ลวงรักกับดักร้าย

120.0K · จบแล้ว
ละอองดิน01
79
บท
15.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง ข้อความนี้ทำให้ข้าวหอมยอมแต่งงานเพื่อเห็นแก่ผู้ใหญ่ สุดท้ายการตัดสินใจของหล่อนเท่ากับเดินเข้าสู่กับดักร้ายเข้าอย่างจัง ------------------------------------- เพลิง อายุ32 ชายหนุ่มผู้จมอยู่กับความเจ็บปวดในอดีตเขาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวอาศัยความแค้นเป็นแรงผลักดัน ข้าวหอม อายุ22 หญิงสาวผู้เติบโตมาดุจไข่ในหินจวบจนทุกอย่างเปลี่ยนไป หล่อนจำต้องเข้มแข็งเผชิญกับโชคชะตาทั้งที่ข้างในอ่อนล้าเต็มที ...................................................... ลวงรักกับดักร้ายเป็นเรื่องแรกของนิยายชุด กุหลาบสามสี ซึ่งเป็นเรื่องราวของสามสาวเพื่อนรัก ข้าวหอม สาวสวยอ่อนหวานประพฤติตนอยู่ในกรอบอันดีงาม หล่อนเปรียบดั่งกุหลาบสีชมพูงดงามใครอยู่ใกล้มักจะอดหลงรักเธอไม่ได้ แต่น่าเสียดายที่กุหลาบดอกนี้ต้องไปอยู่ในแจกันอย่างกะทันหัน หล่อนมีกำหนดแต่งงานกับลูกชายของผู้มีพระคุณ เพลิง ชายหนุ่มผู้มีความเร่าร้อนซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทางเย็นชา (ลวงรักกับดักร้าย) บุ้งกี๋ เปรียบเสมือนกุหลาบแรกแย้มสีแดงสดใสหัวใจรักมีไว้มอบให้ หมอทัพพ์ ผู้ปกครองหนุ่มผู้เคร่งขรึมไร้ซึ่งสัญญาณตอบรับกับความรักที่สาวน้อยขยันส่งไปให้ เขาทำเหมือนไม่เข้าใจมันสักที (เมียหมอทัพพ์) อันนา หญิงสาวผู้มีความงามโดดเด่นแลดูลึกลับหล่อนเปรียบได้กับกุหลาบสีม่วง หล่อนไม่เคยคิดจะรักผู้ชายหน้าไหน แต่กลับตกหลุมรักออสติน เจ้านายหนุ่มลูกครึ่งภายใต้มาดสุขุมลุ่มลึก หล่อนพบว่าเขามีความร้ายกาจซ่อนอยู่ (บอสที่ร้ายเลขาที่รัก)

นิยายรักโรแมนติกแต่งงานสายฟ้าแลบแก้แค้นพาลูกกหนีแต่งงานก่อนรักเศรษฐีโรแมนติก18+

1

สาวสวยบอบบางเรือนร่างอรชรผ่อนลมหายใจระบายความอึดอัด เมื่อต้องพลัดบ้านมาหลายร้อยกิโล มันคงจะโอเคกว่าถ้าไม่ได้มีหล่อนเพียงคนเดียวที่ยืนโด่เด่อยู่ตรงนี้ ตรงหน้าบ้านหลังเล็กกระจิ๊ดริดเมื่อเทียบกับบ้านหลังมหึมาทางด้านหน้าแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา....

ข้าวหอมแม้ในมือไม่ได้ถือชะลอมแต่ก็พะรุงพะรังด้วยกระเป๋าลากใบใหญ่สองใบไม่นับที่สะพายไว้อีกหนึ่ง.....หลังจากพิธีส่งตัวเข้าหอเจ้าบ่าวก็ขอพาเจ้าสาวเดินทางกลับเชียงรายทันทีโดยไม่มีใครกล้าทัดทาน

