บทที่ 18
น่าเสียดายที่การบาดเจ็บจากเมื่อคืนคืออุปสรรคชิ้นใหญ่ คงต้องรอให้เธอหายดีเสียก่อน ถึงจะสามารถทำกิจกรรมเข้าจังหวะบนเตียงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ห้องนอนของนายเรียบร้อยแล้วนะคะ พริ้มกับป้ามะลิจัดให้เป็นห้องหอเลยค่ะ มีดอกกุหลาบสวยๆ โรยอยู่บนเตียงนอน แล้วก็จัดใส่แจกันไว้เต็มห้องไปหมด คุณรินนาราต้องชอบแน่ๆ” พริ้มรายงานด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ ดีใจที่ได้เห็นนายหนุ่มแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที
“เรียกลูกหนูว่าลูกหนูก็ได้ค่ะ อย่าเรียกว่าคุณรินนาราอีกเลย มันดูเป็นทางการเกินไปค่ะ”
หญิงสาวต้องการความเป็นกันเอง เพราะถึงอย่างไรก็ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่อยู่แล้ว การปรับตัวและทำตัวให้เรียบง่ายถือเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด พริ้มพยักหน้ารับยิ้มๆ สาวใช้ทุกคนมองนายสาวด้วยความชื่นชม จะมีก็เพียงคะนิ้งคนเดียวเท่านั้นที่แสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
อาหารเที่ยงที่เพิ่งได้รับประทานกันในช่วงบ่ายแก่ๆ เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ ป้ามะลิ โชติ พริ้ม รวมทั้งเจตน์ ถูกเชิญให้รับประทานอาหารร่วมกันเป็นครั้งแรก เพื่อถือเป็นการให้ความต้อนรับนายสาวคนใหม่
รินนาราเข้ากับทุกคนได้ดี โดยเฉพาะการได้คุยเรื่องการทำขนมโบราณกับป้ามะลิ ทั้งสองนัดกันด้วยว่าจะทำขนมหวานสองสามอย่างไปให้คนงานได้ชิมกัน แต่คงต้องรอวันที่ร่างกายของหญิงสาวแข็งแรงขึ้นกว่านี้เสียก่อน
อาชาจำเป็นต้องออกไปดูงานสำคัญกับโชติ เมื่อการรับประทานอาหารมื้อพิเศษสิ้นสุดลง รินนาราเห็นว่าคงหมดหน้าที่ลงแล้ว จึงขึ้นไปเอนตัวเตรียมพักผ่อนในห้องนอนของตัวเอง มีพริ้มอาสาคอยอยู่เป็นเพื่อนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
กว่าหนุ่มหล่อผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีจะกลับมาที่เรือนใหญ่อีกครั้ง นาฬิกาแขวนผนังก็บอกเวลาสองทุ่มแล้ว ชายหนุ่มปฏิเสธที่จะรับอาหารเย็น เพราะจัดการตัวเองด้วยนมสดแก้วใหญ่ไปเรียบร้อย
รินนาราลองขยับตัวไปมา รู้สึกว่าอาการเจ็บปวดตรงที่ถูกทำร้ายลดน้อยลงไปมากแล้ว จึงอยากเริ่มต้นทำหน้าที่ภรรยาที่ดีดูบ้าง ให้สมกับที่ชายหนุ่มยอมยกหนี้ทั้งหมดให้ ทั้งที่ตัวเธอเองก็แค่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีค่ามีราคาสูงลิ่วอย่างที่เขายอมยกหนี้ให้ คิดแล้วก็รู้สึกจุกแน่นในอก มันคงดีกว่านี้มาก ถ้าการแต่งงานระหว่างเธอและเขาเริ่มต้นขึ้นด้วยความรู้สึกดีๆ ไม่ใช่เพราะเรื่องของเงินทอง
หญิงสาวถอนหายใจ ยิ้มกับตัวเองแล้วตั้งใจว่าหลังจากนี้จะเลิกคิดมากเสียที ไหนๆ เธอก็กลายเป็นภรรยาของเขาแล้ว สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญนั่นควรเป็นเรื่องของสามี และการทำหน้าที่เป็นแม่ศรีเรือนเสียมากกว่า สรุปได้ตามนั้นเจ้าของร่างบอบบางจึงเดินออกจากห้องของตัวเอง เพื่อไปยังห้องที่ถูกจัดการให้มันกลายเป็นห้องหอ ตั้งใจจะไปเปิดน้ำอุ่นรอไว้ในอ่างจากุซซี เพราะอยากให้เขารู้สึกผ่อนคลาย หลังจากต้องออกไปทำธุระข้างนอกอยู่นานหลายชั่วโมง
เมื่อเปิดประตูเข้าไปข้างใน สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศ กลิ่นหอมฟุ้งของดอกไม้และเทียนหอม มันถูกจุดเอาไว้ตามมุมต่างๆ ในห้อง
แสงสีส้มนวลทำให้ผิวขาวจัดของหญิงสาวกลายเป็นสีน้ำผึ้ง ดวงตาคล้ายกับกำลังเปล่งประกายวาววับงดงาม บนเตียงมีดอกกุหลาบโรยไว้เป็นรูปหัวใจสองดวงซ้อนกัน นั่นทำให้หัวใจเธอหวิวไหวอย่างประหลาด และยิ่งสะท้านไปทั้งตัว เมื่อมองไปยังมุมหนึ่งแล้วพบว่าเจ้าของห้องขึ้นมาข้างบนเร็วกว่าที่คิดไว้ เขากำลังมองมาที่เธอ ขณะจุดเทียมหอมอันสุดท้ายเสร็จสิ้น
"ยินดีต้อนรับสู่เกาะเภาอย่างเป็นทางการ ถ้ามีอะไรขาดเหลือ บอกได้เลยนะคะ" อาชาเอ่ยกับผู้หญิงที่เพิ่งได้ชื่อว่าเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้ไม่มีพิธีวิวาห์ ไม่มีการเฉลิมฉลองใดๆ นอกจากการจดทะเบียนสมรส แต่เธอก็คือเมียของเขาอยู่ดี นั่นจะไม่มีสิ่งใดมาเปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้น
"ค่ะ" รินนาราพยักหน้ารับคำตามประสาคนว่าง่าย
"นี่ก็ดึกมากแล้ว ลูกหนูไปอาบน้ำเถอะ" เป็นอีกครั้งที่เขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นอย่างสนิทสนม
สนิทสนมอย่างนั้นหรือ?...ไม่เลย เธอไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด
เขาไม่ใช่ผู้ชายที่เคยรู้จักคุ้นเคยอีกต่อไปแล้ว อาชาคนเดิมผิวขาวสะอาด ขาวมากจนครั้งหนึ่งเธอยังเคยนึกอิจฉาเลยด้วยซ้ำ ส่วนรูปร่างก็สูงโปร่งได้สัดส่วนกำลังดี แต่คนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอในเวลานี้ ผิวคล้ำขึ้นกว่าเดิมพอสมควร
