บทที่ 3
“ไม่คิดเลยนะคะว่าแขกของนายจะสวยขนาดนี้ ตอนแรกนึกว่าดาราเสียอีก ว่าแต่กระเป๋าสัมภาระของคุณล่ะคะ ไม่มีมาด้วยหรือ” พริ้มเอ่ยถาม สายตามองสำรวจไม่พบสิ่งใด นอกจากร่างอรชรงดงามกับกระเป๋าสะพายที่คาดไว้บนไหล่ข้างหนึ่ง และในมือเธอนั้นถือถ้วยบะหมี่กับน้ำดื่มที่อยู่ในถุงพลาสติกอีกหนึ่งขวด
“ไม่มีหรอกค่ะ ฉันไม่ได้คิดจะมาค้างคืนที่นี่ ไม่อยากทิ้งคุณแม่ไว้ที่บ้านคนเดียวน่ะค่ะ” รินนาราบอกยิ้มๆ ทุกครั้งที่เอ่ยถึงดวงยิหวากับคนอื่น เธอมักใช้คำนี้เสมอ
“ถ้าไม่ค้างคืน เราก็ต้องรีบกันแล้วครับ เพราะกว่าจะไปถึงท่าเรือก็ใช้เวลาขับรถนานประมาณชั่วโมงครึ่งเลย ขึ้นเรือข้ามไปที่เกาะอีกก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมงเลยทีเดียวครับ”
โชติอธิบาย นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมสาวสวยตรงหน้า ถึงได้คิดจะเดินทางข้ามเกาะโดยใช้เวลาแค่วันเดียว กว่าจะเดินทางไปถึง กว่าจะจัดการธุระเสร็จ คาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่น้อย
ถึงตอนนั้นการนำเรือข้ามมาส่งก็คงจะไม่สะดวกนัก ปกติแล้วถ้าไม่ใช่กรณีฉุกเฉินจริงๆ นายของเขาจะไม่ให้ใครออกจากเกาะยามค่ำคืนเด็ดขาด เพราะเกลียวคลื่นอันดำมืดต่างก็รอคอยที่จะกระชากวิญญาณผู้บริสุทธิ์อยู่เสมอ
รินนาราไม่ได้เอ่ยอะไร นอกจากพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินตามคนของเกาะเภาไปยังรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ เธอจัดการกับบะหมี่ถ้วยที่เริ่มเย็นชืดของตัวเองเพื่อประทังความหิว และดื่มน้ำที่ซื้อมาด้วยกันจนพร่องไปครึ่งขวด โชติทำหน้าที่สารถีอย่างตั้งใจ ในขณะที่พริ้มจ้องมองหนทางเบื้องหน้าโดยไม่ปริปากพูดเลยสักคำ
“เอ่อ ได้ยินว่าเกาะเภาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ที่นั่นมีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษบ้างหรือคะ” ความเงียบระหว่างการเดินทาง ทำให้หญิงสาวอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก จึงเป็นฝ่ายชวนคุยเสียเอง
“อ๋อ ที่เกาะเภาจะแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ ครับ ส่วนหนึ่งเป็นเขตส่วนตัว อีกส่วนก็เป็นเขตท่องเที่ยว เป็นรีสอร์ตกับแอดเวนเจอร์พาร์คน่ะครับ รีสอร์ตบนเกาะมีมาตั้งแต่ตอนที่พ่อแม่ของนายยังมีชีวิตอยู่แล้ว ส่วนกิจกรรมแบบแอดเวนเจอร์พาร์ค นายเป็นคนคิดริเริ่มเมื่อสามปีก่อนนี่เอง เพราะเห็นว่านอกจากจะมีรีสอร์ตไว้พักผ่อนแล้ว ควรมีกิจกรรมสนุกๆ ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวด้วยครับ” โชติอธิบายอย่างคล่องแคล่ว เขาเป็นคนสนิทของเจ้านาย เป็นคนที่เจ้านายไว้วางใจมากที่สุด ดังนั้นจึงต้องรู้ข้อมูลทุกอย่างที่บางครั้งก็จำเป็นต้องอธิบายให้นักท่องเที่ยวฟัง
“เสียดายนะคะที่คุณมาแค่วันเดียว ถ้าอยู่ต่อสักสองสามคืนคงได้เที่ยวจนหนำใจ บนเกาะอากาศดีมากๆ เลยนะคะ ที่รีสอร์ตก็มีห้องพักให้เลือกเยอะมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นอกจากกิจกรรรมแอดเวนเจอร์พาร์คแล้ว ยังมีบริการนวดแผนไทย สปา อาบน้ำแร่แช่น้ำนมกันให้เพลินไปเลย แต่อย่างคุณเนี่ย ไม่ต้องขัดสีฉวีวรรณอะไรเพิ่มแล้วละค่ะ เพราะสวยละมุนไปทั้งตัวแล้ว” พริ้มเอ่ยอย่างชื่นชม นึกเสียดายแทนหญิงสาวอยู่เหมือนกัน อุตส่าห์เดินทางมาถึงที่แล้ว พอเสร็จธุระก็ต้องรีบกลับทันที ไม่ทันได้พักผ่อนหย่อนใจให้คุ้มค่า
รินนารานึกเสียดายเช่นกัน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกสำหรับการเดินทางมาไกลบ้าน แต่มันกลับไม่ได้ตื่นเต้นสนุกสนานอย่างที่ควรจะเป็น เพราะเป็นการมาเพื่อเจรจาขอผ่อนผันหนี้ ไม่ใช่มาเที่ยวพักผ่อน ตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี เธอก็ไม่ได้เรียนต่อ เพราะตอนนั้นครอบครัวประสบความล้มเหลวทางธุรกิจ ตั้งใจว่าทุกอย่างดีขึ้นจะกลับไปเรียนต่อปริญญาโท แต่บิดาก็มาเสียชีวิตลง ทำให้สิ่งที่คาดไว้ผิดแผนไปหมด
ชีวิตของรินนารา แตกต่างจากวัยรุ่นทั่วไปโดยสิ้นเชิง ไม่มีการออกไปเที่ยวดูหนังฟังเพลงกับเพื่อน ไม่มีการออกไปสู่งานสังคมใดๆ ไม่เคยได้พบปะพูดคุยกับใครอย่างเป็นจริงเป็นจัง และหลายปีมากแล้วที่แทบจะไม่ได้ย่างกรายเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเลย
“เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันค่ะ ครั้งนี้ต้องรีบกลับบ้านไปหาคุณแม่จริงๆ สุขภาพท่านไม่ค่อยดีเท่าไร ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาเดี๋ยวจะไม่มีคนดูแล” หญิงสาวพูดออกไปทั้งที่รู้ดีว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายที่จะได้เดินทางไปยังเกาะเภา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เกาะเภายินดีต้อนรับทุกเวลาอยู่แล้ว โดยเฉพาะแขกสาวสวยของนาย” พริ้มหันมายิ้มให้คนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง แล้วพูดคุยกันต่อไปถึงเรื่องดินฟ้าอากาศ จนกระทั่งโชตินำรถเข้าไปจอดที่ท่าเรือ ทุกคนจึงลงจากรถแล้วมุ่งหน้าไปยังเรือสปีดโบทที่เขียนว่า ‘เกาะเภา’
