บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

แม้เมื่อคืนจะต้องกลับมานอนที่บ้าน ทั้งๆ ที่หมายมั่นปั้นมืออยากนอนค้างที่บ้านของเทวา เช้านี้คริสตื่นสายโด่งอย่างเคย ตื่นมาก็แทบจะถึงเวลากินมื้อเที่ยง

เธอใช้ชีวิตสบายจนเคยตัว แม้จะเรียนจบเมืองนอกแต่ทว่ากลับไม่เคยทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน ยิ่งเป็นลูกสาวคนเดียวแถมยังมีพ่อและแม่คอยเอาใจ เธอจึงชี้นกเป็นนกชี้ไม่เป็นไม้ สั่งอะไรก็ต้องได้แบบนั้น และเพราะรักลูกมากทำให้พ่อและแม่ของคริสไม่คิดว่านี่คือการเลี้ยงลูกแบบไม่ถูกต้อง

คริสแต่งตัวสวยพร้อมออกจากบ้านลงมาจากห้องนอน เมื่อคืนกลับมาถึงบ้านเธอก็เข้าไปคุยอะไรบางอย่างกับผู้เป็นพ่อและแม่ เพื่อให้ท่านทั้งสองช่วยเร่งรัดเทวา และบ่ายนี้เธอก็จะเข้าไปหาชายหนุ่มที่ออฟฟิศ แค่คิดเธอก็รู้สึกตื่นเต้นจนแทบกินอะไรไม่ลง ก่อนจะตัดสินใจออกไปหาชายหนุ่มทันที

“คุณคริสคะ คุณคริส” เจ้าของเสียงซึ่งเป็นเลขาหน้าห้องทำงานของเทวา รีบรุดเข้ามายืนขวางหน้าคริสไว้ทันที

“มีอะไร” คริสเอ่ยถามอย่างไม่พอใจที่ถูกขวางไม่ให้เข้าไปในห้องทำงานของเทวา

“คุณเทวามีแขกค่ะ”

“แล้วไง” เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์

“คุณเทวาสั่งห้ามทุกคนเข้าไปรบกวนค่ะ”

“แม้กระทั่งฉันเหรอ”

“ขะ...ค่ะ” เลขาหน้าห้องทำงานของเทวาเอ่ยรับอย่างเกรงๆ นั่นเพราะใครๆ ก็รู้ว่าคริสเป็นคนรักของเจ้านายหนุ่ม แม้นิสัยบางอย่างจะไม่ชอบแต่ก็ออกตัวแรงไม่ได้ ไม่งั้นมีหวังตกงานเอาได้ง่ายๆ

“อืม” คริสเอ่ยรับอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเดินกระแทกส้นรองเท้าส้นสูงไปยังห้องรับรอง เพื่อนั่งรอที่นั่นจนกว่าเทวาจะคุยงานจนเสร็จ โดยมีเลขาส่วนตัวของชายหนุ่มรีบนำน้ำส้มเย็นๆ มาเสิร์ฟเพื่อดับอารมณ์ร้อนๆ ให้อย่างรู้งาน

คริสนั่งรอด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะค่อยๆ ดับอารมณ์ของตัวเองลงด้วยการนั่งช้อปปิ้งฆ่าเวลา เพียงแค่สิบห้านาทีเธอก็สั่งซื้อของไปหลายชิ้น โดยเฉพาะเครื่องสำอางและน้ำหอมกลิ่นโปรด

กระทั่งเลขาส่วนตัวของเทวาเดินเข้ามาบอกว่าชายหนุ่มคุยงานเสร็จแล้ว คริสทำเพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินนวยนาถเข้าไปหาคนรักในห้อง เธอแทบไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น

“คุยงานเสร็จแล้วหรือคะเทวา”

“ใช่ครับ”

“คุณพ่อท่านอยากเจอหนึ่ง ท่านเลยให้คริสมาชวนหนึ่งไปทานข้าวเย็นที่บ้านวันนี้ค่ะ” น้ำเสียงหวานๆ ของคริสเอ่ยบอกขึ้น เธอรู้ว่าผู้เป็นพ่อจะคุยธุระอะไรกับเทวา เพราะเธอเป็นคนไปเกริ่นให้ท่านรู้เมื่อคืนว่าอยากแต่งงานกับชายหนุ่มเสียที จะได้มีหลานให้ท่านอุ้ม

พ่อและแม่ของเธอเองก็เห็นด้วยเรื่องการแต่งงาน เพราะเธอกับเทวานั้นคบหากันมาหลายปี ควงกันออกงานสังคมบ่อยๆ จนใครต่อใครรับรู้ถึงความสัมพันธ์ ว่ากำลังคบหาและวางแผนจะสร้างครอบครัวในอนาคตด้วยกัน

เธอจริงจังกับเทวาโดยเลือกที่จะคบหาชายหนุ่มแค่เพียงคนเดียว แม้บางครั้งจะแอบนอกใจเขาไปมีกิ๊กบ้าง แต่ก็แค่ครั้งคราวไม่ได้ถาวรจนถูกจับได้ไล่ทัน

ประโยคที่ได้ยินทำเอาเทวาหยุดมือที่กำลังจับปากกาเพื่อเซ็นงานตรงหน้าไปนิดหน่อย เพราะพอจะเดาได้ว่าบิดาของคริสอยากเจอเขาด้วยเรื่องอะไร

“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ รู้สึกหนักใจอยู่บ้าง แต่หากจะปฏิเสธไม่ไปพบเลยก็คงเสียมารยาท เพราะครอบครัวเขาและคริสนั้นสนิทสนมกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ พ่อของเขาถึงได้ทาบทามคริสไว้ให้เป็นสะใภ้ แต่ท่านก็มาเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อน ส่วนแม่เขานั้นเสียใจกับการจากไปของพ่อมาก จึงตัดสินใจบวชเป็นชีอยู่วัดป่าที่ลำปาง

คริสนั่งรอเทวากระทั่งชายหนุ่มเลิกงาน ทั้งคู่จึงตรงกลับบ้านของเธอด้วยกัน เมื่อมาถึงลิขิตบิดาของคริสก็เอ่ยทักทายว่าที่ลูกเขยอย่างสนิทสนม เพราะเห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ในขณะที่ดวงแขซึ่งกำลังเดินออกมาจากห้องครัวก็เอ่ยทักทายเช่นเดียวกัน

เมื่อจัดโต๊ะอาหารเรียบร้อย ทั้งหมดก็นั่งประจำที่ อาหารคาวหวานบนโต๊ะล้วนแต่เป็นของโปรดของทุกคนในบ้าน แต่วันนี้มีเมนูที่เทวานั้นชอบกินมากเป็นพิเศษเพิ่มเข้ามาอีกสองสามอย่าง

“วันนี้คุณแม่เข้าครัว เตรียมของโปรดให้หนึ่งโดยเฉพาะเลยค่ะ” คริสเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มของความสุข นั่นเพราะเธออยากให้เป็นแบบนี้ไปทุกๆ วัน

“ขอบคุณมากครับคุณป้า”

“จ้ะ” ดวงแขเอ่ยรับ เธอเองก็รักและเอ็นดูเทวาเหมือนลูกเหมือนหลาน เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ลูกๆ ทั้งสองคนจะแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที ลูกสาวเธอนะพร้อมลั่นระฆังวิวาห์ทุกวัน จะติดก็แค่เทวาที่ยังไม่เอ่ยขอแต่งงาน

“กินกันเถอะ เดี๋ยวอาหารอร่อยๆ จะเย็นชืดเสียหมด” เสียงของลิขิตเอ่ยขึ้น จากนั้นก็เริ่มลงมือตักอาหารใส่จาน คริสคอยดูแลเทคแคร์เทวาเช่นทุกครั้งที่ชายหนุ่มแวะมากินข้าวที่บ้านด้วย

ลิขิตลังเลว่าจะพูดขณะกินข้าวดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่พูด กระทั่งของคาวผ่านพ้นก็ถึงของหวานที่เป็นผลไม้นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งกินกันที่ห้องนั่งเล่นแทน

“อย่าหาว่าลุงเร่งเลยนะหนึ่ง นี่ก็คบหากับคริสมานานหลายปีแล้ว เมื่อไหร่จะสู่ขอตบแต่งกับลูกสาวลุงให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที”

“คุณพ่อ” คริสแกล้งทำเป็นตกใจที่ได้ยินผู้เป็นพ่อเอ่ยเช่นนี้ออกมา แต่ลึกๆ กลับดีใจจนเนื้อเต้น และรู้จักนิสัยของเทวาดีว่าเขาไม่กล้าปฏิเสธคำขอผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพ่อของเธอที่เป็นเพื่อนรักกับพ่อของเทวา นั่นเพราะที่ผ่านมาพ่อของเธอไม่เคยเอ่ยเร่งรัดชายหนุ่มมาก่อน ถ้าท่านได้พูดแสดงว่าท่านเอาจริง

“เอ่อ...คือผม”

“ถ้าไม่อยากแต่งก็บอกกันมาตรงๆ ลุงจะได้ให้คริสเลิกหวังลมๆ แล้งๆ แม้ชื่อเสียงของลูกสาวลุงมันจะป่นปี้ไปหมดแล้วก็ตามที” ลิขิตใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งเพื่อคุยกับเทวา นั่นเพราะอยากได้ชายหนุ่มมาเป็นลูกเขยเช่นกัน แต่ก็ไม่อยากหักคอจนเกินไป

ที่ผ่านมาเขารอเพื่อให้เทวาเป็นคนเอ่ยเรื่องนี้ออกมาเอง แต่กลับรอแล้วรอเล่ารอจนอายุอานามของคริสก็มากขึ้นเรื่อยๆ ขืนปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ได้การ

“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับคุณลุง ผมพร้อมจะรับผิดชอบชีวิตของคริส” เทวาออกตัวเพราะไม่อยากให้ลิขิตเข้าใจผิด แต่เขากลับหลวมตัวหลงกลของลิขิตเข้าให้เสียแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นเทวาก็รับนี่ไป”

“อะไรครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น พร้อมก้มมองกระดาษในมือที่รับมาจากลิขิตเมื่อครู่นี้ คริสสงสัยเช่นกันว่าผู้เป็นพ่อนั้นยื่นอะไรให้คนรัก

“ฤกษ์แต่งงาน ฤกษ์ที่ดีที่สุดของปีนี้คืออีกสองเดือนข้างหน้า ลุงไปจัดการหามาให้แล้ว ทำตามที่ลุงขอเถอะ พ่อของหนึ่งเองก็จะได้นอนตายตาหลับไปด้วย อีกอย่างแต่งงานช้าก็มีลูกช้า ลุงกับป้าอยากอุ้มหลานกันเต็มแก่แล้ว” ลิขิตเอ่ยรวบรัดอย่างไม่เปิดช่องว่างให้เทวาได้แย้ง รวมทั้งยังพูดถึงบิดาของเทวาอีกด้วย

“ครับ” เทวาเอ่ยรับอย่างกล้ำกลืน เขามีเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงยังไม่เอ่ยเรื่องแต่งงานกับคริสในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าเขานั้นไม่รักเธอหรือไม่อยากแต่งงานกับเธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel