอันงดงามซึ่งมีประกายบางอย่างเผยให้เห็นมากกว่าความเยือกเย็นที่เขาคุ้นชิน“เจ้าไม่เคยอยู่นอกเหนือกรณีนั้น เจ้ายังเป็นสมบัติแห่งข้าเสมอ และข้าจักทำให้เจ้าเป็นผู้หญิงของข้าเต็มตัวเอง” ชีคหนุ่มยิ้มเย็นอย่างผู้กุมชัยชนะพลางโน้มใบหน้าที่มีหนวดเคราขึ้นรกรุงรังลงมาสูดกลิ่นหอมของพวงแก้มของนาง
บทนำ ละอองทรายใต้ตะวัน
บทนำ
ละอองทรายใต้ตะวัน
ลูกไฟดวงโตแดงก่ำจับขอบฟ้าตะวันตกค่อยเคลื่อนตัวลาลับจากท้องฟ้าไป ในขณะที่ม่านราตรีกำลังเปิดฉากเริ่มต้นขึ้นเม็ดทรายจำนวนมหาศาลทอดตัวนิ่งสงบกินอาณาบริเวณสุดลูกหูลูกตายังต้อนรับสายลม...
หากแต่ภาพซ้ำซากจำเจที่เห็นจนชินตากลับทำให้ผู้เสพถึงกับลอบผ่อนลมหายใจ
บุรุษหนุ่มวัยยี่สิบตอนปลายในชุดพื้นเมืองประณีตสีขาวสะอาดตา สวมผ้าโพกหน้าบ่งบอกฐานะ ‘ผู้นำ’ ยืนกอดอกอยู่ใต้ต้นปาล์ม ทอดสายตาไปยังเนินทรายใหญ่โตเบื่องหน้า แม้นเม็ดทรายในครานี้จักไม่ระยิบระยับตาเหมือนช่วงกลางวัน
ทว่า... ยังไม่ทิ้งมนตร์เสน่ห์ของตนเอง และในความเงียบสงบจนได้ยินเสียงสายลมลูบผ่าน สิ่งนี้เอง ที่ปลุกห้วงอณูความรู้สึก ‘ถวิลหา’ ใครบางคนให้ตื่นขึ้นมาได้
‘ข้ามีค่าแค่ฝุ่นทรายเท่านั้น มิคู่ควรและไร้ประโยชน์ใด ๆ ที่จักอยู่ในฮาเร็มนี่ต่อ อีกอย่างท่านชีคฮาดาลปลดพันธนาการเสน่หาให้ข้าแล้ว ใยท่านถึงกักขังอิสรภาพแห่งข้าอีก’
ถ้อยคำกรีดใจนี้ยังติดตรึงไม่เคยลบเลือนจากหัวใจคามินสักครา เขามีอำนาจ มีทุกอย่างในมือ มีตำแหน่งเป็นถึงนายเหนือหัวของชาวจามอลทั้งอาณาจักร แต่อำนาจของเขากลับไม่สามารถกักขังหญิงงามตัวเล็ก ๆ เอาไว้ได้
‘ข้าในฐานะท่านชีคแห่งจามอล ขอออกคำสั่งให้เจ้าอยู่ที่นี่’
‘ข้าเชเรญ่าในฐานะอดีตสนมเอกของท่านชีคฮาดาล ขอคัดค้านไม่รับคำสั่งนี้’ นางปฏิเสธเสียงแข็ง วงหน้างามเชิดขึ้นอย่างท้าทายอำนาจ ดวงตาเย็นเยือกสีน้ำผึ้งนิ่งสงบ
‘ทำไม?’
‘ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นฐานบ้านเกิดของข้า’
‘หึ มันจะใช่... และใช่ที่สุดถ้าเจ้าอยู่ที่นี่’ ชีคหนุ่มเค้นเสียงเย็นลอดไรฟันอย่างเอาแต่ใจเมื่อแม่สาวงามเชเรญ่ายั่วอารมณ์ให้เขาโกรธสุด ๆ
‘ไม่! ดินแดนแห่งนี้ไม่ใช่บ้านข้า ไม่ว่าท่านจักจองจำข้าด้วยวิธีใด ข้าจะออกไปจากที่นี่ให้จงได้’
‘เจ้าเป็นสมบัติของข้า ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปไหนเด็ดขาดเชเรญ่า หรือต่อให้เจ้าอยู่ไกลลับตา จนมิอาจเห็นเม็ดทราย ข้าก็จะนำตัวเจ้ากลับมาอยู่ที่นี่ให้จงได้’
‘ก็ลองดู...’
เป็นน้ำเสียงท้าทายมากที่สุดเท่าที่คามินเคยรู้จักอิสตรีมา แต่สุดท้ายแล้วเจ้าเม็ดทรายน้อย ๆ ของเขาก็ถูกสายลมแห่งอิสรภาพพัดปลิวไปไกลแสนไกลจนได้
“เชเรญ่า” ชีคหนุ่มรำพันเสียงแผ่ว ทุกอณูความรู้สึกอัดแน่นด้วยสิเน่หาเต็มเปี่ยมหัวใจ จนมิสามารถหาสตรีนางไหนมาบรรเทาสิ่งเหล่านี้ได้
นานวันเข้าคามินจึงประจักษ์แล้วว่าเขาโหยหานางผู้นี้ถึงเพียงใด โหยหาถึงขนาดต้องรีบตามหาตัวนางอย่างเร็วที่สุด เพราะเชเรญ่ามิได้ขโมยหัวใจของเขาไปอย่างเดียว แต่นางยังหายตัวไปพร้อมกับสมบัติชิ้นสำคัญของชาวจามอลด้วย!
ระหว่างคิดอะไรเพลิน ๆ ชีคหนุ่มจึงเตะเม็ดทรายเล่นเรื่อยเปื่อย แต่เมื่อเสียงฝีเท้าบดลงผืนทรายของใครบางคนดังขึ้น เขาจึงหยุดกิริยานั้นแล้วปรายตาไปมอง
“มีอันใด?”
“เรียนท่านชีค ยูนุคทั้งห้าได้คัดเลือกนางงามจำนวนยี่สิบนางเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ มิทราบว่าราตรีนี้จะให้นำตัวพวกนางเข้าปรนนิบัติรับใช้เลย หรือไม่?”
ชีคหนุ่มมีสีหน้าครุ่นคิด ขณะปรายตาไปมองผู้รายงาน ก่อนพยักหน้ารับ
“จัดเข้ามาในกระโจมใหญ่ สัก...” คามินลูบปลายคางที่มีหนวดขึ้นปกคลุมเสริมให้ใบหน้าดูคมเข้มและน่าเกรงขาม “ห้านาง”
“ห้านางเลยหรือขอรับ?!” องครักษ์ผู้ติดตามเผลออุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่พอเจอสายตาไม่พอใจของผู้เป็นนายจึงค้อมศีรษะลง
“ขอประทานอภัยขอรับ”
“ตกใจอันใดกัน?”
องครักษ์ผิวหมึกเลือกที่จักก้มหน้าลงไม่กล้าตอบคำถาม
“เจ้ามีอะไรก็จงไปทำเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ”
โดนท่านชีคเอ่ยปากไล่ดื้อ ๆ องครักษ์ผิวหมึกจึงจากไปแต่โดยดี หากแต่ห่างออกมาจากใต้ต้นปาล์มใหญ่แล้วก็ยังมิวายรำพันในใจว่า คนอะไรใช้นารีเปลืองชะมัด!
