บทที่ 17
นายอำเภอเดินทางมาถึงเกาะเภาในช่วงใกล้เที่ยง ตอนนี้รออยู่ที่ห้องโถงพร้อมกับเอกสารสำคัญแล้ว รินนาราสวมชุดเดรสผ้าแก้วปักลายดอกไม้สีขาว มีความยาวเพียงแค่หัวเข่า พริ้มเกล้าผมให้หญิงสาวด้วยการถักเปียเป็นเกลียวแล้วม้วนขึ้น ปล่อยปอยผมส่วนหนึ่งให้คลอเคลียอยู่ข้างแก้ม และแต่งหน้าโทนชมพูบางเบา ดูน่ารักน่าทะนุถนอมสุดจะบรรยาย
อาชาเองก็ไม่ได้ดูด้อยไปกว่าฝ่ายหญิงเลย เขาเลือกสวมสูทสีขาวตัวใหม่ที่ยังไม่มีโอกาสได้ใส่ไปออกงานที่ไหน ทำให้ร่างสูงโปร่งดูสง่างามราวกับเจ้าชาย ทุกคนแอบซุบซิบกันอย่างอดไม่ได้ว่า นายหนุ่มของเกาะเภาคงจะหล่อเท่บาดใจกว่านี้มาก หากคิดจะโกนหนวดโกนเคราออกเสียบ้าง
ครั้งแรกที่ได้เห็นรินนาราปรากฏตัวเข้ามาข้างในห้องโถง หนุ่มหล่อที่กำลังจะสละโสดอย่างเป็นทางการก็ชะงักตาค้าง เขาตระหนักดีว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยหวานหยดย้อย ดึงดูดใจได้ในทุกอิริยาบถ เพียงแต่ไม่คิดว่าการแต่งหน้าแต่งตัวแบบนี้ มันจะช่วยเพิ่มความเย้ายวนชวนให้ปรารถนาได้มากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ เขากระแอมเบาๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา ใบหน้าขาวคมร้อนผ่าวอย่างประหลาด แต่ที่น่าโมโหคือหัวใจเจ้ากรรมที่ดันเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ราวกับเป็นหนุ่มน้อยอ่อนต่อโลกที่ไม่เคยขึ้นสังเวียนเรียนรู้บทรักมาก่อนในชีวิต
“เก็บอาการหน่อยสิครับนาย” โชติเอนตัวเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงขบขัน
“อยากเจอเตะใช่ไหม” อาชาข่มขู่คนสนิท ทั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่เดิม นั่นคือร่างอรชรของว่าที่ภรรยา
“อูย ถ้างั้นเชิญนายแสดงอาการเต็มที่ไปเถอะครับ ผมขอตัวไปยืนข้างพริ้มดีกว่า ปลอดภัยกว่าตรงนี้เยอะเลย” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ถอยห่างผู้เป็นนายออกไปทันที ขืนยังยืนอยู่ตรงนี้ต่อไป เกรงว่าอาจจะได้รับลูกเตะเข้าจริงๆ
เจตน์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ป้ามะลิ ซ่อนความฉุนเฉียวไว้ภายใต้รอยยิ้มยินดีนั้นอย่างแนบเนียน มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นที่แขน ยิ่งเห็นรินนาราสวยราวกับนางฟ้า เขาก็ยิ่งนึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ครอบครองเธอก่อนเป็นคนแรก คิดแล้วก็เจ็บใจนักที่ถูกเจ้านายชิงตัดหน้าแบบไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างนี้
“สวย” อาชาเอ่ยชมสั้นๆ ขณะนั่งลงเคียงข้างกัน
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวอ้อมแอ้มตอบ
นายอำเภอเริ่มต้นอธิบายรายละเอียดของเอกสาร นั่นทำให้สองหนุ่มสาวไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อกันอีก เมื่อถึงเวลาต่างคนต่างก็จรดปลายปากกาลงชื่อ ยอมรับการเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของกันและกัน โชติให้ช่างกล้องจัดการถ่ายรูปไว้เกือบทุกอิริยาบถ และเน้นมากในตอนที่อาชาขยับตัวไปนั่งใกล้ภรรยาสาวให้มากขึ้น
เขาดึงมือเธอมากุมไว้ รู้สึกพอใจที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืน จากนั้นก็บรรจงสวมแหวนเพชรประจำตระกูลลงบนนิ้วเรียวงดงาม และยกมือเธอขึ้นจุมพิตอย่างนุ่มนวล
“ตอนนี้เราสองคนคือสามีภรรยากันแล้ว ว่าแต่...แน่ใจนะว่าไม่อยากให้มีงานเลี้ยง” คนที่เพิ่งสละโสดถามย้ำ
“ฉันไม่อยากให้สิ้นเปลืองเพราะฉันอีกจริงๆ ค่ะ แต่เท่านี้ก็ถือว่ามากมายเกินพอแล้ว ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ” รินนารายิ้มหวานให้เขา ยังคงยืนยันเจตนาของตัวเองเช่นเดิม แค่ต้องมีค่าตัวสูงถึงสิบล้านบาท มันก็ทำให้เธอลำบากใจมากพอแล้วจริงๆ เธอไม่ต้องการสิ่งใดจากเขาอีกทั้งนั้น ดวงตาที่ฉายแววมุ่งมั่นไม่หวั่นไหว ทำให้ชายหนุ่มยอมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
หลังการจดทะเบียนสมรสเสร็จสิ้นลง อาชาก็ไม่ลืมที่จะโทรศัพท์ไปหาดวงยิหวา เพื่อขอให้เดินทางมาพักผ่อนยังเกาะเภา ตอนแรกนางก็ปฏิเสธ แต่พอนึกถึงรินนาราที่คงเหงาน่าดูกับการอยู่แปลกที่ ซ้ำยังต้องมาแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักอย่างกะทันหัน เพียงเพราะอยากช่วยนางปลดหนี้สินอีก
นางจึงตัดสินใจยอมให้ชายหนุ่มส่งคนมารับไปยังเกาะเภา ดีเสียอีกที่จะได้ไปอยู่เป็นเพื่อนรินนารา อย่างน้อยก็จนกว่าหญิงสาวจะปรับตัวได้ จากนั้นก็ค่อยแยกมาอยู่คนเดียวตามที่ตั้งใจเอาไว้
อาชาคิดแล้วไม่มีผิด ถ้าภรรยาหมาดๆ รู้ว่าเขาจะส่งโชติกับพริ้มไปรับดวงยิหวาถึงที่บ้านในวันพรุ่งนี้ เธอจะต้องดีใจจนยิ้มไม่หุบแน่ แล้วมันก็เป็นไปตามคาด เธอยกมือไหว้ขอบคุณเขาและยังยิ้มหวานให้เป็นระยะ คงไม่รู้เลยกระมังว่าท่าทางแบบนั้นทำให้เขาร้อนรุ่มจวนเจียนจะขาดใจ อยากปราดเข้าไปอุ้มเธอขึ้นสู่อ้อมแขน แล้วพาขึ้นไปอยู่ด้วยกันตามลำพังบนห้องหอเสียตอนนี้เลย
