ตอนที่ 3
ภาวนากลับไปที่จักรยานของตัวเองและมุ่งหน้ากลับบ้าน อย่างน้อยวันนี้เธอก็มีเรื่องที่จะคุยกับพี่สาว และจะถามว่าพี่เค้กจะเอาอย่างไรกับพี่ตั้น และชีวิตของภาวินีในอนาคตต่อไป
ชนวีย์เดินกลับเข้ามาในไร่เรือนทอง ขณะที่กำลังเดินผ่านบริเวณกลุ่มคนงานที่กำลังนั่งสังสรรค์และเมาท์มอยเรื่องข่าวดีที่กำลังจะเกิดขึ้นในไร่แห่งนี้กันอย่างสนุก ทำให้เขาหยุดยืนฟัง
“เขาว่าสินสอดแพงเอาการนะหลานสาวของไร่เจ้าขา จะได้เป็นเจ้าของไร่ของเราตั้งครึ่งหนึ่งแน่ะ”
“โอ้โห....แบบนี้ก็เหมือนตกในถังข้าวสารนะสิ”
“ใครบอกถังเพชรถังเงินละไม่ว่า สบายไปทั้งชาติแหละ”
“ได้ข่าวว่า เจ้าสาวของคุณโหน่ง เธอสวยมากใช่ไหม”
“หยาดฟ้ามาดินเลยละเว้ยพวกแก เอาเป็นว่าในไร่เรา หรือในแถบ ๆ นี้ไม่มีใครสู้ได้”
“ก็เหมาะสมกันอยู่มั้ง เพราะฝ่ายนั้นก็เป็นหลานของเจ้าของไร่เจ้าขา จริง ๆ น่าจะรวยพอ ๆ กัน”
“แต่หลานห่าง ๆ นะ พ่อแม่ตายแล้วหรอก เลยเอามาเลี้ยง”
“จะเมาท์เรื่องของเขากันทำไม ยังไงก็โชคดีทั้งคู่นั่นแหละ เป็นข่าวดีออก คุณโหน่งจะได้ลงจากคาน แล้วคุณปู่ก็จะได้นอนตาหลับ”
“ที่นี่ไม่ค่อยมีงานมงคลแบบนี้เลย นานแล้วนะ”
“จริงเนอะ ได้เมาแปล้ ๆ กันงานนี้แหละ”
“แหม...นึกว่าคิดเรื่องอะไร วัน ๆ คิดแต่จะดื่มกินให้เมามายนี่แหละ”
“เอาแล้วค่ำมาจะให้ทำอะไร ถ้าไม่เมา ใช่ไหมพวกเรา”
เสียงเฮของบรรดาหนุ่มดังลั่น
“เดี๋ยวเถอะ...แม่จ๋าอย่าพูดมาก พ่อจะจับปล้ำโชว์เพื่อนซะตรงนี้”
เพล้ง.... เสียงสิ่งของบางอย่างกระทบลงบนจานที่กลางวงเหล้า ทุกคนพากันกระเจิง ก่อนจะมีเสียงหัวเราะกันครื้นเครง
ชนวีย์ที่ยืนฟังอยู่ห่างไม่นึกขำกับเรื่องราวที่กำลังรับรู้ได้ เขามีสีหน้าไม่พอใจเอามาก ๆ ชายหนุ่มกัดกรามตัวเองจนปูดนูนขึ้น เส้นตรงขมับก็ยกขึ้นจนเห็นได้ชัด สิ่งที่เขาได้ยินมันยิ่งทำให้เขาร้อนรุ่มเข้าไปอีก เขาเดินกระทืบเท้าปึง ๆ ไปด้วยความโมโห อารมณ์ไม่พอใจปะทุขึ้นมาในอกแทบระเบิด นึกไปถึงเจ้าของใบหน้าน้อย ๆ ที่เป็นดวงใจของเขาแล้วก็หัวเสีย
‘พี่ก็ไม่รู้ว่าเค้กคิดอะไรอยู่นะ’
ชายหนุ่มเปิดประตูห้องนอนเข้ามา เดินตรงไปที่เตียงนอน ก่อนจะล้มลงไปนอนเหยียดยาว หลับตา ยกมือขึ้นเกยหน้าผาก
ลำดวนมองหน้าลูกชายแบบงง ๆ เขากลับเข้ามาสภาพแบบหมดอาลัยตายอยาก เธอจึงละมือจากการพับผ้ากองใหญ่นั้น หันมาถามเขา
“ตั้นไปไหนมา จะกินข้าวไหมลูก แม่จะไปอุ่นแกงให้”
“ไม่กินแล้วแม่” น้ำเสียงที่แหบพร่าและแห้งแล้ง ในหัวใจมันรู้สึกห่อเหี่ยวไปหมด ที่เขาตั้งใจเรียน ที่เขาตั้งใจทำงาน เก็บเงินเก็บทองเพื่อใคร ถ้าทั้งหมดที่ทำไม่ใช่เพื่อเธอคนเดียว ‘ภาวินี’
“เป็นอะไรอีกล่ะ ก่อนหน้านี้แม่ก็ยังเห็นตั้นยังดี ๆ ไปไหนมา แล้วเป็นอะไร อารมณ์เสียเรื่องอะไร เล่าให้แม่ฟังสิตั้น....” นางถามลูกชายด้วยความเป็นห่วง
เขาไม่สนใจในเรื่องที่แม่กำลังคุยด้วย แต่กลับถามเพื่อจะเอาความจริงเรื่องอื่น
“แม่ สรุปแล้ว คุณโหน่งจะแต่งงานกับครีมจริง ๆ หรือครับ”
“ก็จริงนะสิ ในไร่เขาเตรียมจะเมากันแล้ว คุยกันสนุกทั้งวัน” แม่หัวเราะ
“วันไหน เดือนไหนละแม่ที่เขาจะจัดงาน” เขาลุกขึ้นนั่งเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ ใน หัวใจเร่าร้อนไปหมดแล้ว
“อีกสองอาทิตย์ เป็นไงเร็วไหม เนอะ...ไม่น่าเชื่อนะ ตกลงว่าจะแต่งงาน ก็จัดซะเร็วเชียว ฮา... ใจร้อนเอาตอนแก่ซะแล้วคุณโหน่งเนี่ย” นางหัวเราะแบบขำ ๆ
เมื่อได้คำตอบเช่นนั้น ตั้นก็หุนหันลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“อ้าว....ตั้น นั่นจะไปไหนอีกล่ะ ตั้น....” แม่ถามเสียงหลง งงกับพฤติกรรมของลูกชายตัวเองเป็นที่สุดตอนนี้
“จะไปไหน” แม่ตะโกนตามหลัง
ร่างสูงโปร่งของตั้นหลบตรงหลังต้นไม้ใหญ่ใกล้เรือนทรงไทยในไร่เจ้าขา
'เค้กอยู่ไหน' เขากำลังคิด สายตามองหาร่างของหญิงคนรัก ทันใดนั้น ภาวินีก็ปรากฏกายขึ้น เธอเพิ่งเดินกลับมาจากออฟฟิศของไร่ ก้าวขาเดินขึ้นบันได
'เค้ก...' สายตาคู่คมจ้องมองร่างของเธอที่กำลังเดินนวยนาดขึ้นไปบนเรือนด้วยสายตาเจ็บปวด
ชนวีย์สอดส่องมองไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นผู้ใด เขาจึงออกมาจากที่ซ่อน เดินตามหลังเธอขึ้นไปบนเรือนอย่างรวดเร็ว
แสงอาทิตย์ที่ลับลาขอบฟ้าไปแล้ว มีเพียงแสงจากโคมไฟประดับเล็กไม่กี่ดวงเป็นแสงสว่างนำทางเท่านั้น
ภาวินีก้าวขึ้นบนเรือนมุ่งตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง
หมับ...
"อุ้ย...!" ภาวินีอุทานออกมาด้วยความตกใจ แรงมือหนาที่บีบเต็มแรงเหมือนปรามไม่ให้เธอร้อง หญิงสาวหันมาหาพอเห็นว่าเป็นพี่ตั้น เธอก็ยกอีกมือขึ้นปิดปากตัวเอง เปิดตาออกกว้าง
"พี่ตั้น!" น้ำเสียงตกใจมาก ๆ ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่
"ใช่พี่เอง"
"พี่มาทำไมคะ"
"พี่ก็มาหาเค้กไง เราสองคนต้องคุยกันให้รู้เรื่อง" น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความไม่พอใจเอามาก ๆ บีบมือบนเนื้อแขนของเธอให้แรงกว่าเดิม
ภาวินีแสดงสีหน้าออกมาว่าเจ็บ และส่งมือขึ้นมาง้างเพื่อให้เขาปล่อยเธอ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เธอใจเต้นแรง หันไปมองรอบ ๆ ว่ามีใครอยู่แถว ๆ นี้หรือไม่
"เรื่องอะไรกันคะ"
คำตอบที่เขาให้กับเธอกลับไม่ใช่คำพูด แต่เป็นแรงมือที่บีบลงน้ำหนักเข้าไปอีก และกระชากร่างเล็ก ๆ เบา ๆ
"เค้กจะแต่งงานไม่ได้"
"พี่ตั้น...." เธอสีหน้าตกใจสุด ไม่คิดว่า ตั้นจะรู้เรื่องนี้เร็วขนาดนี้
เขาหายไปสองสามวันแล้วที่ไม่ได้คุยไม่ได้ติดต่อกัน จึงไม่ได้คุยกันเรื่องที่ตั้นพักร้อนแล้วกลับมาพักที่ไร่
ภาวินีหันหน้ามองไปรอบ ๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายฉุดข้อมือของพี่ตั้นให้เดินตาม มือน้อย ๆ ผลักเข้าประตูห้องนอนของตัวเองเข้าไป พลางดันตัวร่างใหญ่ของเขาให้เข้าไปในห้องนอนของเธอด้วย หญิงสาวชะโงกหน้าออกมามองข้างนอก เมื่อไม่เห็นใครก็รีบปิดประตูลงกลอน
"พี่ตั้นจะส่งเสียงดังไม่ได้นะคะ เดี๋ยวใครมาได้ยิน" เธอว่าเขาในทันที ชนวีย์ประชิดร่างพร้อมกอดรัดร่างของเค้กด้วยความรักและคิดถึง แต่ในท่าทีก็ยังขึ้งโกรธ
ฟอด...เขาหอมแก้มเธอแรง ๆ
หญิงสาวทำท่ายึกยัก พยายามใช้สองมือดันร่างหนาของเขาออก
"ทำไม พี่เป็นผัวของเค้กนะ" คำว่าผัวออกมาจากปากของเขา
"พี่... ตั้น" เค้กถึงกับน้ำตาคลอ
"หึ-หึ เค้กลืมเรื่องของเราแล้วเหรอ ทำไม ทำไมจะต้องแต่งงานกับคุณโหน่ง"
เธอโผเข้ากอดเขาเอาไว้แน่น ก่อนจะปล่อยโฮ ตั้นพลอยน้ำตาไหลไปด้วย ก่อนที่ทั้งสองจะกอดกันกลม
"เราหนีไปด้วยกันเถอะนะเค้ก พี่ทนไม่ได้หรอกที่จะให้เค้กแต่งงานกับคนอื่น"
"พี่ตั้น...ไม่ได้หรอกค่ะ เค้กทำแบบนั้นไม่ได้ มันต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ ค่ะ"
"ทำไม ทำไมจะไม่ได้ พี่จะไม่ปล่อยให้เมียของพี่ไปแต่งงานเป็นเมียของคนอื่นได้หรอก เค้ก...ทำไมเค้กทำแบบนี้ ทำไมไม่ปฏิเสธ ทำไม ฮึ...." เขาเขย่าร่างของเธอ สายตาของตั้นจับจ้องใบหน้าสวย ๆ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแบบไม่ลดละ น้ำเสียงของเขาช่างกระแทกกระทั้นเข้าไปในหัวใจของทั้งสองคน
"เค้กไม่อยากจะให้คุณตา และคุณป้าเสียใจ"
"หึ...แล้วพี่ละเค้ก" น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ก่อนจะทิ้งมือลงข้าง ๆ ลำตัว มองหน้าหญิงคนรักอย่างผิดหวังสุด ๆ น้ำตาลูกผู้ชายร่วงเผาะ
"เพราะเหตุผลอะไรกันแน่ หรือเค้กชอบพอกับคุณโหน่ง หรือว่าเป็นเพราะสินสอดทองหมั้น ฐานะร่ำรวยของไร่เรือนทองกันแน่ ใช่สิ...พี่มันคนไส้แห้ง พี่มันคนจน เป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย สมบัติทรัพย์สินก็ไม่มีที่จะให้เค้ก" เขาพร่ำเพ้อกับชะตาชีวิตของตัวเองที่เทียบหรือสู้กับพัสกรไม่ได้เลย
"ทำไมพี่ตั้นพูดแบบนี้คะ เค้กไม่ได้เป็นคนแบบนั้นสักหน่อย เค้กไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน"
"เหรอ หึ-หึ พี่เข้าใจผิดงั้นเหรอ สำหรับเค้กแล้วความรักของพี่มันไม่มีค่าหรอก ใช่ไหมเค้ก พี่มันก็แค่เด็กในไร่เรือนทอง เป็นลูกคนใช้ ไม่ได้เป็นเจ้าของไร่เหมือนคุณโหน่ง ศักดิ์ทรัพย์มันต่างกัน อุบ!..."
ฝ่ามือน้อย ๆ ของหญิงสาวยกขึ้นมาปิดปากของชนวีย์เอาไว้ทันที
"อย่าพูดแบบนี้ค่ะพี่ตั้น เค้กรักพี่"
สองคนจ้องสบตากัน น้ำตาของเค้กก็ยังไหลอาบสองแก้ม ร่างกายของเค้กสั่นไหว เธอกลั้นเสียงร้องจนสะอึกสะอื้น
"งั้นเราก็ต้องหนีไปด้วยกันนะเค้ก เค้กต้องหนีไปกับพี่ เราหนีไปใช้ชีวิตด้วยกันแค่สองคน" เขาจับมือของเธอส่งสายตาอ้อนวอน
"เค้กทำไม่ได้" ภาวินีส่ายหน้าปฏิเสธรัว ๆ
ชนวีย์ถึงกับทำหน้าเศร้า แววตาหม่นหมองลงยิ่งกว่าเดิม สกัดกลั้นอารมณ์ต่าง ๆ ที่กำลังปะทุขึ้น
"เค้กจะให้พี่ทนเห็นเมียของพี่ไปแต่งงานกับคนอื่นจริง ๆ เหรอ จิตใจของเค้กทำด้วยอะไร ลืมคำมั่นสัญญาที่เราสองคนเคยให้ไว้แก่กันแล้วเหรอ ไหนเค้กบอกพี่ว่าเค้กจะมีลูกกับพี่ เราจะสร้างครอบครัวเล็ก ๆ ของเรา เค้กลืมมันแล้วใช่ไหม" ชนวีย์ทวงคำมั่นสัญญาในครั้งเก่า
"ไม่" หญิงสาวสั่นหน้าใหญ่
"ก็ได้ ถ้าเค้กคิดว่าดีแล้ว ทำเพื่อคนในครอบครัวของเค้กไปก็แล้วกัน แต่จำเอาไว้เลยนะ เค้กจะไม่มีวันได้เห็นหน้าของพี่อีกต่อไปในชาตินี้" ตั้นทำท่าเหมือนจะเดินกลับ คำพูดเหมือนเป็นลางบอกกับคนรักว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ ตั้นสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเธอ หมุนตัวหันหลัง
ภาวินีโผเข้ากอดรัดเขาเอาไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบจะขาดใจ ชนวีย์ส่งสองแขนแกะอ้อมแขนน้อย ๆ ให้หลุดพ้นจากเรือนกายของเขา
“พี่รักเค้กมากแค่ไหน เค้กก็รู้ แต่วันนี้ สิ่งที่เค้กตัดสินใจ ทำให้พี่รู้ว่า พี่ไม่เคยมีค่าไม่เคยมีความหมายอะไรกับเค้กเลย พี่ผิดเองที่คิดไปเองทั้งหมด แล้วเรื่องราวดี ๆ ระหว่างเรา มันก็จะไม่มีอีกต่อไป ในเมื่อเค้กเลือกทางเดินของเค้กแล้ว พี่ลาก่อน”
