บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 สมปรารถนา

ไอหมอกยามเช้าปกคลุมยอดไม้ในหุบเขา เสียงนกป่าร้องเรียกแผ่วเบาแทรกลอยตามมาพร้อมอากาศเย็นสดชื่น ปลุกให้ซูเหมยหลันลุกจากตั่งไม้เบาๆ ห่มผ้าให้สามีบัณฑิตที่ยังหลับสนิท ก่อนจะหยัดกายลุกออกมาอย่างแผ่วเบา

นางเดินไปที่เรือนหลังเล็กด้านข้าง เตรียมต้มน้ำ เพื่อต้มมันเทศไว้รอเขาตื่นขึ้นมากินเป็นอาหารเช้า

หลังจากตั้งหม้อไว้แล้ว นางจึงหยิบอ่างไม้เตรียมผ้าจะนำไปซักที่ลำธาร ระหว่างค้นหาเสื้อผ้าของหลี่เฉินอวี่ในตะกร้าหวายสะพายหลังของเขา ก็พบห่อผ้าเล็กๆ ที่ม้วนไว้ด้วยเชือกฝ้ายสีซีด

ซูเหมยหลันผ่อนลมหายใจยาว คิดเพียงจะนำเสื้อคลุมของเขาไปซักให้สะอาด แต่เมื่อดึงห่อผ้านั้นออกมา เสื้อผ้าเก่าที่ห่อไว้กลับหล่นลงพร้อมซองจดหมายที่สอดไว้ตรงมุมพับ

มือของนางหยุดนิ่งกลางอากาศ ใจเต้นแรงอย่างประหลาดขณะหยิบซองนั้นขึ้นมา ลายมือในจดหมายเป็นระเบียบ ทว่าข้อความนั้นทะลุทะลวงดวงใจยิ่งกว่ามีดใด

“พี่เฉินอวี่ ข้าได้มอบปิ่นหยกนี้ไว้แทนใจของท่านกับข้า หากท่านสอบเคอจวี่ได้ตำแหน่งใดหรือไม่ ข้าก็จะเต็มใจแต่งงานกับท่าน และรอท่านกลับมาแต่งงานตามสัญญาหมั้นหมาย ... โหรวเอ๋อร์”

ปิ่นหยก... ซูเหมยหลันนึกถึงปิ่นหยกที่นางเสียบมวยผมอยู่ในตอนนี้ หัวใจของนางเหมือนหยุดเต้นไปในวินาทีนั้น

เขาบอกว่านั่นคือของของมารดา เขาบอกว่าจะอยู่กับนางตลอดไป เขาบอกว่าไม่มีใครอีกแล้วในชีวิต แต่จดหมายฉบับนี้มันบ่งบอกว่าเขามีใครอีกคนที่รออยู่

มือของซูเหมยหลันกำแน่น ดวงตาเบิกกว้าง ทั้งตกใจและปวดร้าว อักษรทุกคำยังคงก้องสะท้อนในหัว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ปิ่นหยกนี้เป็นของแทนใจของท่านกับนาง” ริมฝีปากของนางสั่นระริก เก็บจดหมายกลับเข้าที่แล้วก้าวเดินไปยืนมองสามีที่นอนอยู่ อยากปลุกเขาขึ้นมาถามหากแต่ยั้งใจเอาไว้

ภายในห้อง หลี่เฉินอวี่ยังนอนสงบนิ่ง ซูเหมยหลันมองเขาอยู่เช่นนั้น ชายผู้เคยเป็นแสงสุดท้ายในหุบเขาอ้างว้างของนาง บัดนี้กลับเป็นเงามืดที่กัดกินหัวใจจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

เขาแต่งกับนางก่อน แต่กำลังจะกลับไปแต่งอีกคนหนึ่ง ปิ่นที่อยู่ในผมนางไม่ใช่ของมารดาเขา

เป็นของว่าที่เจ้าสาวของเขา

สามวันหลังแต่งงานเขาแทบจะไม่ปล่อยให้นางอยู่ห่างกาย ไม่ว่าเวลาไหนที่เขาเกิดความปรารถนาก็รั้งนางไว้ในอ้อมแขนแล้วจบลงที่ห้องนอนเสียทุกครั้ง หรือว่าเขาตั้งใจมาหลอกนาง หลอกเชยชมด้วยคำหวาน พอสมปรารถนาแล้วก็จะจากไป

‘ไม่หรอก ท่านพี่อาจจะรักข้า และไม่คิดหวนกลับไปแล้ว เขาบอกเองว่าจะอยู่กับข้า’ นางปลอบใจตนเอง บางทีจดหมายนั่นอาจเป็นเพียงสตรีนางนั้นที่รักเขาเพียงฝ่ายเดียว

แต่เหตุใดเล่า เหตุใดต้องโกหกว่าปิ่นนี้เป็นของมารดาเขา แล้วเหตุใดยังเก็บจดหมายนี้เอาไว้

แม้ภายในใจของซูเหมยหลันจะแตกสลายไปแล้วกว่าครึ่ง แต่ใบหน้าของนางยังคงแต้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นว่าเขางัวเงียลืมตาขึ้นมามองนาง

“ตื่นแต่เช้าอีกแล้ว มาให้ข้านอนกอดอีกหน่อยไม่ได้หรือ” เขาพูดแล้วยิ้มให้แก่นางขณะขยี้ตาให้ตื่นตัว

นางเดินเข้าไปหาแล้วถูกเขาดึงลงไปนั่งตัก มือเย็นเยียบของบัณฑิตหนุ่มสอดเข้าไปในสาบเสื้อของนางแล้วกุมสองเต้าเอาไว้

“อุ่นมือดีจัง เจ้าอยู่ให้ความอบอุ่นข้าอีกสักนิดหรือไม่ ข้าอยากอุ่นทั้งกาย” พูดไปมือของเขาก็ปลุกเร้านางไป บีบหน้าอกของนางจนปลายยอดตั้งชูชัน

“ให้ข้าพักบ้างเถิดท่านพี่ ท่านหิวโหยมาจากไหนกัน แต่งงานสามวันท่านเข้าหอกับข้าไปไม่ต่ำกว่ายี่สิบครั้ง แรงท่านมากขนาดนี้ไปตัดฟืนให้ข้าตามที่เคยพูดไว้เถิด” นางหัวเราะออกมา เขาหลงใหลเรือนร่างนางขนาดนี้ยังต้องระแวงอะไรมาก

“ตัวเจ้าหอมและนุ่มนิ่มอุ่นมือขนาดนี้ จะให้ข้าอดใจไหวได้หรือ เสียงครางของเจ้ายามที่มีความสุข มันทำให้ข้ารู้สึกดี” เขากระซิบเสียงพร่าข้างใบหูของนาง มืออีกข้างวางที่ต้นขา ลูบไล้แล้วค่อยๆ เลื่อนจะสอดมือเข้าไป แต่ซูเหมยหลันดันตัวลุกขึ้นมาก่อน

“ข้าต้มมันเทศไว้ในครัว จะออกไปซักผ้าก่อน หากไปสายกว่านี้เดี๋ยวจะไม่ทันแดด” นางกล่าวด้วยท่าทางเอียงอาย ตอนนี้ใจชื้นขึ้นมากแล้ว

“จะไปซักผ้าที่ลำธารหรือ” สายตาของเขาเหลือบมองปิ่นปักผมในมวยผมนางก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงนุ่ม

“ปิ่นนั้นเจ้าถอดเก็บไว้ที่บ้านเถิด ลำธารหินลื่น หากหล่นหายจะหาไม่ได้อีก”

ซูเหมยหลันชะงักและจุกในอก แต่ก็แสร้งหัวเราะเบาๆ แล้วเอื้อมมือถอดปิ่นออก

“ก็ได้ ท่านหวงของของแม่ท่านนัก ข้าจะเก็บไว้ให้ดี”

นางวางปิ่นลงบนโต๊ะไม้ใกล้ๆ มือ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากเรือนไป หัวใจหญิงสาวแทบกู่ไม่กลับ แต่ใบหน้ากลับไม่มีแม้แต่รอยสั่นไหว

นางเดินเลยทางไปลำธาร แล้ววกอ้อมกลับมาที่ต้นไม้ใหญ่หลังเรือน จุดที่พอจะมองเห็นหน้าประตูได้ชัดเจน

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ซูเหมยหลันยืนเงียบงันใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ ราวรูปปั้นสลักด้วยความเจ็บ เสียงประตูไม้ถูกเปิดออกช้าๆ หลี่เฉินอวี่โผล่ออกมาจากเรือน เขามองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง

บนหลังเขาสะพายตะกร้าหวายที่เขาแบกมา มองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง ใช้เส้นทางอีกที่โดยไม่ผ่านทางลำธารที่นางไป

หลี่เฉินอวี่ค่อยๆ เร่งฝีเท้า มุ่งหน้าสู่อีกฟากหนึ่งของหุบเขา ทิ้งเรือนไม้ และหญิงที่เขาเพิ่งกราบฟ้าดินร่วมกันไว้เบื้องหลัง

ซูเหมยหลันยืนมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่แน่นตึง

ริมฝีปากสั่นระริกอย่างห้ามไม่ไหว

เขากำลังจะจากไปจริงๆ ไม่แม้แต่จะเอ่ยคำลา

ไม่แม้แต่จะเหลียวมองกลับมา

แผ่นหลังของชายผู้นั้นที่เคยให้ความอบอุ่นที่สุดในชีวิตนาง บัดนี้ชัดเจนเพียงพอแล้วว่า เขาไม่มีวันหันกลับมาอีกเลย

น้ำตาเม็ดหนึ่งไหลซึมจากหางตาอย่างช้าๆ นางยืนนิ่ง ปล่อยให้ลมหนาวจากภูเขาปะทะใบหน้า ร่างกายสั่นเทิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ใช่เพราะอากาศ หากเพราะหัวใจที่กำลังแหลกสลายลงอย่างช้าๆ

************************
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel