บทที่ 1 วุ่นวาย (5)
“เรื่องบ้านี่เกิดขึ้นได้อย่างไร?” พอเห็นอาหมัดหัวเสีย คามินจึงปรับน้ำเสียงนั้นกลายเป็นจริงจัง
“นั่นเป็นคำถามที่ข้าต้องใช้ถามท่านมากกว่า เราเคยตกลงกันแล้วมิใช่หรือ ถึงท่านจักรับตำแหน่งเป็นผู้ปกครองจามอลนคร เราจักไม่ก้าวก่ายหน้าที่ของกันและกัน แล้วเหตุใดท่านถึงตระบัดสัตย์ไม่รักษาสัจจะเช่นนี้”
“ข้ามิเคยรู้เรื่องนี้”
“นั่นไม่ใช่คำแก้ตัวที่ดีนะชีคคามิน!” มิเพียงถ้อยคำต่อว่า อาหมัดยังผลักอกกว้างของชีคหนุ่มเป็นการระบายโทสะอีกด้วย “ทหารจามอลหลายสิบนายสังหารพี่น้องของเราราวผักปลา ทั้ง ๆ ที่เหล่าสาวกจิ้งจอกคอยช่วยเหลืองานของทางการมาตลอด นี่คือผลตอบแทนความดีที่พวกเราจักได้รับงั้นหรือ”
อาหมัดเค้นเสียงเย็น ดวงตาของชายผิวหมึกจรัสแสงวาวโรจน์ด้วยความโกรธ ก่อนกระชากเสื้อผ้าไหมเข้าหาตัวแล้วเสยหมัดรุ่น ๆ เข้าใต้คางของคามิน จนผู้ไม่ได้ตั้งหลักเซล้มลงไปบนที่นอน
“ท่านก็รู้ว่าพี่น้องชาวจิ้งจอกทะเลทรายไม่เคยฆ่า หากท่านลืมความเป็นพี่น้องของเราแล้วก็มิน่าสั่งคนไปสังหารพวกเขาอย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้”
ถ้อยคำตัดพ้อต่อว่านั้นกรีดลึกลงในเนื้อใจของคามินได้ดีนัก แต่เขาก็เมาหมัดจนพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
“เจ้าทำบ้าอันใดรึอาหมัด เจ้ามาที่นี่เพื่อชกหน้าข้าแล้วต่อว่าข้าโดยไม่ถามไถ่จากปากของข้าสักคำหรือเจ้าบ้า!”
พอหายมึนตั้งหลักได้แล้วคามินจึงชกหน้าอาหมัดกลับไปหนึ่งหมัด แต่เขาก็ถูกอาหมัดสวนกลับมาทันควัน จากนั้นทั้งสองจึงเข้าต่อสู้แลกหมัดกันนัวเนียจนข้าวของในกระโจมกระจัดกระจายและได้รับความเสียหาย กระทั่งหมดแรงแล้วนั่นล่ะ ทั้งสองจึงล้มตัวแผ่หลาในสภาพ ‘ดูไม่จืด’
“สารภาพตามตรงนะ ว่าข้าไม่รู้เรื่องที่เจ้าพูดถึงสักนิด และข้าไม่เคยคิดด้วยว่าทหารของจามอลจักกล้ากระทำเช่นนั้นกับพี่น้องของเราด้วย”
ผู้นอนหอบหายใจเหนื่อยซึ่งทิ้งสายตามองใจกลางของกระโจมเบือนหน้ามายังผู้ปกครองจามอลด้วยสายตาไม่ชอบใจเช่นเดิม
“พูดพล่อย ๆ อย่างนี้น่าอัดอีกสักหมัดนะ!”
“พอแล้ว ข้าจุก” คามินมิวายปราม ซึ่งถ้อยคำนั้นทำให้อาหมัดอดยิ้มมุมปากออกมาได้แต่ก็ยังสงวนท่าทีเอาไว้
“สิ่งแวดล้อมเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน ท่านขลุกตัวอยู่แต่ราชสำนักนาน ๆ คงมิได้สนใจโลกภายนอก หรืออาจสนใจแต่มิได้ใส่ใจ จึงมิรู้ว่าพี่น้องจิ้งจอกถูกทหารจามอลข่มเหงรังแก และฆ่าทิ้งราวผักปลา”
“ก็บอกแล้วไงว่าข้าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ให้สาบานต่อหน้าองค์เทวีแห่งแสงสว่างเลยก็ได้ ว่าข้ามิรู้เห็นเรื่องนี้... ข้าเสียใจกับข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกับพี่น้องของเรานะอาหมัด ข้าไม่เคยคิดว่าเรื่องเลวร้ายนี้จะเกิดขึ้นกับพี่น้องของเรา”
“ท่านก็พูดได้แค่นี้ เสียใจ! แล้วช่วยให้อันใดให้ดีขึ้นเล่าชีคคามิน ท่านควรรีบแก้ไขเรื่องนี้โดยด่วนที่สุดก่อนที่การสูญเสียจักเกิดขึ้นกับพี่น้องของเราอีก”
คามินมิได้โต้ตอบถ้อยคำเหน็บแนม นอกจากปิดปากเงียบรับฟังความคิดเห็นของสหายรัก อาหมัดจึงทรงตัวลุกขึ้นพร้อมปัดฝุ่นทรายออกจากเสื้อ และจับเสื้อผ้ามอซอซึ่งมิต่างจากขอทานของตนเองให้เข้าที่เข้าทาง
“ข้าเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อพูดคุยเรื่องท่านนี่ล่ะ หากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับพี่น้องของเราอีก เห็นทีความสัมพันธ์อันยาวนานของพวกเราคงขาดสะบั้นลง ท่านเองก็อย่ากล่าวหาว่าพวกข้าใจร้ายกับชาวเมืองจามอลเลยนะ หากเราชาวจิ้งจอกจักใช้วิธีของจิ้งจอกเล่นงานผู้ที่รังแกย่ำยีศักดิ์ศรีพวกเรา”
คามินพยักหน้ารับ พลางดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างกระฉับกระเฉง “ตกลง ๆ ข้ารับปากเจ้า จักไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นกับพี่น้องชาวจิ้งจอกอีก ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นข้าจักสั่งสอบสวนและลากตัวผู้อยู่เบื้องหลังมารับโทษให้จงได้”
“ดี ข้าจักอยู่เมืองนี้รอดูท่านแก้มือ อ้ออีกสิ่ง เกรงว่าท่านนั่งอยู่บนบัลลังก์ทองคำมานานจักลืมกฎอันเคร่งครัดของเรา ว่าจอมโจรจิ้งจอกทะเลทรายถือสัจจะเป็นใหญ่ อย่ากลับคำง่าย ๆ ล่ะชีคคามิน มิเช่นนั้นข้าพาสาวกจิ้งจอกมาถล่มฮาเร็มของท่านเป็นแน่”
“ชีคคามินเช่นข้ายึดถือสัจจะเป็นใหญ่เฉกเช่นกัน ข้าไม่ลืมคำมั่นที่ให้ไว้หรอก ท่านหัวหน้าอาหมัด”
อาหมัดสบตากับเจ้าของดวงตาสีน้ำมันดิบอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปตีมือกับคามินแทนคำตกลง ก่อนกลับออกจากกระโจมหลังใหญ่ซึ่งเละเทะไปทั้งหลังด้วยฝีมือของเขาและชีคคามิน เมื่อความสงบหวนกลับมา เจ้าของกระโจมจึงต้องนั่งเท้าคางอย่างหนักใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่น้องจอมโจรจิ้งจอกทะเลทรายอีกครั้ง
พร้อมคำถามที่ว่า เขาต้องมาเจ็บตัวด้วยกำปั้นหนัก ๆ ของอาหมัดเพียงเพราะฝีมือผู้อื่นงั้นหรือ?
“ได้เวลาสืบหาความจริงแล้วคามิน” ชีคหนุ่มบอกตนเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาเป็นประกายระยับ
