บทที่ 1 วุ่นวาย (4)
‘พื้นที่ตรงนั้นแห้งแล้งนัก ก็ย้ายถิ่นฐานให้ชาวเมืองมาทำมาหากินยังพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ซะ ส่วนพื้นที่ไหนขาดแคลนน้ำ มิสามารถอพยพย้ายถิ่นฐานมาได้ ก็ให้นำน้ำไปแจกจ่าย แล้วให้เปลี่ยนจากการเลี้ยงแพะเลี้ยงแกะ เป็นเลี้ยงอูฐ หากว่ามีปัญหาเรื่องมูลอูฐก็รับซื้อมาทำเชื้อเพลิงซะจักได้สิ้นเรื่อง’
จัดการกับปัญหาเรื่องความแห้งแล้งไปได้ ปัญหาใหม่ก็เรียงหน้ามาให้ได้ปวดหัวอีก แต่ที่แย่ที่สุดเห็นจักเป็นปัญหาเรื่องการปล้นของจอมโจรจิ้งจอกนี่ล่ะที่ทำให้ชีคคามินปวดหัวไม่มีสิ้นสุด เพราะมิรู้ว่าจักรับมือเช่นไรในเมื่อจอมโจรจิ้งจอกทะเลทรายคือ ‘คนของเขาเช่นกัน’
ระหว่างคิดอะไรเพลิน ๆ กระโจมผ้าจึงเปิดออกพร้อมกับ ‘แขกพิเศษ’ ในยามวิกาลที่มาเยี่ยมเยือน เพียงเห็นหน้าสหายเก่าผู้มากับความมืดโดยมิมีการบอกกล่าวล่วงหน้า คามินซึ่งจมอยู่กับความเหนื่อยหน่ายจึงยิ้มกว้างอวดฟันซี่ขาวทันที
“โอ้สหายอาหมัด ไม่สิ ข้าต้องเรียกเจ้าว่าท่านหัวหน้าถึงจักถูก เจ้ามาพบข้า ในเวลาที่ข้าต้องการใครสักคนเพื่อปรับทุกข์อยู่พอดีสหายแห่งข้า”
มิเพียงคำทักทายตามประสาหนุ่มเจ้าสำราญ คามินยังรีบผละจากที่นอนขนสัตว์มาหาสหายรักด้วย ทว่าชีคหนุ่มต้องหยุดชะงักพร้อมยกมือขึ้นในท่ายอมแพ้ทันที เมื่อจู่ ๆ มีดสั้นวาววับของอาหมัดยื่นมาจี้อยู่ที่ปลายจมูกโด่งเป็นสันของเขา
“ไม่เจอหน้าตั้งนาน สบายดีใช่ไหมสหายรัก?” มือหนาปัดปลายมีดสั้นแหลมคมออกไปจากปลายจมูกอย่างระมัดกระวัง กระนั้นสายตาของผู้มาเยือนจริงจังเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม เมื่อตวัดปลายมีดมาจี้ปลายจมูกของอดีตหัวหน้าจอมโจรจิ้งจอกอีกครั้ง
“โอ้ ข้าคิดว่าเป็นคำทักทายที่รุนแรงไปหน่อย”
“เลิกเล่นได้แล้วชีคคามิน ข้ามาพบท่านในครั้งนี้เพราะต้องการสะสางเรื่องบาดหมางระหว่างเราโดยเฉพาะ” อาหมัดผู้ซึ่งได้รับเลือกเป็นหัวหน้าจอมโจรจิ้งจอกทะเลทรายสืบต่อจากคามินบอกเสียงกร้าวแทบเป็นตวาดเสียงใส่
แต่ผู้สนุกกับการใช้ชีวิต และมิเคยยึดติดกับกฎระเบียบใด ๆ กลับเลิกคิ้วขึ้นสูง
“เรื่องบาดหมางเลยรึ? พูดซะจริงจังน่ากลัวเชียวอาหมัด ข้าว่าเจ้าเก็บมีดก่อนดีกว่าไหม หวาดเสียวเหลือเกินว่ามันอาจเสียบทะลุลูกกระเดือกของข้า”
คำหยอกเย้าเป็นกันเองนั้นแทนที่จักผ่อนคลาย แต่กลับทำให้อาหมัดถึงกับแก้มกระตุก
“สำหรับท่านอาจเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับพี่น้องชาวจิ้งจอกทะเลทราย สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งหมด”
“สีหน้าจริงจังของเจ้าทำข้าอารมณ์บูดไปด้วยนะอาหมัด เรื่องสำคัญเหรอ?” คามินมิวายเลิกคิ้วถาม แล้วหมุนตัวหลบปลายมีดสั้น ก่อนหันหน้ามาเผชิญหน้ากับสหายรักอีกครั้ง
ส่วนผู้ซึ่งบุกเดี่ยวเข้ากระโจมชีคคามินเพียงลำพังอย่างกล้าหาญจึงลดมีดสั้นลง พลางกรอกลูกตาไปมาอย่างอ่อนใจ กับพฤติกรรมที่มิเคยเปลี่ยนไปของอดีตผู้นำจอมโจรจิ้งจอก
“วัน ๆ เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการออกล่าตามหาสาวงาม ชมการแสดงระบำหน้าท้อง รื่นรมย์กับดนตรีแสนไพเราะ สมองอันชาญฉลาดของท่านเคยรับรู้เรื่องของพี่น้องจิ้งจอกทะเลทรายบ้างไหมอะเมีย ?”
ผู้ถูกต่อว่าไหวไหล่ “ก็เพราะไม่รู้เรื่องใด ๆ ไงเล่า ข้าถึงต้องถามความจากเจ้า”
อาหมัดสูดลมหายใจเข้าจมูก แล้วพ่นลมหายใจออกมายาวจนเกิดเสียงกับกิริยาคล้ายทองไม่รู้ร้อนของชีคคามิน
“คนของท่านสังหารพี่น้องจิ้งจอกของข้าจำนวนสิบเจ็ดศพ ตอนพวกเขากำลังปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยให้ขบวนสินค้าที่ถ้ำผาขาด”
น้ำเสียงจริงจังของหัวหน้าจอมโจรจิ้งจอกทะเลทรายคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นสหายสนิท มีผลต่อสีหน้าของคามินขึ้นมาทันที
“บ้าน่า!!! ล้อเล่นแรงขนาดนี้เชียวรึ สหายข้า”
“หน้าตาของข้าบอกท่านเช่นนั้นรึ? ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ ข้าคงไม่เสี่ยงเหยียบเข้ามาในกระโจมให้ท่านลากตัวข้าเข้าห้องขังเหมือนที่ทำกับพี่น้องของเราหรอก” อาหมัดแยกเขี้ยวใส่ ดวงตาวาววับกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายเห็นเรื่องร้ายแรงนี้เป็นเรื่องเล่น ๆ ไป
