32
“เฮ้อ ! ไอ้เปียกเอ้ย....คุณข้าวอย่าไปฟังมันมากนะคะ” ป้าจันทร์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ แต่นางก็เอ็นดูรู้ว่าเปียกนั้นรักนายเพลิงแค่ไหนถึงกับยอมตายแทนได้ ไม่อย่างนั้นมันคงจะไม่เจ็บหนักแล้วฟื้นขึ้นมาเป็นแบบนี้หรอก คนอื่นที่รู้เรื่องต่างก็เมตตาไม่มีใครถือสา โดยเฉพาะนายเพลิงถึงแม้จะมีเรื่องให้เถียงกันทุกวันแต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าเขารักเปียกเหมือนน้องชายคนหนึ่งทีเดียว
“เปียกน่ารักออกค่ะป้าจันทร์......ป่ะ ออกไปข้างนอกกันเถอะ” ข้าวหอมหันมาชวนผู้ช่วยนางเอกขำ ๆ
ข้าวหอมเดินตามสามีออกไปทางหน้าบ้าน ทันได้เห็นหลังของพี่เพลิงไว ๆ เขาขึ้นรถไปกับพี่พิมโดยไม่คิดจะบอกหล่อนสักคำ...วูบหนึ่งก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกัน
“นั่นไง...นางอิจฉาพาพระเอกออกไปอีกแล้ว” เปียกชี้นิ้วตามรถยนต์ของคนเป็นนายแถมยังพูดเสียงดัง….ตื่นเต้นที่ตัวเองเดาถูก...หมาคาบไปแดกจริง ๆ .....
“นายฝากบอกว่าจะไปธุระในเมืองแล้วจะรีบกลับครับ” เปี๊ยกได้ยินไอ้เปียกตะโกนโหวกเหวกจึงรีบวิ่งเข้ามาบอกเกรงว่าไอ้เปียกจะทำเสียเรื่อง พักนี้มันยิ่งชอบพูดจาเพ้อเจ้อสำนวนแปลก ๆ อยู่ด้วยเสร็จแล้วก็ชวนไอ้เปียกไปช่วยกันขุดหลุมเพื่อลงเสาต่อ ขืนปล่อยมันไว้มีหวังมันได้พล่ามจนเกิดเรื่องจนได้
ข้าวหอมรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างอย่างน้อยเขาก็ยังรู้ตัวว่ามีเมียอยู่ข้างหลังหัวใจแฟ่บ ๆ ก็กลับฟูขึ้นมาดังเดิมที่รู้สึกว่าตัวเองมีตัวตนในสายตาของสามี
ชายหนุ่มรีบขับรถพาคนที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องเข้าตัวเมืองด้วยความร้อนใจ.....เพราะหล่อนได้รับแจ้งจากมารดาว่าลูกชายคนเดียวอาการไม่ค่อยดีทั้งที่เมื่อวานก็เพิ่งจะพาไปหาหมอมาแล้ว จึงได้มาลางาน .....แต่เพลิงก็ไม่อาจนิ่งดูดายเขาอาสาขับรถมาส่งหล่อนด้วยตัวเอง
“พิมเกรงใจจังเลยเพลิง” เพื่อนสาวบอกเสียงสั่น ฟังน่าสงสารมากเป็นใครก็คงใจแข็งไม่ไหว พลอยรู้สึกทุกข์ร้อนไปกับหล่อนด้วย
“ทำไมถึงชอบคิดแบบนี้นะ ก็เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะช่วยใคร” ชายหนุ่มเอ่ยย้ำอย่างบริสุทธิ์ใจ พลางเอื้อมมือไปบีบมือของเพื่อนสาวที่วางบนตักอย่างให้กำลังใจ โดยไม่มีโอกาสได้เห็นแววตาของอีกฝ่ายที่ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ขอบใจนะที่เพลิงไม่รำคาญพิม” หม้ายสาวพูดเสียงเบาหวิว..... หล่อนลอบมองเสี้ยวหน้าคมคายยิ่งรู้สึกเสียดายที่ตอนนั้นหล่อนโลเลเอง ไม่เช่นนั้นป่านนี้ตำแหน่งนายหญิงแห่งไร่แสงจันทร์จะต้องเป็นของพิมคนนี้อย่างแน่นอน….แต่ก็ใช่ว่าจะสายไป.....เสียแต่ว่าหล่อนไม่น่าปล่อยเวลาเนิ่นนานมาจนถึงตอนนี้เลย
“อย่าคิดมากมีปัญหาอะไรก็บอกเราตรง ๆ ได้เลย.....จำได้หรือเปล่าตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ถ้าตอนนั้นไม่ได้พิมคอยดึงเราไว้อาจจะเรียนไม่จบก็ได้” ชายหนุ่มหมายความตามนั้น เขามีเพื่อนที่สนิทมากก็คือไอ้ทัพพ์ ตั้งแต่มันแยกไปเรียนหมอก็มีแต่พิมนี่แหละที่เป็นเพื่อนคอยช่วยเหลือและเตือนสติเขาตลอดมา….