สิบสองชั่วโมงจากกรุงเทพฯถึงเชียงรายผู้ชายที่มีชื่อในทะเบียนสมรสไม่ได้พูดกับหล่อนแม้แต่คำเดียว ไม่ว่าจะแวะปั๊ม เข้าห้องน้ำ กินข้าวหรือว่าดื่มกาแฟเขาก็ทำราวกับอยู่คนเดียวในโลกจะมีก็แต่สายตาเย็นชาคู่นั้นที่มองมาอย่างกดดันยามที่ข้าวหอมวิ่งตามเขาไม่ทัน.....โธ่เอ้ย...ก็ขาสั้นกว่ากันตั้งเยอะ แค่นี้ทำเป็นไม่พอใจ...หญิงสาวได้แต่คิดในใจใครจะกล้าเสี่ยงพูดออกไปมีหวังได้ถูกหักคอแล้วโยนทิ้งไว้ข้างทางแหง ๆ

พี่เพลิงส่งหล่อนที่หน้าบ้านหลังใหญ่ก่อนจะยัดกุญแจพวงเล็กใส่มือขาว ๆ แล้วชี้พร้อมกับบอกทาง ให้หล่อนเดินมาพักที่บ้านหลังนี้ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของบ้านหลังใหญ่ห่างออกไปพอสมควร จากนั้นเขาก็ถอยรถกระบะยกสูงออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ....ช่างน่าจดจำดีแท้สำหรับชีวิตวันแรกหลังแต่งงาน…....จู่ ๆ ก็คิดถึงเพื่อนสนิททั้งสองคนบุ้งกี๋กับอันนาที่เตือนหล่อนให้ตัดสินใจดี ๆ รู้งี้เชื่อพวกมันก็ดี....

“คุณหนูข้าวหอมใช่ไหมคะ”

ข้าวหอมหันหน้ามามองตามเสียงเรียกด้านหลังรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็มีผู้คนอยู่ในบริเวณนี้ด้วย....หล่อนรู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงสูงวัยคนนี้มาก ๆ แต่ก็นึกไม่ออก

“อิฉันเป็นแม่บ้านของที่นี่ชื่อจันทร์ค่ะ” หญิงสูงวัยแนะนำตัวเองอย่างเป็นมิตร หล่อนพอจะจำเค้าหน้าเด็กหญิงดวงตากลมโตสีดำสนิทดั่งสีนิล กับริมฝีปากรูปกระจับรับกับจมูกโด่งพองามเชิดรั้นน้อย ๆ

“ป้าจันทร์ที่ทำขนมเก่ง ๆ ใช่ไหมคะ” ข้าวหอมคลี่ยิ้มออกมาเมื่อจำขนมอร่อย ๆ ของป้าจันทร์ได้เมื่อครั้งที่หล่อนอยู่ที่นี่ตอนนั้นน่าจะอายุประมาณ 5 ขวบมักจะวนเวียนอยู่ในครัวกับป้าจันทร์นี่แหละ หรือไม่ก็ตามพี่เพลิงไปเที่ยวเล่นบ่อย ๆ ......พูดถึงพี่เพลิงเมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ หล่อนติดเขาแจ เขาเป็นเสมือนพี่ชายที่แสนดีของน้องน้อยอย่างข้าวหอมและวันนี้เขายังกลายมาเป็นเจ้าบ่าวของหล่อน แต่ไฉนจึงทำเหมือนคนแปลกหน้าราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ

“มาค่ะคุณหนูข้าวหอม ป้าช่วยจัดของนะคะ” นางจันทร์กุลีกุจอช่วยแบ่งกระเป๋าจากหญิงสาวเอามาช่วยถือ

“อย่าเรียกคุณหนูเลยค่ะป้าจันทร์....... เรียกข้าวเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวไม่ชิน อย่างหล่อนนี่ห่างไกลจากคำว่าคุณหนูมากนัก ด้วยความที่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวธรรมดาแม้ไม่ขัดสนแต่แม่กับพ่อเลี้ยงใช่ว่าจะจ้างคนรับใช้มารองมือรองเท้าลูกสาวคนเดียวได้เสียที่ไหน

