บท
ตั้งค่า

2 เก็บกระเป๋าเดินทางไกล (2)

“บอกอะไรให้ฟังนะยัยปิ่น ปล่อยให้ยัยอิงค์หากินกับนิยายผจญภัยยัยแม่มดเหมือนเดิมนั่นล่ะดีอยู่แล้ว ฉันว่าหล่อนคิดผิดมากเลยนะที่ดันให้ยัยอิงค์มาเขียนนิยายแนวนี้ อายุปูนนี้เคยสำรวจโครงสร้างผู้ชายหรือยังก็ไม่รู้” พี่แป๋มจิกหางตามาทางฉันแล้วหัวเราะคิกคัก

พี่ปิ่นที่กำลังจะดูดน้ำต้องหยุดแค่นั้น แล้วหัวเราะคิกคักสมทบอีกคน ส่วนฉันได้แต่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม เพราะถ้อยคำของพี่แป๋มนั้นทิ่มแทงใจดำอย่างแรง

“ชอบเอาเรื่องจริงมาพูดเล่นอยู่เรื่อยเลย” ฉันบ่นอุบพลางอมลมแก้มป่อง พี่แป๋มคงหมั่นไส้ละมั้ง จึงยื่นมือมาผลักหัวฉันเป็นการซ้ำเติม

“ก็มันเรื่องจริงนี่ยะ”

“พี่ปิ่นช่วยด้วย ยายรังแกหลาน” ฉันฟ้องพลางแกล้งทำหน้าหงิก แต่พี่ปิ่นแก้วไม่สนใจสักนิดนอกจากส่ายหน้าพร้อมอมยิ้ม

“นิดหน่อยทำงอน แล้วนี่มีแฟนหรือยังเรา?”

“มี เยอะด้วย” ฉันทำเสียงภาคภูมิใจพลางยืดอกตอบ ซ้ำยังยักคิ้วให้คนถามซอกแซกด้วย

“ไอ้ที่ว่าเยอะ หวังว่าไม่ใช่แฟนคลับหนังสือนะ” พี่แป๋มเท้าคาง เอียงศีรษะมองฉันด้วยสายตาจับผิด

“เฮ้อ... เบื่อจริงเลย พวกรู้ทันเนี่ย” ฉันย่นจมูกใส่

“แน่นอนอยู่แล้ว เลือกมากระวังเถอะ ‘คาน’ จะถามหาเอานา” พี่แป๋มลากเสียงยาวตรงคำว่า ‘คาน’ แล้วหัวเราะแบบไม่มีจริต พี่ปิ่นแก้วที่เหมือนจะไม่ร่วมมือกลับผสมโรงขึ้นมาดื้อ ๆ

“ก็จัดให้สักคนสิยัยแป๋ม ให้น้องอิงค์ไปพิชิตพร้อม ๆ กับภารกิจของฉันเลย เธอยังมีหนุ่มโสดว่างอยู่อีกคนไม่ใช่เหรอ?”

พี่ปิ่นพูดถึงบุคคลที่สามที่ไม่รู้จัก ซึ่งฉันได้ยินอยู่หรอก แต่ไม่อยากสนใจ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที สองสาวซึ่งนั่งเผชิญหน้ากันก็ตีมือกันดังเพียะ แล้วพร้อมใจเหล่ตามายังฉันเป็นสายตาเดียว

“อยู่แล้ว แป๋มจัดให้”

“จัดอะไรคะ ?” ฉันเลิกคิ้วขึ้นสูงถามด้วยความสงสัย แต่พี่แป๋มกลับไหวไหล่ไม่ตอบอะไร

“พี่แป๋มอะ” ฉันทำเสียงอ่อยปากจู๋ เพราะไม่ทันฟังว่าสองสาวกำลังนินทาเผาขนอะไร จึงหันไปหาพี่ปิ่นแก้ว

“พี่ปิ่นวางแผนแกล้งอะไรน้อง?”