“ขอบคุณมากนะเพลิง...พิมยังรักและหวังดีกับเพลิงไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย” หม้ายสาวเอ่ยเบา ๆ น้ำตาคลอเบ้า
“เราก็รู้สึกกับพิมไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนกัน” ชายหนุ่มไม่ได้คิดกับอีกฝ่ายเกินเพื่อนและก็ไม่เคยเฉลียวใจว่าเพื่อนคิดอย่างไรกับตน
โรงพยาบาล
หญิงสาวซบหน้าร้องไห้กับอกของเพื่อนหนุ่มเมื่อรู้ว่าลูกชายต้องเข้ารับการผ่าตัด โดยไม่อายสายตาใคร....ซึ่งมองเผิน ๆ ทั้งคู่ก็ดูคล้ายพ่อกับแม่ของเด็กชายห้าขวบที่เพิ่งเข็นเข้าห้องผ่าตัดเมื่อสักครู่ ๆ ดู ๆ แล้วคนเป็นแม่คงจะห่วงลูกมาก ๆ
“น้องพีชจะต้องปลอดภัย” ชายหนุ่มโอบเพื่อนเอาไว้หลวม ๆ อย่างให้กำลังใจเขาไม่ถนัดปลอบใครเสียด้วยอย่างมากก็ทำได้แค่นี้
“แต่ลูกพีชเป็นแก้วตาดวงใจของพิมนะคะ ถ้าแกเป็นอะไรไปพิมคงอยู่ไม่ได้แน่ ๆ ” หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายปริ่มว่าจะขาดใจ หล่อนกอดร่างหนาซบหน้าสะอื้นอยู่ตลอดเวลาจนอกเสื้อของชายหนุ่มเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา
“เอ่อ...น้องพีชแค่ผ่าตัดไส้ติ่งนะพิม ....ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกมั้ง” ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่ค่อยรู้เรื่องโรคภัยไข้เจ็บเท่าไรนัก แต่เขาก็พอจะรู้มาบ้างว่าการผ่าตัดไส้ติ่งไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น….บางทีอาจจะเป็นความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่เห็นลูกชายเจ็บป่วยจะมากจะน้อยก็สาหัสหนักหนาเหมือนกันหมด
“แต่พิมกลัวนี่คะ” หญิงสาวยังพยายามเบียดเนื้อเบียดตัวเข้าหา จนกระทั่งชายหนุ่มเริ่มอึดอัดแต่ก็จำต้องยืนเป็นหลักให้หล่อนอยู่อย่างนั้นเป็นนานสองนานกว่าจะเอ่ยปากขอตัวกลับไร่เพราะเป็นห่วงงานที่สั่งไว้เช่นกัน....
“พิมลาหยุดดูแลลูกพีชได้จนกว่าจะหาย...... ไม่ต้องเกรงใจระหว่างนี้ฉันจะให้ข้าวหอมไปช่วยดูงานให้เอง”
“แล้วเขาจะทำได้เหรอ” หญิงสาวลืมตัวเอ่ยถามเสียงแข็งเมื่อได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนั้น
“ต้องได้สิ....ก็ไร่ของเขาเหมือนกันนี่........ทำไม่ได้ให้รู้ไป” เพลิงตอบยิ้ม ๆ
หญิงสาวจิกเล็บบนฝ่ามือของตัวเองแน่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์อย่างเต็มที่ ไม่ใช่เพราะห่วงงาน แต่เพราะคำพูดของเพลิงมากกว่า......หล่อนคาดไม่ถึงว่าเขาจะหลงหน้ามืดกับผู้หญิงคนนั้นทำอย่างกับว่ามันเป็นเมีย ไม่ใช่นางบำเรอชั่วคราวอย่างที่หล่อนเข้าใจแต่แรก
