ร้อยรักกับดักหัวใจ

121.0K · จบแล้ว
อาคาเซีย/แวววิวาห์/สลิลโรส/ผิงอัง
87
บท
2.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะ ‘ความอ่อนหัด’ เธอจึงต้องฝึกฝนการเป็นนักเขียนมืออาชีพ ควรเขียนงานได้หลายแนว!!!ทว่าการฝึกฝนตนเองในครั้งนี้เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ไปสู่นักเขียนนิยายรักอิโรติกกลับทำให้ 'อิ้งค์' ถึงกับปวดหัวเพราะเธอไม่ได้รบกับตัวเองเพียงอย่างเดียวแต่เธอยังได้เทนเนอร์ฝีมือดีอย่าง 'นายปริญญ์' มาช่วยสอนบทรักให้เธอด้วย!!!

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันตลกนางเอกเก่งรักหวานๆรักแรกพบโรแมนติก

บทนำ (1)

... ถ้าอยากได้นางฟ้ามาเป็นแฟน จงทำตัวเองให้เป็นเทพบุตร...

เคอเซอร์เมาส์หน้าจอโน้ตบุ๊กกะพริบ เพื่อรอนิ้วเรียวของฉันจิ้มปุ่มคีย์บอร์ดในประโยคถัดไป

แต่ผ่าสิ! ผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีในหัวสมองน้อย ๆ ของฉันยังคงว่างเปล่า ไม่มีภาพอะไรโลดแล่นต่อจากตรงนั้นเลย...

ฉันอ่านประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา... ซ้ำมาซ้ำไป ความรู้สึกเหมือนเป็นมิกกี้เมาส์ตัวน้อยที่หาทางออกจากกรงดักหนูไม่ได้ จนในที่สุดฉันก็ทนสิ่งอึดอัดนี้ไม่ไหว จึงตัดสินใจกดไอคอนรูปแผ่นดิสก์ เลื่อนเมาส์ไปยังเครื่องหมายกากบาทขวามือบนสุดของหน้าจอ แล้วลากเมาส์ต่อเนื่องมายัง

Start turn off computer

พอหน้าจอโน้ตบุ๊กมืดลง ฉันจึงทิ้งตัวนอนบนที่นอนแสนนุ่ม โดยหนุนมือตัวเองต่างหมอนพร้อมเสียงถอนลมหายใจยาว...

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันรู้สึก ‘ท้าทาย’ กับความมึนงงซึ่งหาทางออกไม่ได้ จะโทษใครไม่ได้ทั้งนั้น นอกจากโทษความไม่เอาไหนของตัวเอง

เริ่มต้นเมื่อสามวันก่อน ฉันเดินทางเข้าสำนักพิมพ์ตามนัดหมายของพี่ปิ่นแก้วบรรณาธิการคนสวย เพื่อคุยเรื่องต้นฉบับล่าสุดที่ผ่านการพิจารณาให้ตีพิมพ์

“เรื่องที่ส่งให้พี่เมื่อสัปดาห์ก่อนพี่โอเคนะจ๊ะ พล็อตเรื่องแปลกดี แต่ที่พี่เรียกตัวเข้ามา ก็เพราะว่ามีเรื่องอยากคุยด้วย คือพี่ปิ่นอยากให้อิงค์เปลี่ยนแนวมาเขียนนิยายรักอีโรติกบ้าง บอกตรง ๆ เลยนะ ตอนนี้แนวแฟนตาซีที่อิงค์เขียน กำลังอยู่ในสภาวะอิ่มตัว”

น้ำเสียงเนิบ ๆ กับใบหน้าสวยคมของบก.คนสวยซึ่งอายุเฉียดสามสิบ ทำให้ฉันนิ่งไปพักใหญ่กับเรื่องที่เธอเสนอ แต่สายตาของฉันยังมองมือขาว ๆ ของพี่ปิ่นแก้วซึ่งถือเอกสารอยู่

“เห็นยอดล่าสุดที่ทางกอง ฯ ส่งให้แล้วใช่ไหม ?”

ฉันสบตาพี่ปิ่นนิดหนึ่ง ก่อนพยักหน้ารับเสียงอ่อย “ค่ะ เห็นแล้ว”

หากยอดขายพุ่งกระฉูดทะลุเพดานเหมือนเมื่อหลายเดือนก่อน ฉันคงกระดี๊กระด๊ากว่านี้ แต่ความจริงที่ปรากฏในเอกสารแจ้งยอดขาย มันช่างปั่นทอนความมั่นใจของฉันเสียเหลือเกิน

“พี่ปิ่นชื่นชอบฝีมือของเรานะ แต่อิงค์ต้องเข้าใจด้วย อาชีพอย่างเราต้องมีอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา ลองท้าทายความสามารถของตัวเองดูสิ อีกอย่างตลาดแนวที่พี่ว่าก็ไปได้เรื่อย ๆ เพราะกลุ่มเป้าหมายของเราไม่ใช่วัยรุ่น”

พี่ปิ่นแก้วคนสวยให้กำลังใจพร้อมโน้มน้าวฉันสุดฤทธิ์ ดูเธอมั่นใจเหลือเกิน ว่าฉันจะลุกขึ้นมาเขียนนิยายรักอีโรติก วาบหวิวสยิวกริ้วได้

“แต่อิงค์ไม่เคยเขียนนิยายแนวนี้เลยนะคะ แค่เลิฟซีนธรรมดาเขียนไปเขินไป ยังเกือบไม่รอดถึงฝั่ง แล้วนิยายอีโรติกจะไปรอดเหรอคะ” ฉันสารภาพเสียงอ่อยไปตามความจริง แต่พี่ปิ่นแก้วกลับยิ้มหวานให้

“มั่นใจในตัวเองหน่อยสิไอ้น้อง ผ่านงานมาไม่รู้กี่สิบเล่ม ยังทำตัวเป็นมือใหม่หัดเขียนอยู่นั่นล่ะ จะบอกอะไรให้ฟังนะ พล็อตเรื่องนิยายรักอีโรติกก็เหมือนนิยายรักทั่วไปนั่นล่ะ เพียงแต่ขยายความบรรยายตรงฉากเลิฟซีนให้กระจ่างชัดเท่านั้น อิงค์ทำได้อยู่แล้ว”

พี่ปิ่นแก้วอธิบายด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ดวงตาสวยซึ่งกรีดอายไลเนอร์ดูโฉบเฉี่ยวเป็นประกายดั่งแสงดาวยามค่ำคืนสบตากับฉัน ก่อนก้มหน้าก้มตาค้นหาอะไรสักอย่างจากลิ้นชักขึ้นมา

พอพี่ปิ่นแก้ววางเจ้าสิ่งนั้นลงนั่นล่ะ ฉันก็พบว่าเป็นหนังสือนิยายรักโรแมนติก

เอ๊ะ หรือไม่ใช่?

“เห็นนี่ไหม?”

นิ้วสวยของพี่ปิ่นซึ่งเพ้นท์เล็บเป็นรูปดอกชบาสีแดงสดเลื่อนมาชี้ที่มุมซ้ายบนของหนังสือ ซึ่งมีสัญลักษณ์ และข้อความเล็ก ๆ ว่า The novels 18 ฉันมองสัญลักษณ์ที่พี่ปิ่นแก้วชี้ให้ดู ก็ได้แต่ทำตาปริบ ๆ แล้วพยักหน้ารับ

“หนังสือจัดเรท...” ฉันทวนเบา ๆ “เข้าพวก NC18 มั้ยคะพี่ปิ่น?”

“ประมาณนั้นแหละ แต่มีศิลปะในการถ่ายทอดมากกว่า นักเขียนดึงอิมเมจิ้น (imagine) เข้ามาช่วย หากบอกว่าวาดภาพด้วยตัวอักษรคงไม่ผิด”

ฉันพยักหน้างึก ๆ ทำหน้าเหมือนจะเข้าใจ

แต่ก็...ไม่เข้าใจ

“มันไม่ถึงขนาดที่น้องอิงค์เข้าใจหรอกนะ”

เอ๊ะ! ทำไมพี่ปิ่นถึงรู้ความคิดของฉัน

“ถึงนิยายอีโรติกจะเน้นที่ฉากรักเร่าร้อนของเลิฟซีนอยู่ก็จริง แต่ภาษาสวยละมุนกว่า ไม่โจ๋งครึ่มเหมือนการ์ตูนลามกอนาจารพวกนั้น หนังสือพวกนี้ล่ะ ที่พี่อยากให้เราลองศึกษา และลองเขียนดู”

ฉันยิ้มแหยกับข้อเสนอ หยิบหนังสือตัวอย่างขึ้นมาเปิดอ่านดูคร่าว ๆ

“ดูทำหน้าเข้าสิ นี่ พี่ไม่ได้ขืนใจเธอให้เขียนนะยะ”

พี่ปิ่นแก้วล้อฉันด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ก่อนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เอามือผสานไว้ที่หน้าท้องอันแบนราบ

“ก็มันยากนี่คะ อิงค์ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน อีกอย่างข้อมูลในการเขียนก็ไม่แน่นด้วย”

ฉันบ่นอุบออกมา เพราะกว่าจะตัดสินใจเขียนนิยายสักเรื่อง ฉันต้องทำการบ้านอย่างหนัก จนมั่นใจว่าทุกอย่างลงตัวแล้วนั่นล่ะ ถึงจะลงมือเขียน

“ทำบ่น พี่จะบอกอะไรให้ฟังนะ เจ้าของผลงานในมือเรานั่นน่ะ เพิ่งทำบัตรประชาชนไปไม่กี่วันนี้เอง”

น้ำเสียงเนิบ ๆ ของพี่ปิ่นราวเป็นเรื่องธรรมดาสุดแสนจะธรรมดา แต่ฉันสิ...

“ฮ้า!!!!” อุทานเสียงหลงด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด หนังสือในมือหล่นสู่หน้าตัก ฉันรีบเอามือปิดปากตัวเองทันทีที่เสียมารยาทส่งเสียงดังรบกวนพี่ ๆ คนอื่นในกองบรรณาธิการ

พอตั้งสติได้ ฉันจึงเอื้อมมือไปเก็บหนังสือที่ตกพื้น แล้วกลับมามองหน้าพี่ปิ่นแก้ว บก. คนสวยที่เอาแต่หัวเราะคิกคักอารมณ์ดีอีกครั้ง

“พี่ปิ่นพูดจริง หรือพูดเล่นคะ?”

“จริงสิ พี่ก็เป็นเหมือนเรานั่นล่ะ ตอนขอเอกสารทำสัญญายังตกใจแทบตกเก้าอี้ เพราะน้องคนเขียนบอกพี่ว่า หนูยังไม่ทำบัตรประชาชนค่ะ”

คำบอกเล่าของพี่ปิ่นทำให้ฉันเงียบไป รู้สึกอึ้ง ๆ มึน ๆ เหมือนมีแอลกอฮอล์ปนอยู่ในกระแสเลือดยังไงไม่รู้ แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะของพี่ปิ่นแก้วนั่นล่ะ ฉันจึงหุบเปลือกตาพิจารณาหนังสือตรงหน้าอีกครั้ง

“พิศวาส ทาสรักซาตาน“

โอ้แม่เจ้า! ขอยกให้เป็น Thailand Only ต่อจากพี่โน้ต อุดม แต้พานิชอีกสักเรื่องได้ไหม

เขาจัดเรทหนังสือห้ามเยาวชนที่อายุต่ำกว่า18 อ่าน แต่คนเขียนเพิ่งทำบัตรประชาชน โอ๊ะโอ... เดี๋ยวนี้วงการวรรณกรรมไทยก้าวหน้า ชนิดก้าวกระโดดขนาดนี้แล้วหรือ?

แล้วฉันล่ะ...

พอย้อนมามองตัวเองซึ่งวัยข้ามพ้นคำว่า ‘เยาวชน’ ไปแล้วก็ห่อเหี่ยวหัวใจ ก็เพราะฉันอ่อนหัด และไม่ถนัดเขียนบทเลิฟซีนไง ถึงได้หันมาเขียนนิยายแฟนตาซีเหนือจินตนาการแทนรักหวานแหวว

สีหน้าฉันในตอนนั้นคงแย่ละมั้ง พี่ปิ่นแก้วก็เลยปลอบใจ

“เอาน่าไม่ต้องกังวลไป อิงค์ทำได้อยู่แล้ว พี่มีหนังสือตัวอย่างให้เราไปศึกษาแนวทางเพียบเลย”

พี่ปิ่นแก้วมุดลงไปใต้โต๊ะทำงาน หยิบเอาหนังสือนิยายที่มี The novels 18 บนปกขึ้นมาตั้งไว้ตรงหน้าฉันอีกเกือบสิบเล่ม แล้วบก.คนสวยก็กลับมาทิ้งสะโพกไว้กับเก้าอี้ตัวเดิม

“ถ้าไม่พอ อยากได้ตัวช่วยเสริมอย่างอื่น พี่มีให้อีกเพียบเลยนะอิงค์”

ฉันหุบตามองหนังสือกองโตตรงหน้า พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แล้วรีบโบกมือปฏิเสธทันที

“พอก่อนเถอะค่ะ กว่าจะอ่านหนังสือพวกนี้หมด อิงค์กลัวจะสำลักเลือดกำเดาก่อนจะลงมือเขียนจริง”

พูดอะไรผิดไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ พี่ปิ่นแก้วค้อนขวับในทันที แต่เธอก็หัวเราะคิกคักอารมณ์ดีเหมือนเคย

“แล้วพี่จะรออ่านต้นฉบับของเราละกัน”

เฮ้อ... ถอนใจรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ มือที่หนุนต่างหมอนจึงยกขึ้นมาก่ายหน้าผาก นี่หากยกเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผากได้ฉันคงทำไปแล้ว โจทย์ที่ได้มาจากบก.ยากไป หรือว่าฉันด้อยประสบการณ์ด้านนี้ก็ไม่รู้...