บทที่ 1 วุ่นวาย (2)
น้ำเสียงจริงจังกับสายตาดุดันที่บ่งบอกว่าเขาเอาจริง ทำให้หญิงสาวทั้งห้าพากันปิดปากเงียบ ชีคคามินยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจเมื่อสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ แล้วทิ้งตัวนั่งขัดสมาธิกลางวงหญิงสาวอย่างไม่ถือตัว พร้อมคลี่ภาพวาดลายเส้นเสมือนจริงให้กับผู้ได้รับเชิญมาเที่ยวกระโจมได้ยล
“งดงาม และทรงเสน่ห์ใช่ไหมล่ะ” คามินกอดอกยิ้มน้อย ๆ อย่างภาคภูมิใจ แต่ก็ไม่มีใครตอบรับคำถามของเขา
“คะ... ใครเจ้าคะ?” ใครคนหนึ่งในกลุ่มซึ่งมีความกล้ามากสุดเอ่ยปากถาม
“ภาพที่พวกเจ้าเห็นคือนางงามแห่งข้า แต่มีเหตุบางประการที่ทำให้นางหายไปจากอ้อมกอดของข้า ข้าจึงอยากถามพวกเจ้าว่า มีใครเคยพบเห็นนางบ้างไหม?”
ผู้รับเชิญให้มาเป็นแขกพิเศษในกระโจมทั้งห้านางต่างพุ่งสายตาไปยังภาพวาดเสมือนจริงอย่างพินิจพิจารณา จากนั้นจึงพากันส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียง และคำตอบที่ได้รับซึ่งมิแตกต่างจากสตรีทั้งสามนางเมื่อราตรีก่อน ก็ทำให้คามินต้องถอนหายใจออกมา
“สักนิด ก็ไม่เลยหรือนางงาม?”
“ไม่เจ้าค่ะ ข้ามิเคยพานพบนางงามในภาพวาดนี้จากที่ไหนมาก่อน”
คำยืนยันนั้นทำให้เจ้าของกระโจมได้แต่กรอกตาไปมาอย่างเหนื่อยระอากับการควานหาตัวเชเรญ่า ก่อนดีดตัวลุกขึ้นยืนกะทันหัน ซึ่งกิริยาพรวดพราดนี้เองที่ทำให้สตรีทั้งห้าถึงกับสะดุ้งพากันส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกันอีก
“ช่างขวัญอ่อนเหลือเกิน บอกแล้วไงว่าข้าไม่คิดทำอันใดพวกเจ้า อ้อ ไม่คิดแตะต้องด้วยนะ” เจ้าของดวงตาสีน้ำมันดิบกวาดตามองเหล่าสาวงามอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนถอดเสื้อตัวนอกไปโยนไว้บนหีบไม้
และกิริยาที่ไม่สอดคล้องกับคำพูดนี่เองที่ทำให้บรรดาหญิงสาวทั้งห้า ซึ่งถูกบังคับมารับใช้งาน อีกทั้งถูกยัดความกลัวเข้าไปในสมองถึงกับพากันปิดตาพร้อมเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ผ่าสิ! เชื่อเลยจริง ๆ” งึมงำเสร็จคามินจึงล้มนอนบนผ้าห่มขนสัตว์ผืนนุ่มในอิริยาบถแสนสบาย จากนั้นจึงกางภาพวาด ‘เกือบเหมือน’ ของเชเรญ่าออกดูอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย
ไม่ว่ารูปหน้า คิ้วคาง ดวงตา จมูก ริมฝีปาก หรือเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นจักแค่ ‘คล้าย’ กับสตรีที่เขาตามหา แต่สิ่งนี้ยิ่งดูก็ยิ่งอยากพบหน้านางซะเหลือเกิน แต่เมื่อนึกได้ว่าสายตาทั้งห้าคู่จ้องมองเขาอยู่ คามินจึงดีดตัวลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง
“เกือบลืมบอกไป รอให้ตะเกียงดวงนั้นหมดน้ำมันก่อน แล้วพวกเจ้าค่อยออกไปรับรางวัลที่หน้ากระโจม อ้อ ถ้าใครได้ความอันใดเกี่ยวกับนางงามแห่งข้า สามารถแจ้งข่าวที่ข้าได้ หากข้าหาตัวนางในภาพวาดพบ ข้าจักมอบรางวัลอย่างงามให้กับผู้ให้ข่าวข้า”
คามินกวาดสายตามองบรรดาสตรีทั้งห้านางอีกครั้งเป็นการทำความเข้าใจ ก่อนเอนหลังลงในอิริยาบถแสนสบายเช่นเคยโดยมิหันไปสนใจพวกนางทั้งห้าอีก
พอตะเกียงน้ำมันดับลงแล้วนั่นล่ะ ผู้ซึ่งถูกบังคับขู่เข็ญ พรากตัวมาจากครอบครัวเพื่อมาปรนนิบัติรับใช้ชีคคามิน จึงพากันวิ่งตัวปลิวออกนอกกระโจมในทันที ซึ่งปฏิกิริยานั้นทำให้ชีคหนุ่มต้องถอนหายใจออกมายาว ด้วยมิเข้าใจว่าเหตุใดเหล่าอิสตรีที่เข้าใกล้เขาถึงมีกิริยาหวาดกลัวเหมือนกันหมดเช่นนี้
“เฮ้อ ข้าเป็นจอมโจรล่าสวาทก็ว่าไปอย่าง แต่กาลนี้ข้าคือชีคคามินปกครองจามอลนคร เหตุใดพวกเจ้าต้องกลัวเกรงข้าขนาดนั้นด้วยเล่า?”
มิมีใครสักคนหันมาตอบคำถามของเขา คามินจึงได้แต่ไหวไหล่ไม่ยี่หระ
พอกระโจมใหญ่กลับมาเงียบสงบ ผู้ซึ่งเป็นถึงอดีตหัวหน้าจอมโจรจิ้งจอกทะเลทรายอันลือเลื่องจึงพ่นลมหายใจออกจากปาก ตอบตนเองไม่ได้เช่นกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกขวางหูขวางตากับปฏิกิริยาของเหล่าหญิงสาวที่ถูกเรียกตัวมาใช้งานนัก
คงเป็นอารมณ์ตกค้างสืบเนื่องมาจากคำพูดท้าทายของเชเรญ่าผู้เยือกเย็นมากกว่าละมั้ง ที่ทำให้เขานั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยความหงุดหงิด และนำมาซึ่งการออกตามหาตัวนางชนิดแทบพลิกผืนทรายแห่งนี้ แต่จนแล้วจนรอดเกือบขวบปีมาแล้ว เขายังไม่ได้ข่าวใด ๆ ของนางเลย
“เจ้าหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนนะเชเรญ่า...”
