บทย่อ
เคยแอบรักแอบชื่นชมมาตั้งแต่เยาว์วัย แต่สุดท้ายโชคชะตากลับบันดาลให้เขากลายมาเป็นสามี! แล้วหัวใจใสซื่อดวงนี้จะรับมืออย่างไร ในเมื่อเขามุ่งมั่นเหลือเกินที่จะพรากความไร้เดียงสาไปจากเธอ... เพื่อทดแทนบุญคุณของผู้ที่อุปการะเลี้ยงดู รินนาราจึงตัดสินใจยอมแต่งงานกับอดีตพี่ชายข้างบ้าน ยอมเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย ยอมทิ้งชีวิตในเมืองหลวงกลายมาเป็นสาวชาวเกาะ หวังจะเริ่มต้นชีวิตเรียบง่ายกับอาชา ผู้ชายแสนดีที่เธอแอบหลงใหลในอดีต ผู้ชายที่มีรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน ที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะได้เขามาเป็นสามี! "ดึกมากแล้ว ลูกหนูไปอาบน้ำเถอะ" เป็นอีกครั้งที่เขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นอย่างสนิทสนม สนิทสนมอย่างนั้นหรือ? ไม่เลย เธอไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด…เขาไม่ใช่ผู้ชายที่เคยรู้จักคุ้นเคยอีกต่อไปแล้ว อาชาคนเดิมผิวขาวสะอาด ขาวมากจนครั้งหนึ่งเธอยังเคยนึกอิจฉาเลยด้วยซ้ำ รูปร่างก็สูงโปร่งได้สัดส่วนกำลังดี แต่คนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอในเวลานี้ รูปร่างกำยำใหญ่โตเต็มไปด้วยมัดกล้าม จนเธอกลัวว่าแค่จับมือเบาๆ เขาก็อาจจะทำให้เธอกระดูกหักได้แล้ว แล้วไหนจะหนวดเครารกๆ นั่นอีกเล่า "ค่ะ" เธอนิ่งอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยปากรับคำ "อาบเสร็จก็มานอนให้พี่กอด ให้พี่ชื่นใจให้หายอยาก" “ค่ะ..." หญิงสาวเผลอหลุดปากรับคำด้วยความเคยชิน "คะ! เมื่อกี้คุณอาชาว่าอะไรนะคะ" "ก็ตามที่พูดนั่นแหละ ผัวจะกอดเมีย จะชื่นใจเมีย จะทำหน้าที่ของผัวให้สมบูรณ์ ลูกหนูไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่" "เอ่อ คือฉัน..." "แทนตัวว่าฉันกับผัว แล้วก็เรียกผัวว่าคุณ มันห่างเหินเกินไป ต่อไปอย่าให้พี่ได้ยินอีกนะ” อาชาตัดบท ปลดกระดุมออกจากรังดุมทีละเม็ดแล้วเอ่ยย้ำอีกครั้ง “ไปอาบน้ำได้แล้ว หรือจะไม่ต้องอาบดี เพราะยืนอยู่ห่างกันขนาดนี้ พี่ยังได้กลิ่นหอมจากตัวลูกหนูชัดเจนเลยทีเดียว" เมื่อคนพูดเดินเข้ามาใกล้ ทำท่าจะยื่นหน้ามาสูดกลิ่นหอมน่าหลงใหลจากซอกคอขาวผ่อง รินนาราก็ถอยกรูดโดยอัตโนมัติ “พี่เอื้อ...” เสียงเล็กได้แต่พึมพำเรียกชื่อเขา “ไว้เรียกแบบนี้ตอนที่เรากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มนะ นุ่มนวล...เร้าใจดี” ว่าแล้วชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าลงจุมพิตมัดจำที่ข้างแก้มนุ่ม หนวดเคราที่ไม่เคยใส่ใจจะโกนทำให้เขานึกสงสารเนื้อนวล คงไม่ดีแน่ถ้าปล่อยให้มันทิ่มแทงกวนใจผิวสวยๆ ของเมียเข้า เห็นทีคงต้องโกนหนวดออกให้เกลี้ยงในคืนนี้เสียแล้ว…
บทที่ 1
นาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาจวนจะเที่ยงคืนอยู่รอมร่อ เวลานี้ดึกสงัดเกินกว่าจะออกมายืนรับลมอยู่ตรงระเบียงของห้องนอน แต่ในช่วงที่หนักหนาต่อความรู้สึกแบบนี้ มันยากนักที่จะข่มตาให้หลับลงได้ ร่างบอบบางในชุดนอนสีชมพูอ่อนหลับตาพริ้ม ปล่อยให้สายลมผะแผ่วโลมเลียใบหน้าและพัดพาเรือนผมนุ่มสลวยให้ปลิวสยายเต็มแผ่นหลัง
ปกติหญิงสาวมักหลับสนิทไปตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของทุกวัน เพราะต้องตื่นเช้ามืดมาทำขนมหวานส่งให้ตามร้านรวงต่างๆ เป็นการหารายได้มาแบ่งเบาภาระครอบครัวด้วยอีกทาง เนื่องจากพักหลังมานี้สถานการณ์ภายในบ้านเริ่มย่ำแย่ เธอจึงนำฝีมือในการทำขนมโบราณที่คุณย่าเคยสอนไว้ก่อนสิ้นลมมาใช้ทำมาหากิน ช่วงชีวิตส่วนใหญ่รินนารานั้นมักขลุกอยู่กับคุณย่าเสมอ ท่านเป็นคนอบรมสั่งสอนเธอให้เป็นกุลสตรี แต่ก็ไม่ได้ยัดเยียดมากเสียจนทำให้เธอกลายเป็นแม่สาวหัวโบราณ
รินนารา วรชาติ เจ้าของใบหน้าสวยหวานหยดย้อยวัยยี่สิบห้าปี อาศัยอยู่ที่บ้านหลังใหญ่แห่งนี้มาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ หลังจากที่มารดาของเธอเสียชีวิตไป เมื่อตอนที่ให้กำเนิดเธอได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง สิบปีให้หลังบิดาก็แต่งงานอีกครั้งกับดวงยิหวา น่าเศร้านักที่เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ไม่นาน บิดาก็ต้องมาจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เหลือเพียงรินนารากับดวงยิหวาเท่านั้นที่ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไป พร้อมด้วยหนี้สินมากมายที่ผู้เป็นแม่เลี้ยงได้ก่อเอาไว้จนพอกพูน สิ่งนี้เองที่ทำให้เธอต้องเดินทางไปยังเกาะแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ตในเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อขอเจรจาเรื่องการผ่อนผันหนี้สินกับเจ้าหนี้รายใหญ่
เจ้าหนี้ที่ครั้งหนึ่งเคยวิ่งเล่นด้วยกันอย่างสนิทสนม…
รินนารายิ้มอ่อนโยนเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน เธอได้รู้จักกับหนุ่มรุ่นพี่ที่อายุห่างกันห้าปี เขาเป็นคนน่ารักอ่อนโยน มีรอยยิ้มอบอุ่นให้กับเธอทุกครั้งที่พบหน้ากัน นอกจากจะอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงมีเพียงรั้วกั้นแล้ว ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกันด้วย ฉะนั้นรินนาราจึงได้ใกล้ชิดกับเขามากเป็นพิเศษ เนื่องจากบิดาของเธอขอให้ชายหนุ่มช่วยพาเธอกลับบ้านพร้อมกันในทุกวัน ดูเหมือนเขาจะไม่อิดออดหรือรำคาญใจใดๆ เพราะยังอาสาพาเธอไปโรงเรียนพร้อมกันทุกเช้าอีกด้วย จนกระทั่งเขาเรียนจบมัธยมปลายและสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังในเชียงใหม่ ครอบครัวของเขาจึงพากันย้ายไปจากที่นี่
เด็กหญิงรินนาราแอบร้องไห้อยู่นานกับการจากไปของพี่ชายข้างบ้าน แต่เวลาที่เคลื่อนคล้อยผ่านไปทำให้เขากลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำอันงดงาม นอกจากนั้นยังเปรียบเสมือนรักครั้งแรกที่ฝังอยู่ในใจของหญิงสาวอีกด้วย คิดมาถึงตรงนี้หัวใจดวงน้อยก็เต้นรัวอย่างประหลาด พรุ่งนี้แล้วสินะที่จะได้พบกันอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเขาจะเติบโตมากขึ้นแค่ไหน แล้วจะยังคงเป็นผู้ชายที่อบอุ่นอ่อนโยนแบบเดิมอยู่หรือเปล่า
“เฮ้อ ลูกหนูหวังว่าพี่เอื้อคงจะไม่ใจร้ายกับคุณดวงนะคะ” รินนาราภาวนา ขอให้การเดินทางไปเจรจาเรื่องผ่อนชำระหนี้ เป็นไปตามที่ดวงยิหวาคาดไว้ ไม่อย่างนั้นทางออกสุดท้ายก็คือต้องขายบ้านหลังนี้ กระนั้นก็ใช่ว่ามันจะเพียงพอต่อหนี้สินที่มี บ้านหลังนี้มีมูลค่าแค่ห้าล้านบาทเท่านั้น แต่หนี้ก้อนใหญ่ที่ดวงยิหวาใช้ความเป็นคนเคยรู้จัก หยิบยืมมาจากครอบครัวชายหนุ่ม สูงถึงสิบล้านบาทเลยทีเดียว
ยิ่งคิดก็ยิ่งเพิ่มความวิตก สุดท้ายรินนาราจึงตัดสินใจพาตัวเองกลับไปนอนบนเตียงกว้าง ลืมตามองความมืดอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ถือเป็นความโชคดีที่เมื่อคืนลืมปิดผ้าม่าน ไม่อย่างนั้นเธอต้องเดินทางไปถึงสนามบินไม่ทันขึ้นเครื่องแน่
ร่างบางในชุดกระโปรงสีโอลด์โรสที่ยาวระดับเข่ารีบหิ้วกระเป๋าสะพายเดินลงมาข้างล่าง ไม่ลืมเช็กดูอีกครั้งว่าไม่ได้ลืมเอกสารสำคัญอย่างบัตรประจำตัวประชาชน เมื่อมั่นใจว่าพร้อมแล้วก็ตั้งท่าจะก้าวเท้าออกจากบ้านไป ดวงยิหวาที่กำลังเดินออกมาจากห้องรับแขกเห็นเข้าพอดี จึงรีบร้องเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนลูกหนู”
“คะคุณดวง” รินนาราหันมาสบตา สีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติ
“เดินทางดีๆ ล่ะ นี่เงิน เอาไปไว้ใช้จ่ายส่วนตัวนะ” แม้เวลานี้เงินทองจะร่อยหรอ แต่ผู้เป็นแม่เลี้ยงก็ไม่คิดจะไร้น้ำใจ แบ่งปันเงินที่ยังพอมีเหลือเก็บให้หญิงสาวไปสามพันบาท “แล้วอย่าอดข้าวเด็ดขาดเลยนะ รู้ไหมว่าผอมจนตัวจะปลิวอยู่แล้ว”
“คุณดวงเก็บไว้เถอะค่ะ ลูกหนูยังพอมีอยู่ ค่าตั๋วเครื่องบินก็จ่ายเรียบร้อยหมดแล้ว”