“ค่ะคุณข้าวหอม” ผู้สูงวัยยิ้มรับแววตาหม่นแสง

หญิงสาวเห็นแล้วแต่ไม่กล้าถาม อาจจะเป็นเพราะวัยที่ล่วงเลยเข้าวัยชราจะให้แววตาของแกใสกิ๊งก็คงเป็นไปไม่ได้ ข้าวหอมไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปภายในบ้าน..... สิ่งแรกที่...โอวแม่เจ้า....เตียงนอนขนาดคิงไซส์กระแทกตาเข้าอย่างจัง มันตั้งเด่นอยู่กลางห้องราวกับบ้านหลังนี้มีไว้สำหรับนอนเป็นหลักอย่างนั้นแหละแต่โดยรวมก็สะดวกสบายมีห้องน้ำในตัว และเมื่อเปิดประตูอีกด้านก็เจอกับระเบียงเล็ก ๆ มีเครื่องครัวง่าย ๆ ใหม่เอี่ยม หญิงสาวเดินสำรวจดูเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบกับความว่างเปล่า

“เสื้อผ้าของพี่เพลิงล่ะคะ ป้าจันทร์” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงใสอย่างเป็นกันเอง

“เอ่อ....ของคุณเพลิงอยู่บนห้องของเธอที่บ้านใหญ่ค่ะ” ป้าจันทร์ตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงนักและไม่ยอมสบตากับนายสาวคนใหม่

ข้าวหอมขมวดคิ้วดูเหมือนผู้สูงวัยมีบางอย่างปิดบัง แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกไปบางทีพี่เพลิงอาจจะอยากแยกกันอยู่เพื่อให้เวลาในการปรับตัวเข้าหากันก่อนก็ได้ล่ะมั้ง....น่ารักจัง.....หญิงสาวเผลอยิ้มกับความใจดีของสามีซึ่งก็ดีไปอย่าง เพราะถ้าหากต้องอยู่ร่วมห้องก็คงจะเกร็งแย่ แค่นั่งรถมาด้วยกันก็ยังรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องไม่รู้จะเย็นชาไปไหน ทำอย่างกับไม่เต็มใจแต่งงาน ทั้งที่เขาเป็นคนไปขอหล่อนจากลุงอุทัยพ่อของเขาเองแท้ ๆ ถ้าจะมีคนไม่พอใจ คนนั้นควรจะเป็นข้าวหอมมากกว่า เรียนจบปุ๊บก็ต้องแต่งงานปั๊บถึงจะไม่ได้โดนบังคับแต่ถ้าไม่แต่งก็ดูจะเป็นคนที่แล้งน้ำใจ ไม่รู้จักทดแทนบุญคุณเพราะทั้งแม่และพ่อเลี้ยงต่างแสดงออกอย่างชัดเจนว่าตื่นเต้นแค่ไหนที่เขาลงไปขอหล่อนจากผู้ใหญ่ดีใจที่ข้าวหอมจะได้เป็นนายหญิงแห่งไร่แสงจันทร์ ส่วนพี่เพลิงนั้นก็จะได้ศรีภรรยาที่น่ารักอย่างข้าวหอม...เอิ่ม...หล่อนได้ยินแม่กับพ่อเลี้ยงพูดอย่างนั้น......

“ป้าเอาของสดมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ให้แล้ว.... คุณข้าวหอมต้องการอะไรเพิ่มก็บอกได้นะคะ”

“ข้าวยังไม่รู้เลยค่ะว่าพี่เพลิงชอบกินอะไร ไม่ชอบอะไร ป้าจันทร์พอจะบอกได้ไหมคะ” หญิงสาวคิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่ภรรยาควรที่จะใส่ใจสามีตามที่แม่พร่ำสอนมา.....ถึงแม้ไม่ได้รักใคร่กันมาก่อนแต่เมื่อแต่งงานกันแล้วเดี๋ยวก็รักกันไปเองอย่างที่พวกผู้ใหญ่บอกล่ะมั้ง และหล่อนก็ไม่ได้เดือดร้อนในเรื่องนี้ด้วย

“เอาไว้ว่าง ๆ ป้าจะค่อย ๆ บอกนะคะ แต่ว่าคุณเพลิงกินที่บ้านใหญ่คุณข้าวหอมไม่ต้องห่วงเธอหรอกค่ะ” หญิงสูงวัยตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง