2 เก็บกระเป๋าเดินทางไกล (3)
ไม่มีต้นไม้สักต้น ย้ำนะคะว่าไม่มีต้นไม้สักต้น หากจะหาดอกไม้ก็พอจะมีอยู่บ้าง เพียงแต่เป็นดอกลีลาวดีจากบ้านของฉัน ซึ่งถูกลมหอบปลิวข้ามรั้วมาตกลงบนพรมหญ้าที่สนามหญ้าของคุณพลนี่ล่ะ
“โรแมนติกดีจังเลยนะคะ” ฉันยิ้มเย็นแล้วกลับเข้าบ้าน โดยไม่สนใจตาแว่นหน้าจืดนั่นอีก
บ้านฉันกับคุณพลอยู่ติดกันค่ะ มีเพียงกำแพงขาวสะอาดสูงท่วมหัวเท่านั้นที่กลางกั้น พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่ถึงปี หลังจากเจ้าของบ้านคนเดิมตัดสินใจขายให้เนื่องจากมีปัญหาเรื่องต้นไม้กับฉัน
ขอเท้าความย้อนกลับไปนิดหนึ่งนะคะ...
เจ้าของคฤหาสน์คนเดิมเป็นสาวโสดอายุประมาณห้าสิบกว่า ๆ กว่าเท่าไหร่นั้น อันนี้ทายไม่ถูกค่ะ ฉันแอบเรียกเจ้าของคฤหาสน์คนเดิมว่า ‘ป้าแว่นคางยาว’
หากนึกหน้าไม่ออก ให้นึกถึงนางแม่มดแก่ที่นำแอปเปิลอาบยาพิษมาให้สโนไวท์กินค่ะ ขอบอก ว่าเหมือนมาก ๆ
สาวแก่คนนี้มีพฤติกรรมแปลก ๆ คล้าย ๆ กับคุณพลนั่นล่ะ คือชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างรั้วบ้านฉัน และทุกครั้งที่แกกวาดสนามหญ้า แกก็จะตะโกนด่าดอกลีลาวดีของบ้านฉันเป็นประจำ
คนอะไร๊ ทะเลาะได้แม้กระทั่งต้นไม้ พอหนักเข้าคุณป้าคางยาวจึงไปแจ้งคุณตำรวจมาจับฉันค่ะ ซ้ำยังบังคับให้ตัดต้นไม้อันเป็นที่มาของปัญหานี้ทิ้งอีก
คือ... อย่างนี้นะคะ ต้นลีลาวดีต้นนี้ปลูกมาหลายสิบปีผ่านกาลเวลามาชั่วอายุคน จำความได้ว่า ฉันโตมาก็เห็นต้นไม้ชนิดนี้แล้ว ที่สำคัญคุณป้าลีลาวดีของฉัน ไม่เคยยื่นกิ่งไปยังคฤหาสน์ของยัยป้าแว่นคางยาวแม้แต่เซ็นฯ เดียว
เพียงแต่ทุกครั้งที่สายลมพัดผ่านมา จะชักชวนและหอบเอาดอกขาว ๆ ของคุณป้าลีลาวดีปลิดขั้วล่องลอยออกจากต้น ข้ามกำแพงขาวสะอาดไปตกยังสนามหญ้าของยัยป้าแว่นเท่านั้น
เข้าใจมั้ยคะ ฉันไม่มีอำนาจเวทมนตร์สามารถบังคับทิศทางของสายลมได้ ฉันเองก็จนปัญญากับปัญหานี้เหมือนกัน สุดท้ายท้ายสุดของเรื่องนี้ นางเอกอย่างฉันเป็นผู้ชนะค่ะ ชนะแบบใส ๆ โดยไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย (โฮ๊ะๆ)
ป้าแว่นคางยาวแสนใจร้ายนั่น ตัดสินใจขายคฤหาสน์ให้กับพี่ชายของเด็กมนต์ ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ทนพฤติกรรมแปลก ๆ ของฉันไม่ไหว’ จึงนับว่าเป็นนิมิตหมายดีมาก ๆ ที่ฉันจะมีเพื่อนบ้านรายใหม่ ที่ไม่ใช่ยัยป้าแว่นคางยาวแสนดุ ปากร้าย และแสนใจร้ายนั่น
เมื่อได้ทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านรายใหม่ ฉันจึงพบความบังเอิญ ซึ่งเกิดความเหมือนในความแตกต่างเข้าค่ะ คุณพลพี่ชายของเด็กมนต์เป็นนักเขียนเหมือนฉัน ซึ่งฉันกระดี๊กระด๊ามากที่รู้จักเพื่อนในวงการวรรณกรรมเพิ่มอีกหนึ่งคน
แต่ที่แตกต่างจากฉันก็คือ คุณพลเขาเป็นนักเขียนแนวลึกลับ สืบสวนสอบสวน และถนัดงานแปล
อ๊ะ... อาชีพเดียวกัน พูดคุยภาษาเดียวกันรู้เรื่อง ฉันจึงให้ความสนิทสนมกับครอบครัวน้องมนต์มากขึ้น ทว่ามิตรภาพซึ่งได้รับกลับมาจากคุณพลสิคะ ทำเอาหนักใจ...
สัมผัสพิเศษของผู้หญิงทำงานขึ้นมาทันที ซึ่งปฏิกิริยาและพฤติกรรมของคุณพลฟ้องฉันแบบชัด ๆ ว่าอย่าเข้าใกล้รัศมีของผู้ชายคนนี้มากนัก มิเช่นนั้นมิตรภาพแสนหอมหวนจะถูกลิดรอนสิทธิ์
ฉันรู้ในภายหลังจากน้องมนต์ ว่าคุณพลเพิ่งถูกสาวใหญ่หักอกมาหมาด ๆ กำลังมองหาใครสักคนเยียวยาหัวใจ ซึ่งน้องมนต์ได้หมายตาฉันเอาไว้ค่ะ
แม่หนูน้อยจอมแก่แดดคนนี้จึงทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักอย่างเปิดเผยจนน่ารำคาญ ดังนั้นฉันจึงต้องสร้างเกราะกำบังขึ้นมาคุ้มครองตัวเอง ด้วยการรีบตีตัวออกห่างทีละนิด... ทีละนิด แบบไม่ให้อีกฝ่ายได้รู้ตัว ทั้งนี้เพื่อรักษาสมดุลความเป็นส่วนตัวเอาไว้นั่นเอง
หลังจากอาบน้ำชำระคราบเหงื่อไคล และหย่อนเสื้อผ้าลงเครื่องซักผ้าแล้ว ฉันจึงมานั่งเขียนพล็อตนิยายคร่าว ๆ ใส่หน้ากระดาษสมุดเพื่อไม่ให้เสียเวลารอเครื่องซักผ้าทำงาน
ฉันรู้ว่านิยายทุกประเภทต้องมีชื่อเรื่อง ฉาก ตัวละคร และพล็อตเรื่อง นิยายรักอีโรติกก็เช่นกัน ไม่สามารถหลุดกรอบจากสิ่งเหล่านี้ได้
เอ้... มาถึงตรงนี้แล้ว ฉันยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะเขียนเกี่ยวกับอะไรดี
เริ่มต้นที่สร้างนางเอกของเรื่องก่อนเลยละกัน แล้วค่อยสร้างพล็อตเรื่องมารองรับเธอ ผู้หญิงที่จะโลดแล่นในนิยายรักอีโรติกเล่มแรกของฉันต้องเป็น...
ฉันปิดเปลือกตาลง จินตนาการไปถึงดารานักแสดงที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ
สาวน้อยหน้าใสวัยสิบเจ็ด... ไม่สิ เดี๋ยวพระเอกจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ อายุสักสิบแปดก็แล้วกัน ดวงตากลมโต ขนตางอนงาม เส้นผมของเธอสีน้ำตาลเข้มหยักศกเป็นลอนสวย มีรอยยิ้มและลักยิ้มอันทรงเสน่ห์ ขี้เล่น ขี้งอน และศรัทธาในความรัก
