บทที่ 4
รินนาราตัวแข็งทื่อ มือไม้เย็นเฉียบไปหมด ไม่คิดว่าการขึ้นเรือเร็วครั้งแรกจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ หากเป็นการเล่นน้ำทะเลอยู่ที่ริมชายหาด เธอคิดว่ามันคงน่าอภิรมย์ไม่น้อย แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางทะเลอันเวิ้งว้าง มองไปทิศทางใดก็มีเพียงผืนน้ำล้อมรอบ มันช่างให้ความรู้สึกที่น่าหวาดหวั่นเสียเหลือเกิน โชติเห็นอาการไม่เข้าท่าของหญิงสาว จึงพยายามขับเรือให้นุ่มนวล ไม่หวาดเสียวนัก ขณะที่พริ้มนั่งโอบไหล่บางและบีบมือเธอแน่น
กว่าจะไปถึงเกาะเภาก็ใช้เวลายาวนานราวๆ หนึ่งชั่วโมง ทันทีที่พริ้มกับคนงานที่รออยู่บนฝั่งช่วยกันพยุงรินนาราลงจากเรือ เธอก็อาเจียนเอาบะหมี่ที่กินเข้าไปออกมาจนหมด ดวงหน้างามซีดเซียวไม่สู้ดี ร่างทั้งร่างอ่อนปวกเปียกจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนบนขาของตัวเองได้
“ให้ผมช่วยเถอะพี่พริ้ม คุณคนนี้ไม่น่าจะเดินเองไหวหรอก” เจตน์อาสาเข้าช่วย ไม่ต้องรอให้พริ้มกับโชติอนุญาต ชายหนุ่มวัยสามสิบปีที่มีรูปร่างบึกบึนก็รวบร่างบางขึ้นสู่อ้อมแขนทันที เมื่อได้เห็นใบหน้างดงามราวกับนางฟ้าตกสวรรค์ หัวใจของเจตน์ก็เต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“แหม จ้องตาเป็นมันเชียวนะไอ้เจตน์ เก็บอาการแล้วพาคุณรินนาราไปพักที่เรือนรับรองก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปบอกนายเองว่าเธอมาถึงแล้ว เออ...พริ้มไปกับมันด้วยก็แล้วกันนะ คุณรินนาราเธอเป็นสาวเป็นแส้ ถ้าไอ้เจตน์พาไปคนเดียวมันจะดูไม่งามเอา” โชติเย้าหนุ่มรุ่นน้องที่อายุห่างกันเพียงสองปี แล้วหันมาบอกกับภรรยา ซึ่งเธอก็ยินดีทำตามคำสามีด้วยความเต็มใจ
เมื่อทั้งเจตน์และพริ้มพาคนที่เป็นลมหมดสภาพแยกไปยังเรือนรับรองแล้ว โชติก็ไปพบเจ้านายที่บ้านไม้สไตล์โมเดิร์นหลังใหญ่โอ่อ่าทันที ทุกคนมักเรียกสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โตนี้ว่า ‘เรือนใหญ่’ มันตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่เรียงกันเป็นทิวแถว และดอกไม้ป่านานาชนิด ภายในบ้านมีกลิ่นไออบอุ่นตามแบบที่เจ้าของต้องการ มีห้องต่างๆ แยกอย่างเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นห้องโถง ห้องรับแขก ห้องอาหาร ห้องหนังสือ หรือแม้กระทั่งห้องเครื่องดื่ม ที่มีตู้แช่ไวน์และบรั่นดีชั้นเลิศราคาแพงที่เรียงรายเป็นระเบียบอยู่ในตู้โชว์กระจก
เฟอร์นิเจอร์มีราคาสูงลิ่วจากการคัดสรรอย่างมีรสนิยม ตั้งแต่เมื่อครั้งที่บิดามารดาของอาชายังคงมีชีวิตอยู่ พวกท่านชื่นชอบการตกแต่งบ้าน จึงไม่แปลกหากจะเจอภาพวาดราคาแพง หรือแจกันใบใหญ่หายากปรากฏอยู่ในที่แห่งนี้ อาชาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรนัก เพราะยังต้องการให้บ้านคือบ้าน ที่ครั้งหนึ่งเคยมีความทรงจำดีๆ เกิดขึ้นมากมาย
เวลานี้เจ้าของเกาะเภายังคงนั่งอยู่ในห้องทำงานเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาก็ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า ดวงตาวาววับดูมีบางอย่างแอบแฝง เขาหมุนปากกาในมือไปมาอย่างชำนาญ แล้วกระตุกยิ้มที่มีเสน่ห์เหลือร้ายกับตัวเอง
“เข้ามา” เสียงห้าวทุ้มที่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามเอ่ยอนุญาต
“ผมพาแขกสำคัญของนายมาถึงแล้วครับ แต่ว่า...” โชติเดินเข้ามาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ กำลังจะรายงานถึงอาการเมาเรือของรินนารา แต่ร่างสูงใหญ่กำยำของเจ้านายที่จู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้น ทำให้เขาต้องเงียบไปเหมือนมีอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ตรงลำคอจนพูดไม่ออก
อาชา ภูรีราช ชายหนุ่มวัยสามสิบปีที่มีหนวดเคราปิดบังใบหน้าส่วนล่างเอาไว้ แม้มันจะถูกเล็มให้สั้นได้รูป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่าเกรงขามลดน้อยลงแต่อย่างใด แล้วไหนจะรูปร่างใหญ่โตกำยำภายใต้ความสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรนั่นอีก เวลาที่เขาเคลื่อนกายไปทางใด คนที่อยู่ใกล้ก็มักรู้สึกราวกับตัวเองกำลังหดเล็กลงได้ก็ไม่ปาน
“เธออยู่ไหน? ทำไมฉันถึงเห็นหน้าแกแค่คนเดียว” คิ้วหนาขมวดมุ่นด้วยความสงสัย
“คือ...คุณรินนาราเธอเมาเรืออย่างหนักเลยน่ะครับนาย พอมาถึงก็อาเจียนแล้วก็เป็นลมหมดสติไป ไอ้เจตน์เลยช่วยอุ้มไปพักที่เรือนรับรองก่อนครับ”
“ให้ผู้ชายวัยกระสันแบบนั้น...อุ้มผู้หญิงไปในห้องนอนที่มีเตียงเนี่ยนะ!” อาชาตวาดจนโชติสะดุ้งสุดตัว
“โธ่! อย่าเพิ่งดุสิครับนาย พริ้มก็ไปคอยดูแลอยู่ด้วยครับ ไม่ใช่ไอ้เจตน์พาไปคนเดียวเสียหน่อย”
