บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

“อย่ามาโกหกเลย ขายขนมได้ก็เอาเงินมาให้ฉันจนหมด แล้วจะมีเงินที่ไหนติดตัว” คราวนี้ดวงยิหวารีบยัดเงินใส่ลงในมือเล็กนุ่มนิ่มนั้นทันที

“แต่ว่า...” รินนาราขยับจะค้าน

“เงียบเลยลูกหนู แกไปครั้งนี้ก็เพื่อช่วยพูดธุระแทนฉันนะ ไม่ได้ไปเที่ยวไร้สาระที่ไหนเสียหน่อย” แม่เลี้ยงที่ไม่ได้ใจร้ายอย่างในละคร แทรกขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้พูดจบ

“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวยกมือขึ้นกระพุ่มไหว้และยิ้มบาง

“ดูแลตัวเองดีๆ นะ ยิ่งไม่เคยออกจากบ้านไปไหนไกลอยู่ด้วย ถ้าไปถึงที่นั่นแล้วจะมีคนรอรับอยู่ เดี๋ยวคนพวกนั้นจะพาขึ้นเรือไปที่เกาะเภาเอง ถ้าถึงแล้วก็โทรมาบอกด้วยนะ อย่าทำตัวให้เป็นห่วงล่ะ”

แม้จะเป็นคนที่ค่อนข้างแข็งกระด้าง แสดงความอ่อนโยนไม่ค่อยเก่ง แต่ดวงยิหวาก็ดีกับรินนาราเสมอมา เพราะอยู่ร่วมครอบครัวเดียวกันมานาน ที่สำคัญลูกเลี้ยงสาวคนนี้ก็ดีแสนดี รู้จักช่วยทำมาหากินไม่เคยเกียจคร้าน ยามเจ็บป่วยก็ดูแลอย่างดีราวกับดวงยิหวาเป็นเสมือนแม่แท้ๆ

“ค่ะ ถึงแล้วลูกหนูจะโทรหานะคะ คุณดวงอย่าลืมทานยาให้ตรงเวลา เข้านอนแต่หัวค่ำด้วยนะคะ ตอนนี้บ้านเราไม่มีคนรับใช้เหลือแล้ว ไม่ต้องรอลูกหนูหรอกค่ะ กว่าจะมาถึงคงดึก ปิดบ้านนอนก่อนได้เลย ลูกหนูเป็นห่วง” หญิงสาวอดห่วงไม่ได้ที่ต้องทิ้งให้อีกฝ่ายอยู่บ้านคนเดียว แม้ว่าเธอจะไปแค่เพียงวันเดียวก็ตาม

“อย่าห่วงนักเลย ถึงจะอายุหกสิบแล้ว แต่ฉันยังแข็งแรงมากนะ ยังต้องอยู่หาเงินใช้หนี้ไปอีกนาน” นางเอ่ยยิ้มๆ “ฉันไม่น่าไปยืมเงินใครมาลงทุนเลย เพราะสุดท้ายก็ล่มจมไม่เป็นท่า ถ้าเชื่อแกบ้างก็คงไม่ต้องมาทำให้แกลำบากแบบนี้” พูดแล้วหญิงสูงวัยก็มีสีหน้าสลดลง รินนาราเห็นแบบนั้นก็รีบดึงมือที่ยับย่นขึ้นตามวัยมากุมไว้ทันที

“อย่าคิดมากนะคะ เดี๋ยวความดันสูงจนเป็นอันตรายอีก คุณดวงไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ หนี้สินที่มีเราก็ใช้ไปจนหมดแล้ว เหลือก็แค่หนี้ของพี่เอื้อ”

“แกพูดเหมือนว่าฉันเป็นหนี้ตาเอื้อแค่บาทสองบาทเลยนะ”

“จะเท่าไรก็ต้องหาใช้คืนเขาค่ะ ลูกหนูจะทำขนมเพิ่ม หาที่ลงขายเพิ่ม รายได้ก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วยแน่นอน เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งกังวลเลยนะคะ เราค่อยๆ แก้ปัญหากันไป ยังไงลูกหนูก็ไม่ทิ้งคุณดวงหรอกค่ะ” ถ้อยคำอันน่าซาบซึ้งใจทำเอาดวงยิหวาถึงกับน้ำตาคลอ จึงรีบออกปากไล่รินนารา ก่อนที่มันจะไหลรินออกมาให้เห็นถึงความอ่อนแอ

“ไม่ต้องมัวพูดมากแล้ว ไปเถอะ เดี๋ยวชักช้าจะไม่ทันเอา”

“ถ้างั้นลูกหนูไปก่อนนะคะ แล้วจะรีบกลับค่ะ” มือเล็กยกขึ้นไหว้ลาอย่างมีมารยาท ส่งยิ้มให้กำลังใจคนตรงหน้า แล้วเดินออกจากบ้านไป เพื่อยืนรอรถแท็กซี่ที่เพิ่งโทรศัพท์เรียก รออยู่ราวห้านาทีก็ได้ขึ้นรถมุ่งหน้าไปยังสนามบิน หญิงสาวถอนหายใจ ไม่รู้ว่างานนี้จะยากง่ายแค่ไหน แต่ก็ภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีก็แล้วกัน

เมื่อถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตแล้ว สิ่งแรกที่รินนาราทำคือการรับประทานอาหารมื้อแรก ซึ่งนั่นคือบะหมี่ถ้วยที่ราคาไม่ถูกนัก เมื่อมีจำหน่ายในแหล่งสำคัญเช่นนี้ แต่สำหรับคนที่ไม่เรื่องมากกับการเลือกอาหารอย่างเธอ เพียงเท่านี้ก็ถือว่าช่วยปะทังความหิวได้เช่นกัน

หญิงสาวถือถ้วยบะหมี่พลางมองหาที่นั่ง แต่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายกรีดร้องขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ นั่นคุณรินนาราใช่ไหมครับ”

“ใช่ค่ะ รินนาราพูดสายอยู่”

“ผมเป็นคนของเกาะเภาครับ นายสั่งให้มารอรับคุณรินนารา ตอนนี้ผมมาถึงแล้วนะครับ”

“ค่ะ แล้วคุณอยู่ตรงไหนคะ ฉันจะได้เดินไปหา” หญิงสาวถามเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอีก ปลายสายบอกตำแหน่งที่อยู่ในบริเวณสนามบินให้ และจากนั้นครู่เดียวเธอก็ได้พบกับชายวัยประมาณสามสิบต้นๆ ยืนรออยู่กับหญิงวัยเดียวกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน

“สวัสดีค่ะ” รินนาราตรงเข้าไปทักทาย ยกมือกระพุ่มไหว้ผู้ที่ดูสูงวัยกว่าไม่มากนักอย่างมีมารยาท สองสามีภรรยาที่ถูกส่งมารอรับกุลีกุจอรับไหว้ด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าหญิงสาวทำความเคารพ เพราะทั้งคู่เป็นแค่คนงานบนเกาะเท่านั้น

“โถ ไม่ต้องไหว้หรอกครับ เราสองคนเป็นแค่คนงานบนเกาะเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มโบกมือประกอบคำพูด ยิ้มเป็นมิตร ก่อนจะแนะนำตัวด้วยท่าทีเจียมเนื้อเจียมตัว ทำเอารินนาราแทบทำตัวไม่ถูก “ผมชื่อโชตินะครับ ส่วนนี่พริ้ม...เมียผมเองครับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel