บทที่ 5
“ถ้าเปล่าอย่างที่ปากนายว่า นายก็ควรปล่อยให้เด็กคนนั้นเลือกทางเดินของตัวเอง เพราะนายก็แค่คนนอก ไม่สามารถขีดเส้นทางให้เด็กคนนั้นเดินได้ไปตลอดชีวิตหรอก พูดแบบนี้นายเข้าใจใช่ไหม” ที่เอ่ยแบบนี้นั่นเพราะที่ผ่านมา เทวาให้ความสำคัญกับศรัณมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นอยู่หรือเรื่องเรียน เพื่อนคนนี้ก็มอบแต่สิ่งดีๆ ให้เด็กในอุปการะอย่างไม่ลังเล
“เข้าใจ”
“คนที่นายควรให้ความสำคัญคือคุณคริส เพราะอีกไม่กี่เดือนนายกับเธอก็จะแต่งงานสร้างครอบครัวกันแล้ว เอาเวลาที่นายมานั่งคิดกังวลเรื่องเด็กคนนั้นไปช่วยคุณคริสเตรียมงานแต่งไม่ดีกว่าเหรอ”
“ขอบใจนายมากที่เตือนสติฉัน” เทวาเอ่ยรับ บางทีการแต่งงานกับคริสอาจทำให้เขาเลิกคิดบ้าๆ กับศรัณก็เป็นได้ และนี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้แล้ว
“ด้วยความยินดีเพื่อน” ผลบุญเดินมาตบไหล่ของเทวาหนักๆ นั่นเพราะรู้ว่าเพื่อนรู้สึกผิดกับสิ่งที่ก่อไว้กับครอบครัวของศรัณเมื่อสิบปีก่อน
แต่การจะเอาชีวิตไปผูกไว้กับเด็กผู้หญิงคนนั้นไปตลอดทั้งชีวิตมันก็มาถูกเช่นกัน ทุกคนมีเส้นทางที่ต้องเดิน เมื่อโตขึ้นศรัณก็จะมีเส้นทางเป็นของเธอเองเช่นกัน
“ศรัณ...ศรัณ” เสียงของแสงดาวที่ตะโกนหาศรัณนั้น ดังไปทั่วทั้งตึกเรียนก็ว่าได้ ก่อนที่เจ้าตัวจะโผล่หน้าออกมาจากมุมหนังสือภายในห้องเรียน
“แสง...เราอยู่นี่”
“โอ้ย! อยู่นี่เอง เราก็วิ่งหาจนทั่ว”
“มีอะไร”
“ข่าวใหญ่”
“ข่าวใหญ่อะไรของแสง ไหนเล่ามาสิ” ศรัณเอ่ยถามอย่างอยากรู้ เพราะดูจากท่าทางของแสงดาวแล้วจะตื่นเต้นมากทีเดียว
“ใหญ่ชนิดที่ศรัณคาดไม่ถึงแน่ๆ”
“ยังไง...จะเล่ามาได้หรือยังเนี่ย”
“ทุน...มีทุนเรียนฟรีจากต่างประเทศมา อาจารย์พึ่งติดประกาศไว้ที่บอร์ดสดๆ ร้อนๆ ตะกี้เลย”
“อ้าว! ก็ไหนอาจารย์บอกหมดแล้วนี่” ศรัณเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้ตื่นเต้นตามแสงดาว นั่นเพราะอาจารย์ที่ปรึกษาเคยบอกไว้ว่าทุนเรียนฟรีต่างๆ น่าจะหมดไปตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน ไม่คิดว่าจะมีทุนมาอีก
อีกอย่างคือเธอเองก็ไม่ได้อยากได้ทุนอะไรนั่นอยู่แล้ว การมีทุนมาใหม่หรือไม่มีมาก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นเหมือนแสงดาว เพราะรายนี้สอบชิงทุนรอบก่อนไม่ได้ถึงขั้นนั่งซึมไปหลายวัน พอรู้ว่ามีทุนมาอีกคงเก็บอาการไม่อยู่อย่างที่เห็น
“ก็ใช่ไง เราเองก็นึกว่าหมดแล้ว ศรัณอยากรู้ไหมว่ารอบนี้มีทุนมาจากประเทศไหนบ้าง”
“อยากรู้ๆ”
“สวิสฯ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มีญี่ปุ่นด้วยศรัณ ” แสงดาวเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น นั่นเพราะไม่คิดว่าจะมีทุนเรียนฟรีจากประเทศญี่ปุ่นที่เธอนั้นอยากไปเรียนด้วย คราวนี้เธอต้องไม่พลาด ไม่ปล่อยเฉยเหมือนที่ผ่านมา เธอต้องคว้าทุนมาให้ได้
“เราไปดูรายละเอียดกันเถอะ” เอ่ยจบแสงดาวก็ลากแขนของศรัณให้ลุกขึ้น แล้วพาไปยังบอร์ดประกาศที่หน้าตึกเรียน ซึ่งเวลานี้มีบรรดานักเรียนที่สนใจทุนเข้าไปอ่านรายละเอียดเป็นจำนวนมาก
แต่ทว่าแสงดาวกลับไม่หวั่น นั่นเพราะตัวเก็งคนสำคัญๆ ที่จะขอทุนต่างได้รับทุนไปก่อนหน้านี้เกือบหมดแล้ว รอบนี้เธอจึงมีหวังที่จะสอบผ่านและได้รับการคัดเลือก
เพราะถูกลากตัวมาด้วย ทำให้ศรัณได้อ่านรายละเอียดการขอทุนในครั้งนี้ แต่ก็แค่อ่านผ่านๆ เพราะเธอไม่ได้อยากสอบชิงทุนที่ไหน เพราะเทวาเคยพูดไว้ว่าเขานั้นพร้อมจะสนับสนุนเรื่องเรียนของเธอ หลังจบมัธยมเธอสามารถเลือกเรียนที่ไทยหรือบินไปเรียนต่างประเทศได้หากต้องการ ซึ่งเธอเองก็มีความฝันว่าอยากไปเรียนที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่ก็ยังไม่กล้าบอกเทวา
“เอานี่ใบสมัคร เราเอามาเผื่อศรัณด้วย” เอ่ยจบแสงดาวที่หายไปเอาใบสมัครเมื่อครู่ ก็ยื่นกระดาษใบหนึ่งมาให้ศรัณ
“ขอบใจนะแสง” ศรัณเอ่ยรับก่อนจะก้มมองใบสมัครเพื่อสอบชิงทุนในมือ
“กรอกใบสมัครส่งไปก่อนก็ไม่เสียหาย ศรัณจะเข้าสอบไหมค่อยว่ากันอีกที” แสงดาวยิ้มออกมา นั่นเพราะพอจะรู้ว่าครอบครัวศรัณมีฐานะร่ำรวยมากแค่ไหน การจะส่งศรัณไปเรียนต่อยังต่างประเทศโดยที่ไม่ต้องสอบชิงทุนคงเป็นเรื่องง่ายๆ
ส่วนเธออยู่ในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง หากสอบชิงทุนไปเรียนที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นได้ก็จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายได้มาก นั่นทำให้แสงดาวฮึดไม่ว่ายังไงเธอก็ทำให้สำเร็จ ทุนรอบนี้มาแบบเร่งด่วนทำให้การสอบคัดเลือกเกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนเช่นเดียวกัน โดยการสอบชิงทุนครั้งนี้จะเกิดขึ้นภายในอาทิตย์หน้า แถมยังเป็นช่วงเดียวกับการสอบเก็บคะแนนสุดท้ายก่อนจะปิดเทอมใหญ่อีกด้วย
อาจารย์ที่ปรึกษาได้ออกมายืนดูนักเรียนอย่างภูมิใจ กระทั่งสายตามองมายังศรัณและแสงดาว ซึ่งได้หมายตาเด็กทั้งคู่ไว้ตั้งแต่แรกที่ได้รู้เรื่องทุนในครั้งนี้ นั่นเพราะศรัณและแสงดาวเป็นเด็กเรียนดี ไหนจะกิจกรรมก็เยี่ยม เรียกว่าได้ทั้งบุ๋นและบู๊ครบเครื่องไม่น้อย และมั่นใจว่าจะใช้ชีวิตที่ต่างประเทศได้เป็นอย่างดี
“ทุนนี้ฉันต้องได้ ต้องได้” แสงดาวตะโกนออกมาอย่างมาดมั่น นั่นพลอยทำให้เพื่อนๆ ทุกคนหัวเราะชอบใจออกมา ในขณะที่ศรัณกลับยืนมองใบสมัครในมืออย่างเงียบๆ
แม้วันนี้จะเป็นวันหยุด แต่ศรัณก็ยังคงตื่นเช้าอย่างเป็นปกติ ผิดกับคริสที่วันนี้ดูไม่ปกติเพราะเธอตื่นเช้าจนสร้างความตกใจให้ทุกคนในบ้าน
