25
[เป็นไงบ้างแก ตั้งแต่แต่งงานเงียบหายไปเลยนะ ] อันนาส่งเสียงทักทายเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงสดใส ดีใจที่เพื่อนโทรหาเพราะก่อนหน้านั้นหล่อนไม่กล้ารบกวนเห็นว่าเพิ่งแต่งงานคงจะอยู่ในช่วงสวีทหวานแหวว....จึงได้แต่ส่งความห่วงใยเอาไว้ในไลน์ไปตามเรื่องแต่เจ้าสาวหมาด ๆ ก็ไม่เคยเปิดอ่าน มีแต่บุ้งกี๋ที่คุยกันอยู่ประจำอันนาจึงได้รู้ว่าเพื่อนทำตัวติดกับผู้ปกครองสุดหล่อหมอทัพพ์ไปเรียบร้อยแล้ว
[ก็เรื่อย ๆ รู้อย่างนี้ฉันเชื่อพวกแกดีกว่า] ข้าวหอมพูดกับอันนาตามตรง
[เฮ้ย ! อีตาพี่เพลิงนี่แย่มากเลยเหรอ แต่งงานไม่กี่วันแกก็บ่นเสียแล้ว ] ถึงแม้อันนาจะไม่เห็นด้วยแต่แรกแต่เมื่อเพื่อนเลือกแล้วหล่อนก็อยากให้ชีวิตคู่ของข้าวหอมไปกันได้ตลอดรอดฝั่ง...ลองว่าเพื่อนบ่นแบบนี้คงจะแย่จริง เพราะปกติข้าวหอมไม่ใช่คนขี้บ่น
[ไม่รู้สิ........รู้แต่ว่าถ้าให้ฉันคิดข้อดีของอีตานี่สักข้อฉันยังคิดไม่ออกเลย.... ]
[เฮ้อ ! ไหวไหมวะแก...เอาน่าไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว.....ความดีของพี่เขาอาจจะค่อย ๆ ปล่อยออกมาทีละน้อยอย่างไม่ทันรู้ตัวก็ได้...ฮ่า..ฮ่า]
[หรา !!........แต่ไม่ต้องห่วงหรอกอย่างมากฉันก็เฉดหัวอีตาพี่เพลิงทิ้งก็เท่านั้นแหละ] ข้าวหอมพูดทีเล่นทีจริง........สำหรับหล่อนนั้นไม่คิดว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องฝืนทนกับผู้ชายห่วย ๆ เพียงเพราะเขาได้ชื่อว่าเป็นสามี ถ้าลองปรับจูนแล้วเข้ากันไม่ได้ก็ไม่รู้จะทนกันต่อไปทำไม
[อืม...ค่อย ๆ ดูไปก่อนเถอะ สามีแกงานดีใช้ได้เลยบอกตามตรงเสียดายแทนว่ะ...ว่าแต่แซ่บป่ะ.......]
[ไอ้อัน....ไอ้ทะลึ่งขอให้แกเจอกับตัววันนี้พรุ่งนี้ยิ่งดี]
[ไอ้บ้า !....พูดจาไม่เป็นมงคลฉันไม่เหมือนพวกแกหรอกจ้ะ...ไม่มีผู้ก็อยู่ได้จ้า.....] อันนาเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ต่อต้านการมีสามี และหล่อนตั้งใจว่าชาตินี้จะอยู่เป็นโสดสวย ๆ ตลอดไปถึงแม้จะชอบมองผู้ชายหล่อ ๆ ก็เถอะแต่ขอเก็บเอาไว้ในจินตนาการก็พอ
[จ้าแม่คนเก่ง........ว่าแต่หางานได้หรือยัง] ข้าวหอมถามอย่างเป็นห่วงเพราะรู้ว่าครอบครัวของเพื่อนค่อนข้างมีปัญหาเรื่องการเงินเพราะบิดาหาเลี้ยงอยู่คนเดียว ส่วนแม่เลี้ยงที่ทำตัวโฮโซนั้นไม่ต้องพูดถึง ถนัดแต่ใช้เงิน
[ยังเลยแก......วันนี้เลยมารับจ๊อบเป็นพริตตี้ไปพลาง ๆ ก่อน]
[ห๊ะ !!...แกน่ะเหรอไปเป็นพริตตี้] ข้าวหอมประหลาดใจอย่างมาก ...ด้วยความเป็นอันนาที่หล่อนรู้จัก ช่างห่างไกลกับภาพของพริตตี้ในหัวของหล่อนมากมายนักไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้
[อึ้งล่ะสิแก......ฉันไม่ได้แต่งตัววับแวมเสียที่ไหนแต่เป็นชุดราตรีสีม่วงอย่างหรูเพราะชุดนี่แหละมีส่วนทำให้ฉันรับงานนี้]
[อ้าวเหรอ.....อยากเห็นมั่งอ่ะ]
[เออ ๆ เอาไว้จะส่งเข้าไปในไลน์กลุ่ม...ไปก่อนนะพี่เขาเรียกแต่งตัวแล้ว……]
[อืม....วันนี้ขอให้แกเจอพ่อเทพบุตรสุดหล่อที่จะมาปรับทัศนคติของแกนะอันนา ฉันเอาใจช่วย] ข้าวหอมแกล้งหยอก
[บ้า......]
หลังจากวางสายจากเพื่อนรัก ข้าวหอมรู้สึกว่าความเบิกบานได้กลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้งหล่อนกลับลงไปด้านล่างเห็นป้าจันทร์ถือตะกร้าเหมือนจะออกไปข้างนอกจึงเอ่ยถามอย่างสนใจ
“จะไปไหนเหรอคะป้า”
“จะเข้าไปในตัวเมืองหน่อยค่ะ พอดีของในครัวขาดหลายอย่างคุณข้าวจะไปด้วยกันไหมคะ” นางเอ่ยปากชวนนายสาวเพราะรู้ว่าหล่อนคงเหงา
“ไปค่ะเดี๋ยวข้าวไปเอากระเป๋าก่อนนะคะ” หญิงสาวบอกอย่างกระตือรือร้นยิ้มหน้าบานเหมือนเด็ก ๆ ที่ได้โอกาสหนีเที่ยว
เปี๊ยกทำหน้าที่ขับรถพาหญิงสองวัยมาที่ตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดนี้ เพราะป้า จันทร์บอกว่าที่นี่มีทุกสิ่งครบจบในที่เดียวแล้วก็เป็นอย่างที่ป้าจันทร์พูดไว้ไม่มีผิดแรก ๆ ชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวอาสาหิ้วตะกร้าอย่างแข็งขัน แต่เพราะความขยันซื้อของนายหญิงที่ช่างสรรหาขนมไปฝากไอ้เปียกกับบัวตองทำให้ขากลับออกจากตลาดทุกคนได้ถือของกันพะรุงพะรังกันถ้วนหน้า
“ที่นี่มีตลาดกลางคืนด้วยใช่ไหมคะป้า” ข้าวหอมเอ่ยถามขณะพากันเดินกลับมาที่รถ
“มีค่ะ แต่วันนี้เราไม่มีเวลาแล้วนะคะ” นางจันทร์พูดอย่างรู้ทัน เพราะนายสาวทำท่าจะชวนเที่ยวต่อ
“เสียดายจัง อีกแค่ชั่วโมงกว่า ๆ ตลาดก็คงจะเริ่มตั้งกันแล้วมั้งคะ” หญิงสาวบ่นขึ้นมาอย่างเสียดาย หลังจากเปี๊ยกขับรถออกมาจากกตัวเมืองมุ่งหน้ากลับไร่
“เอาไว้วันหลังให้นายพามาสิคะคุณข้าว.... มาเดินช่วงค่ำ ๆ หน่อยจะคึกคักน่าเดินกว่าช่วงเย็นที่เพิ่งจะเริ่มตั้งร้านกัน”
“หูยยยย....รอพี่เพลิงคงยากค่ะ...ขนาดบอกว่าจะกลับมากินข้าวกลางวันยังไม่มาเลย...อุ๊บ..” ข้าวหอมคุยเพลินเผลอพูดความในใจออกไปจนตะครุบกลับไม่ทัน
“นายคงติดธุระจริง ๆ นั่นแหละค่ะ ปกติก็ไม่ค่อยจะเข้าเมืองเท่าไหร่ นาน ๆ ไปทีก็คงมีงานให้สะสางกองพะเนินเลยล่ะ” นางจันทร์อธิบาย
“มีงานในเมืองด้วยหรือคะ” หล่อนเป็นภรรยาประเภทไหนกันนะ ช่างไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสามีเลยสักนิดยกเว้นความร้ายกาจของเขาที่หล่อนรู้ซึ้งเป็นอย่างดี
“นายมีโรงแรมในตัวเมือง..เอ่อของคุณแสงจันทร์คุณแม่น่ะค่ะ......เห็นว่ากำลังจะปรับปรุงใหม่เพราะสร้างมานานจะขายก็เกรงใจท่าน...ยุ่งยังไงก็ต้องรักษาเอาไว้แหละค่ะ” นางจันทร์พูดอย่างคนที่รู้ลึกรู้จริงเพราะเป็นคนเก่าคนแก่
“อ๋อค่ะ.....” ตอบรับเหมือนเข้าใจ....แต่ก็เหมือนจะน้อยใจหรืองอนนิด ๆ เจ้าตัวยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“ถ้ายุ่งขนาดนั้น....วันหลังเรามากันเองก็ได้ ชวนบัวตองกับเปียกมาด้วยดีกว่า….เปี๊ยกว่าไหม” หญิงสาวหาพวก
“แล้วแต่นายสั่งครับ” เปี๊ยกตอบอย่างระมัดระวัง ขืนพาเมียนายหนีเที่ยวได้ชะตาขาดปะไรไอ้เปี๊ยกเอ้ย....
“แหม....อะไรก็แล้วแต่นาย” หญิงสาวหน้ามุ่ย ไม่สบอารมณ์
เปี๊ยกยิ้มแหย ๆ ไม่แล้วแต่นายได้ยังไงมือเท้าหนักซะขนาดนั้น
ทั้งสามนั่งคุยกันมาตลอดทางจนกระทั่งใกล้จะถึงไร่อีกไม่ถึงสิบกิโลเมตร เครื่องยนต์ก็ดันกระตุกแล้วก็ตายสนิท
