บทที่ 2
“ก็อาแก่จริงๆ อีกไม่กี่ปีก็จะสี่สิบเข้าไปแล้ว เพื่อนรุ่นเดียวกันมีเมียมีลูกไปจนหมดแล้ว”
“อาหนึ่งจะแต่งงานกับอาคริสเมื่อไหร่คะ” คำถามของศรัณทำให้เทวานิ่งไปครู่หนึ่ง นั่นนะสิเขากับคริสจะแต่งงานกันเมื่อไหร่
“ไม่ใช่เรื่องที่เด็กควรรู้” เอ่ยรับเสร็จเทวาก็ลุกออกไปจากห้องหนังสือ ปล่อยให้ศรัณนั่งทำรายงานตามลำพัง แต่ทว่าเธอกลับนั่งเหม่อ
แม้เทวาจะไม่ตอบคำถามว่าเมื่อไหร่ แต่ศรัณก็เดาได้ว่าคงเร็วๆ นี้แน่นอน ทำไมเธอถึงไม่อยากให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน แต่ทว่าอีกใจก็อยากให้แต่ง
“นี่เราเป็นอะไร” ศรัณเอ่ยถามตัวเองอย่างสับสน ก่อนจะส่ายหน้าไล่ความคิดอื่นออกไปจากสมอง จากนั้นก็ตั้งสติเพื่อทำงานรายตรงหน้าให้เสร็จ แม้สมองบางส่วนจะคิดวอกแวกไปหาเทวาบ่อยๆ ก็ตาม
ส่วนเทวานั้นเมื่อกลับถึงห้องนอนได้ ก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง สมองของชายหนุ่มคิดวนไปวนมาอยู่หลายเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เรื่องคริสและที่หนีไม่พ้นคือเรื่องของศรัณ
เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ทุกครั้งเมื่อร้องไห้ก็จะวิ่งมาให้เขาโอ๋อีกแล้ว ศรัณเติบโตขึ้นทุกๆ วัน เมื่อไหร่ที่เธออายุครบยี่สิบห้า วันนั้นไม่แน่ว่าศรัณอาจไม่ต้องการเขาอีกก็เป็นได้ เธออาจต้องการอิสระหรือไม่ก็ต้องการไปจากการดูแลของเขา
เทวาไม่อยากให้วันนั้นมาถึง เพราะอะไรถึงไม่อยากให้มาถึงชายหนุ่มก็สับสนในตัวเอง ถ้าเลือกได้เขาอยากให้ศรัณเป็นแค่เด็กหญิงตัวน้อย แต่มันคงอยู่เหนือการควบคุมของเขาได้สินะ
เช้าวันรุ่งขึ้นเทวากับศรัณได้พบกันอีกครั้งที่โต๊ะอาหาร ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดทำงานนั่งจิบกาแฟพร้อมอ่านข่าวสารบนหนังสือพิมพ์รวมถึงในโทรศัพท์มือถือไปด้วย ในขณะที่ศรัณซึ่งอยู่ในชุดนักเรียนลงมาช้ากว่าชายหนุ่มนิดหน่อย เธอหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำตัว ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของเทวาซึ่งเขานั่งอยู่หัวโต๊ะ
ศรัณนั่งกินข้าวต้มปลาที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้เงียบๆ พร้อมคอยสังเกตท่าทางของเทวาไปด้วยความสงสัย นั่นเพราะเช้านี้ดูชายหนุ่มดูเงียบผิดไปจากเดิม ปกติเทวาก็เป็นคนเงียบๆ อยู่แล้ว ยิ่งหากวันไหนเขาเครียดเรื่องงานหรือมีอะไรในใจ ก็จะดูเงียบจนน่ากลัว
“อิ่มแล้วเหรอ” เมื่อเห็นศรัณวางช้อนพร้อมคว้าแก้วน้ำมาดื่ม เสียงทุ้มก็เอ่ยถามขึ้น
“ค่ะ”
“รออาก่อน เดี๋ยววันนี้อาจะไปส่งที่โรงเรียน แล้วตอนเย็นค่อยให้ลุงแต้มไปรับเหมือนทุกวัน” เทวาละสายตาจากข่าวที่กำลังอ่านแล้วเอ่ยกับศรัณ
“ได้ค่ะ”
“รายงานเมื่อวานเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้วค่ะ” ศรัณเอ่ยรับ แต่ลึกๆ อยากให้เทวาช่วยตรวจอยู่เหมือนกัน ทว่าเห็นท่าทางชายหนุ่มดูเครียดๆ จึงไม่กล้าเอ่ยขอให้ช่วย
“ให้อาช่วยดูไหม”
“ได้เหรอคะ” แววตาของศรัณเปล่งประกายขึ้นมาทันที
“ได้สิ”
“งั้นดีเลยค่ะ ศรัณจะได้มั่นใจตอนส่งให้ครู” ศรัณยิ้มกว้างออกมา เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เทวารู้สึกแปลกๆ อีกตามเคย ก่อนที่เธอจะก้มไปหยิบรายงานในกระเป๋าที่ทำเมื่อวานส่งให้เทวาช่วยตรวจให้
มือหนายื่นมารับรายงานไปจากมือเล็กๆ ของศรัณจากนั้นก็ก้มลงอ่านอย่างตั้งใจ เทวายิ้มออกมาอย่างพอใจกับการถอดประโยคของศรัณ เพราะเธอเก่งไม่น้อยทีเดียว ก่อนจะคอมเมนต์บอกว่าประโยคไหนที่ศรัณต้องแก้ไขบ้าง ซึ่งเธอก็ทำทันที
“ขอบคุณนะคะอาหนึ่ง”
“ไม่เป็นไร” เสียงทุ้มเอ่ยบอก จากนั้นเทวาก็ออกไปจากบ้านพร้อมด้วยศรัณ ชายหนุ่มแวะไปส่งเธอที่โรงเรียนเสียก่อน แต่เพราะเขามาในชั่วโมงเร่งด่วน จึงต้องจอดส่งศรัณแค่หน้าตึกเรียนเท่านั้น
“ตั้งใจเรียนล่ะรู้ไหม”
“ค่ะ” ศรัณพยักหน้ารับ ก่อนจะเปิดประตูลงไปจากรถคันหรูของเทวาทันที และเมื่อเข้าห้องเรียนได้แสงดาวเพื่อนสนิทของศรัณที่รอเพื่อนอยู่นานแล้วก็ตรงปรี่เข้ามาหาเพื่อนรัก
“วันนี้อาหนึ่งมาส่งเหรอศรัณ ”
“อืม...ว่าแต่แสงเห็นด้วยเหรอ”
“เห็นสิ ทำไมจะไม่เห็น แต่เสียดายที่เห็นแค่รถไม่ได้เห็นหน้าอาหนึ่งคนหล่อ” แสงดาวเอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำ นั่นเพราะเธอปลื้มคุณอาเทวาสุดหล่อของศรัณ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
แม้เทวาจะอายุมากกว่าเธอหลายสิบปี แต่เทวากลับไม่ได้ดูแก่ ออกจะเป็นผู้ชายอบอุ่นเสียด้วยซ้ำ แล้วแบบนั้นใครบ้างจะไม่อยากเข้าใกล้ เธอนี่เห็นเทวาทีไรใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเสียทุกที
“เพ้อ!” ศรัณ ส่ายหน้าให้แสงดาว ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเรียนหนังสือของตัวเอง เก็บข้าวของใส่ลิ้นชักให้เรียบร้อย รวมทั้งการบ้านที่ทำมาก็พร้อมส่งอาจารย์เช่นกัน
“เราไม่ได้เพ้อนะ แต่ปลื้มจริงๆ”
“ปลื้มได้ไม่ผิด แต่อย่าลืมว่าอาหนึ่งเขามีคนรักแล้วนะ”
“รู้...แต่ก็ยังปลื้ม” แสงดาวยิ้มหวานออกมา เธอรู้ว่าเทวานั้นมีคนรักอยู่แล้ว และเธอก็ไม่ได้อยากไปแย่งชิงชายหนุ่มมาเสียหน่อยก็แค่ปลื้มเท่านั้นเอง
ส่วนศรัณกลับไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกบางอย่างออกไปให้ใครรู้ แม้กระทั่งแสงดาวเพื่อนสนิท ว่าเธอนั้นก็แอบปลื้มเทวาอยู่เช่นกัน จากความปลื้มก็ถูกเปลี่ยนเป็นความชอบกระทั่งหลงรัก
ไม่รู้จริงๆ ว่าความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีหัวใจของเธอก็มีเพียงแค่เทวา ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามานั่งจับจองอยู่จนเต็มพื้นที่ แต่เพราะเขาไม่โสด ทำให้เธอต้องเจียมหัวใจ เก็บซ่อนความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นเอาไว้ และตั้งใจจะฝังมันให้ตายไปพร้อมกับเธอ