แต่งตัวสวยเสร็จก็ขับรถออกไป โดยเป้าหมายก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากบ้านของเทวาคนรัก นั่นเพราะอยากเข้าไปบอกข่าวดีเรื่องแต่งงานให้เด็กในอุปการะอย่างศรัณรับรู้ใจจะขาด ต่อให้เทวาจะบอกแล้วเธอก็อยากบอกซ้ำ ศรัณจะได้เจียมตัวว่าเป็นแค่เด็กในอุปการะ ไม่ใช่คนสำคัญของเทวาอย่างที่เข้าใจ
“อุ๊ย! อยู่ที่นี่จริงด้วย” เสียงของคริสที่ดังขึ้น ทำให้ศรัณที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่ในห้องหนังสือต้องเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะยกมือไหว้พร้อมเอ่ยทักทายอย่างที่เคยทำทุกครั้ง
“สวัสดีค่ะอาคริส”
“สวัสดีจ้ะหนูศรัณ วันหยุดทั้งทีไม่ออกไปกินข้าวดูหนังกับเพื่อนๆ หรือคะ”
“ไม่ค่ะ”
“เป็นเด็กใฝ่เรียนดีจริงๆ เลยนะ ไม่เสียแรงที่หนึ่งรับมาอุปการะ”
“ค่ะ...ว่าแต่อาคริสมาหาศรัณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” นั่นเพราะร้อยวันพันปีคริสไม่เคยเจาะจงมาหาเธออย่างตอนนี้มาก่อน ทุกครั้งที่มาบ้านคริสมักตั้งใจมาหาแค่เทวาเท่านั้น อีกอย่างวันนี้เทวาไม่ได้อยู่บ้านด้วย
“นิดหน่อยจ้ะ” เอ่ยจบคริสก็หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ ศรัณ พร้อมไขว่ห้างมองตรงมาที่เด็กสาวราวกับผู้ชนะ เธอรู้ว่าวันนี้เทวาไม่อยู่บ้านและเพราะแบบนั้นมันจึงเหมาะที่จะคุยอะไรๆ กับศรัณ
“อาไม่รู้ว่าหนึ่งได้บอกศรัณหรือยัง”
“บอกเรื่องอะไรคะ” หัวใจของศรัณเต้นโครมครามอย่างที่ไม่ควรจะเป็น นั่นเพราะใจคิดไปถึงเรื่องหนึ่งเข้า
“ก็แต่งงานของอากับอาหนึ่งจะมีขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้านี้แล้วนะสิจ๊ะ”
“แต่งงาน!” ประโยคที่ได้ยินถึงกับทำให้ปากกาในมือของศรัณร่วง เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเดียวกับที่เธอคิดอยู่ในใจ ศรัณอึ้งจนพูดไม่ออก ใจเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าวันแต่งงานของเทวาและคริสจะมาถึงเร็วขนาดนี้
“จ้ะ...แต่งงาน ตกใจหรือจ๊ะศรัณ” คริสยิ้มเย้ยออกมาอย่างสะใจ
“ดีใจมากกว่าค่ะ เพราะศรัณรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วอาคริสกับอาหนึ่งต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว” ศรัณปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งๆ ที่ใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความตกใจอยู่
“เหรอจ๊ะ”
“ดีใจด้วยนะคะอาคริส ถ้ามีอะไรที่ศรัณพอจะช่วยได้ ก็บอกได้นะคะ ศรัณเต็มใจ”
“งั้นศรัณช่วยอาเลือกแบบชุดแต่งงานได้ไหมคะ เพราะตอนนี้อายังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะเลือกแบบไหนดี อาปรึกษาเรื่องนี้กับหนึ่งไม่ได้ เพราะอยากให้เขาเซอร์ไพรส์”