พี่ปิ่นแก้วที่เป็นตัวตั้งตัวตีอมยิ้มแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่สุดท้ายก็ปล่อยเสียงหัวเราะคิกคักผสมโรงไปกับพี่แป๋ม ไม่ต้องบอกฉันก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณ ว่าต้องมีเรื่องวุ่นวายมาให้ปวดหัวเป็นแน่

“ไม่บอก ก็ไม่เห็นอยากรู้เลย เชอะ!” ฉันเชิดหน้าใส่อย่างงอน ๆ พี่แป๋มจึงคว้ากะหล่ำปลีมายัดใส่ปากฉันดื้อ ๆ จากนั้นก็หัวเราะหน้าระรื่นคละเคล้าเสียงเพลงในห้อง

พวกเราสามสาวอยู่ในร้านอาหารจนเกือบห้าทุ่ม พอโดนบริกรไล่อย่างสุภาพถึงยอมสลายตัวกลับบ้าน พี่แป๋มอาสาเป็นสารถีพาฉันมาส่งบ้าน ส่วนพี่ปิ่นแก้วนั้นเอารถมาเองจึงแยกย้ายหน้าร้านเลย

“ขอบคุณที่มาส่ง พี่แป๋มขับรถกลับบ้านดี ๆ นะ” ฉันโบกมือให้พร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสุข

“มันแน่นอนอยู่แล้ว ไงก็เก็บเสื้อผ้าเตรียมไว้ละกันยัยอิงค์ พรุ่งนี้สาย ๆ จะเข้ามารับ” พี่แป๋มบอกเสียงเรียบ ทำให้ฉันอดย้อนถามไม่ได้

“เอาจริงเหรอพี่แป๋ม?”

“พูดเล่นมั้ง” พี่แป๋มค้อนขวับก่อนเลื่อนกระจกรถขึ้น ฉันจึงพยักหน้ารับ โดยไม่ลืมที่จะโบกมือให้พี่แป๋มอีกครั้ง

รถเก๋งของพี่แป๋มเคลื่อนออกจนลับสายตาแล้ว ฉันจึงเดินมาไขกุญแจรั้ว ทว่าแสงไฟฉายเป็นวงแวบไปแวบมาที่รอดออกจากรั้วคฤหาสน์คุณพล ทำเอาฉันสะดุ้ง เมื่อสายตาปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ ฉันจึงเห็นโฉมหน้าคนที่เอาไฟฉายมาส่องเล่น

“ตกใจหมดเลยคุณพล หาอะไรอยู่คะ?” ฉันลดมือทาบอกลง มองชายสูงโย่งซึ่งอยู่ในเสื้อคลุมสีเข้มผ่านรั้วเหล็กดัดลายสวย

“เอ่อ... ค... คือผมนอนไม่หลับ เลยออกมาเก็บดอกไม้ครับ” คุณพลตอบแบบตะกุกตะกักพร้อมยกดอกลีลาวดีขึ้นมาดม แล้วส่งยิ้มจืด ๆ ให้ฉัน

อารมณ์ศิลปิน ฉันเข้าใจ แต่ไอ้พฤติกรรมลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนพวกถ้ำมอง อันนี้ไม่ปลื้มค่ะ

ทายนะคะ น้องมนต์ต้องเอาเรื่องที่เจอฉันเมื่อช่วงเย็นมารายงานให้คุณพลฟัง จากนั้นคุณพลคงมาสืบข่าวด้วยตัวเองว่าฉันไปไหนกับใคร (เอ่อ...เป็นแค่สมมติฐานเท่านั้นนะคะ) อีกอย่างการเก็บดอกไม้ตอนดึกดื่นเที่ยงคืน มันทะแม่ง ๆ อยู่นะ

คฤหาสน์สีขาวของคุณพลตั้งชิดกับขอบรั้วด้านใน มีต้นไม้พุ่มเล็ก ๆ เพิ่งลงดินเพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น ส่วนพื้นที่ด้านหน้าเป็นสนามหญ้าขนาดน้อง ๆ สนามฟุตบอล

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel