ร้อนหัวใจเจ้าสาววัยกระเตาะ

116.0K · จบแล้ว
คุณธิดา
50
บท
9.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ความรักต่างวัยของอาโหน่งกับหนูครีม ที่ได้ลงเอยกันด้วยเรื่องบังเอิญ เหมือนอุบัติเหตุรักที่ไม่อยากให้เกิด ลึกๆ ในความรู้สึกของหนูครีมแอบปลื้มผู้ชายที่ดูอบอุ่น หล่อ สมาร์ต แบบอาโหน่งอยู่แล้ว แต่การแต่งงานแบบคลุมถุงชนของสองปู่ที่อยากเห็นหลานของตัวเองเป็นฝั่งเป็นฝา อยากให้ได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน หนูครีมได้มาเป็นเจ้าสาวแทนเค้กพี่สาวของเธอที่หนีตามคนรักไป เรื่องราวของหัวใจที่ไม่อาจจะห้ามได้ มาติดตามเป็นกำลังใจให้กับหนุ่มใหญ่ กับสาววัยกระเตาะกันค่ะคำโปรย“รู้ไหมว่าการแต่งงานคืออะไร มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่ครีมหรือใครจะมาล้อเล่นกับอานะ แล้วครีมรู้ไหม ถ้าครีมเป็นเมียของอา ครีมต้องทำยังไงบ้าง” เขาถามเธอตรงๆ ชิดใบหน้าจนเกือบชน เด็กสาวได้แต่ก้มหน้างุดๆ แต่มันก็แทบจะแนบสนิทกับใบหน้าของเขา“ครีมเข้าใจความหมายที่อาโหน่งกำลังพูดถึงไหม ฮึ...” เขาถามอีกครั้ง พัสกรโกรธที่เธอไม่ตอบคำถามของเขา “ครีมพร้อมไหมที่จะเป็นเมียอา”โรมานซ์โรแมนติก18 โคแก่แอบรัก

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันพลิกชีวิตแต่งงานสายฟ้าแลบรักหวานๆดราม่าหนีแต่งงานโรแมนติก

ตอนที่ 1

ณ ไร่เจ้าขา

รถยนต์คันใหญ่แล่นเข้ามาในเขตของไร่ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มได้ยินไปทั่ว ตามถนนเห็นฝุ่นตลบตามหลังรถยนต์คันใหญ่นั้นเป็นทาง จนเด็กสาวที่ปั่นจักรยานอยู่ริมถนนต้องจอดแล้วยกเอาชายเสื้อขึ้นมาปิดบังใบหน้าและรูจมูกเพื่อไม่ให้สูดเอาฝุ่นเข้าไปในปอด

'รถคุ้นจังแฮะ' หญิงสาวนึกตาม ขยับแว่นตา มองตามตูดรถคันใหญ่นั้น

'รถอาโหน่ง' แววตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความดีใจ ขยับตัวรีบขึ้นคร่อมจักรยานสีชมพูเข้มของตัวเองแล้วปั่นออกตัวไปอย่างรวดเร็ว

เสียงฝีเท้าที่วิ่งตึงตังขึ้นไปบนเรือน ทำให้ผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกนั้นหันมามองเป็นตาเดียว

"หวัดดีค่ะ" เสียงเจื้อยแจ้วที่ส่งออกมาจากกลีบปากคู่บาง ภาวนารีบยกมือไหว้ คลานเข่าเข้าไปหาพวกผู้ใหญ่ที่นั่งหันมามองเธอกันหมด ปากสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้มออกมาตลอดเวลา สีหน้ายิ้มระรื่นเต็มไปด้วยความดีใจ

ป้าแววพี่สาวของแม่ ป้าแท้ ๆ ของหนูครีมหันมามองใบหน้าน้อย ๆ ด้วยสายตาตำหนิ แต่เด็กสาวไม่ได้สนใจรีบคลานผ่านหน้าคุณป้าเข้าไปหาคุณตาของเธอทันที

"ไปซนที่ไหนมาอีกล่ะ" ท่านถามด้วยความรักและเอ็นดูเด็กสาว ยกมือขึ้นลูบหัวหลานรักคนเล็กของบ้านเหมือนที่เคยทำทุกครั้ง

"คุณปู่พนัสหายไปนานเลยนะคะ คิดถึงจังเลยค่ะ" เธอรีบทักผู้เฒ่าชราเพื่อนรักของคุณตาด้วยความสนิทสนม

"โตเป็นสาวแล้วนะเรา แหม...เจอหน้าหนูครีมก็ทำปากหวานกับคนแก่ทุกทีแหละนะ" ปู่พนัสทักทาย

"ที่ไหนได้คะคุณพ่อ ยังนี้เขาเรียกซนยังกะลิง ยังวิ่งไล่เล่นงูกินหางกับเด็กท้ายสวนอยู่เลยค่ะ" ป้าแววเหน็บหลานรักขึ้นทันควัน

สายตาของเด็กสาวที่หันมองไปรอบ ๆ เหมือนสำรวจหาใครสักคน ท่าทางดูเลิ่กลั่ก ก่อนจะถามปู่พนัสขึ้น

"ใครมาส่งคุณปู่คะ ครีมเห็นรถของอาโหน่งจอดอยู่ใช่ไหม" แววตาเต็มไปด้วยความอยากรู้

"เรานี่ความจำดีไม่ใช่เล่นนะ ใช่แล้วรถของอาโหน่ง แต่ปู่ขับมาเองจ้ะ เพราะอาโหน่งเขาได้รถคันใหม่มาใช้แล้ว เลยยกคันนี้ให้ปู่ เห่อ ๆ...." ท่านหัวเราะ

หนูครีมทิ้งตัวนั่งลงไปแบบผิดหวัง เพราะเธออยากจะเห็นหน้าเขาใจจะขาด ไม่เจออาโหน่งตั้งนานแล้ว

"นึกว่าจะได้เจออาโหน่งเสียอีก" เธอพูดขึ้น แววตาหม่นลงไป

"โธ่... ยายหนูครีม ทีแรกเนี่ย ปู่คิดว่าหนูครีมจะคิดถึงปู่จริง ๆ เสียอีก ที่แท้ไปนึกถึงคนอื่นเสียนี่ เฮ้อ... คนแก่ชักน้อยใจซะแล้ว" ปู่สัพยอก

"แหม...คุณปู่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย แค่คิดว่าถ้าอาโหน่งมาจริง ๆ ครีมจะชวนไปขี่ม้าเล่นด้วยกันนะสิคะ เฮ้อ..." เด็กสาวทำหน้าเซ็งสุด ๆ

"อีกหน่อยขี้คร้านจะได้เห็นหน้าอาโหน่งกันบ่อย ๆ คงเจอกันทุกวันแล้วละ แต่จะพาอาโหน่งเขาไปซนกับเราเหมือนเดิมไม่ได้แล้วนะ" ตาเกชาพูดด้วยสีหน้าระรื่น

ครีมนั่งทำตาโตด้วยความสงสัย

"ยังไงคะ ทำไมต้องได้เจอกับคุณอาทุกวัน"

เธอมักเก็บอาการของความอยากรู้ไว้ไม่ได้จริง ๆ สงสัยในคำพูดของคุณตาจริง ๆ ยังไม่ทันที่จะมีใครตอบ ทุกคนก็หันไปมองหญิงสาวอีกคนที่กำลังเดินนวยนาดเข้ามาในห้อง ภาวินี พี่สาวคนเดียวของภาวนาได้เดินเข้ามา ท่าทางเหนื่อยหอบ เพราะเดินมาจากห้องทำงานส่วนกลางของไร่เจ้าขา

"มาแล้วค่ะ" ป้าแวว บอกกับทุกคนด้วยสีหน้าและแววตาดีใจ

ภาวินียกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกท่านก่อนจะนั่งลงด้วยสีหน้าเรียบเฉยกว่าปกติ จ้องมองคุณป้าที คุณตาที ก่อนจะจบลงสบสายตากับน้องสาว แต่ก็เลยไปมองใบหน้าของปู่พนัส

"ว่ายังไงหนูเค้ก" ปู่พนัสเรียกทันทีแบบเสียเวลา เพราะรอการมาของภาวินีอยู่แล้ว

เค้กเริ่มอึกอักพูดไม่ออก หันไปมองคุณตาเหมือนจะขอตัวช่วย

หนูครีมนั่งนิ่งเพราะอยากรู้ว่าที่ทุกคนมานั่งรวมกันอยู่ตรงนี้มีเรื่องอะไรกันแน่

คุณตาเกชารีบตบที่เบาะนั่งของท่านเบา กวักมือ ส่งเสียงเรียกให้ภาวินีเข้าไปนั่งใกล้ ๆ

"เค้ก ปู่พนัสเป็นเพื่อนรักกับตานะ ตากับปู่พนัสเราสองคนรักกันมาก และทุกอย่างตาคิดดีแล้วว่ามันจะต้องดีกับทุก ๆ คน หากเค้กได้แต่งงานกับโหน่ง ตาก็จะโล่งใจ หมดห่วงเค้กไปได้สักคน อีกอย่างมันต้องดีกับตัวเค้กเอง ตาเชื่อมั่นว่าโหน่งจะดูแลเค้กแทนตาได้"

หนูครีมถึงกับหน้าถอดสี เธอใจเต้นตึก ๆ กับเรื่องที่กำลังได้ยินได้ฟัง นั่งจ้องใบหน้าของพี่สาวแบบลุ้น ๆ

ภาวินีก็มีท่าทีต่างไป เธอมีใบหน้าซีดเผือด กลืนน้ำลายลงคอแบบฝืด ๆ อย่างเห็นได้ชัด

'ตาจะให้พี่เค้กแต่งงานกับอาโหน่ง เฮ้ย...มันคืออะไร"

หนูครีมคิดอยู่ในใจ เด็กสาวจ้องหน้าของพี่สาวเขม็งตาไม่กะพริบ อยากได้ยินด้วยหูของตัวเองว่า พี่เค้กจะตอบโอเคหรือไม่

"นี่ยายหนูครีมออกไปก่อนได้ไหม เร็ว ๆ ด้วย เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเด็ก"

ป้าแววออกปากไล่ พร้อมกับกระตุกชายเสื้อของเด็กสาวเบา ๆ เธอหันไปมองป้าด้วยใบหน้าที่ยังคงตกตะลึง คุณป้าชี้นิ้วไปที่เธออีกครั้ง ครีมขยับแขนยกนิ้วชี้ไปที่หน้าอกของตัวเอง

"เอ่อสิ...ใช่ ออกไปก่อน" ป้าไล่ พลางทำปากขมุบขมิบ ส่งสายตาดุ ๆ มาให้ด้วย

‘แต่หนูอยากนั่งฟังอยู่ด้วยนี่น่า’ เธอเถียงป้าอยู่ในใจ ภาวนาทำหน้าแบบเซ็ง ๆ ในใจไม่อยากออกไปเลยสักนิด แต่ขัดใจคุณป้าของเธอไม่ได้ หนูครีมหมุนตัวคลานถอยออกไปอย่างเชื่องช้า พอพ้นประตูก็หลบอยู่ตรงหลังประตูนั้นเพื่อแอบฟัง หูเนี่ยกางผึ่งด้วยความที่อยากรู้เต็มที่

ทั้งปู่พนัสและคุณตาพากันหันไปสนใจที่พี่เค้ก

"ว่ายังไงจ๊ะหนูเค้ก" ปู่พนัสถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เฮ้อ...” เค้กยังอึกอัก

"อาโหน่งเป็นคนดี ไม่มีด่างพร้อย ปู่พูดจริง ๆ ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับหนูเค้ก" รอยยิ้มของท่านเต็มไปด้วยความหวัง

"จะปฏิเสธได้ยังไงพนัสเอ๊ย เกลอได้ตกปากรับคำไปแล้ว ยังไงเราสองครอบครัวก็ต้องเป็นทองแผ่นเดียวกัน พลาดกันในรุ่นพ่อแม่ของเด็กสองคนนี้แล้ว ก็เอารุ่นหลานนี่แหละ เค้กคงจะอึ้งไปเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าจะมีวันดี ๆ แบบนี้นะสิ ใช่ไหมจ๊ะ...ฮึ..." คุณตาหันมามองหน้าหลานสาว เลิกคิ้วไปด้วย

"จริงนะ ฮา..." เสียงปู่พนัสหัวเราะร่า ทั้งสองผู้เฒ่าหันหน้ามามองกันแล้วหัวเราะประสานเสียงกับใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข

เค้กยังคงนั่งทำสีหน้าหนักใจกับเรื่องที่เธอต้องเผชิญ

ป้าแววขยับตัวเข้ามาใกล้ ๆ หลานสาว ก่อนจะยกมือขึ้นโอบกอดหลานสาวที่ไหล่

"สินสอดทองหมั้นไม่ต้องห่วงนะจ๊ะหนูเค้ก ปู่จัดให้เต็มที่ไม่มีอั้น ที่ดินของไร่เรือนทองครึ่งหนึ่งจะเป็นของหนู เมื่อแต่งปุ๊บ ปู่จะโอนเป็นชื่อหนูเค้กเลย เครื่องเพชรเครื่องพลอย ทองหยองของคุณย่าชุดใหญ่อีกสักชุดสองชุดนะ ฮา..." สีหน้าและน้ำเสียงของท่านดูจริงใจ

"ตกลงตามนี้นะ เอาแบบนี้แหละ แต่งให้เร็วที่สุด" คุณตาตบหัวเข่าตัวเองฉาดใหญ่ ตกปากรับคำเสียเอง เพื่อไม่ให้หลานสาวคนสวยได้ปฏิเสธ

หนูเค้กถึงกับนั่งหุบปาก ก้มหน้างุด ๆ มึนงงไปหมด เธอไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ

ป้าแววตบหลังของเธอเบา ๆ ยิ้มแก้มปริเมื่อได้ยินสินสอดทองหมั้นที่ทางฝ่ายนั้นจะให้หลานสาว แต่ที่แน่ ๆ ป้าดีใจที่จะเห็นเธอได้เป็นฝั่งเป็นฝา

ในห้องนั้น ได้ยินแต่เสียงสองผู้เฒ่า และป้าแววที่พูดหัวกันอย่างมีความสุข พี่เค้กนั่งเงียบไม่พูดไม่จา จนกระทั่งคุณป้าไล่ออกมาอีกคน

'ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องจริง ๆ แน่ ๆ เราฝันไป เรากำลังฝันไป..." ครีมนั่งหยิกเนื้อแขนและตบหน้าตัวเองอยู่ตรงนั้นเหมือนว่าเรื่องที่เธอกำลังรับรู้ไม่ใช่เรื่องจริง

ฝันสลาย ผู้ชายในดวงใจของหนูครีมกำลังจะกลายมาเป็นพี่เขยของเธอเสียแล้ว

ภาวินีเดินเร็วออกมาจากห้องรับแขก หน้าตาแดงก่ำ นัยน์ตาพร่าเต็มไปด้วยม่านน้ำตา หัวใจร้าวรานแทบแตกสลาย

"พี่เค้ก" น้องสาวส่งเสียงเรียกตามเมื่อเห็นพี่สาวเดินผ่านหน้า

ภาวินีเดินปรี่เข้าไปในห้องนอนของตัวเองซึ่งอยู่อีกปีกของเรือนไทยหลังใหญ่หลังนี้ ภาวนารีบลุกขึ้นแล้วเดินตามหลังพี่สาวไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเข้าไปในห้องของตัวเองได้ เค้กก็หมุนตัวมากระชากประตูหมายจะปิด มือของภาวนาก็ผลักเข้าไปอย่างแรง พี่สาวรีบสะบัดหน้าหนี ยกหลังมือขึ้นมาเช็ดหยาดน้ำตาที่กำลังไหลรินอาบสองแก้ม

"พี่เค้ก พี่เค้กเป็นอะไร" น้องสาวยิ่งตกใจเมื่อเห็นใบหน้าเต็ม ๆ ของพี่สาวที่เป็นแบบนั้น

"ครีม" เธอโผเข้ากอดน้องสาวเอาไว้แน่น

"ร้องไห้ทำไมจ๊ะพี่”

พี่สาวได้แต่ยืนส่ายหน้า แต่แววตากำลังดูวิตกเต็มที่

“พี่เค้กดีใจเหรอที่จะได้แต่งงานกับอาโหน่ง ที่ทั้งหล่อและก็ใจดีมาก ๆ ใช่ไหม ครีมเข้าใจถูกใช่ไหม" หนูครีมพูดไปตามที่เธอคิด พลางประคองพี่สาวให้ไปนั่งที่เตียงด้วยกัน

"โธ่เอ๊ย...ยายน้องโง่ พี่ไม่ได้รักอาโหน่ง จะให้พี่แต่งงานกับอาโหน่งได้ยังไง" พี่เค้กปริปากพูดกับภาวนา

“หา!” น้ำเสียงของน้องสาวเต็มไปด้วยความตกใจไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้

พี่สาวยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเองแรง ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ผมของน้องสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า

"แล้วทำไมพี่เค้กไม่ปฏิเสธบอกคุณตาและคุณปู่ไปค่ะว่า พี่ไม่อยากแต่งงานกับอาโหน่ง"

เค้กส่ายหน้า

"พี่ไม่กล้า พี่กลัวคุณตาเสียใจ" ภาวินีนั่งน้ำตาไหล

"งั้น ถ้าพี่เค้กไม่กล้า ครีมจะไปบอกคุณตากับคุณปู่เองค่ะว่าพี่เค้กไม่อยากแต่งงานกับอาโหน่ง”

“ไม่ได้” ภาวินีทำเสียงแข็ง

“ทำไมจะไม่ได้ จะมาบังคับกันได้ยังไงในเมื่อพี่ไม่อยากจะแต่ง เราก็ต้องพูดออกไปตรง ๆ”

“พี่ไม่อยากเห็นคุณตาเสียใจนะสิ และปู่พนัสก็ดีกับพวกเรามาก ๆ” พี่สาวให้เหตุผล

“พี่เค้ก”

ในแวบแรกครีมแอบดีใจ แต่เมื่อเห็นท่าของพี่สาวที่จะยอมแต่งงานกับอาโหน่งเธอก็ใจหวิว ๆ ทุกเรื่องจะต้องเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ แล้วความฝันของสาวน้อยอย่างเธอล่ะ ที่หลงรักอาโหน่งเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่มีวันได้ฝันแบบนั้นอีกแล้ว

“แล้วจะแต่งงานกันทั้งที เจ้าตัว อาโหน่งยังไม่เห็นมาพูดเองเลย แบบนี้อาโหน่งก็คงไม่ได้เต็มใจหรอกมั้ง อีกอย่างถ้าคนสองคนไม่รักกัน ทำไมต้องแต่งงานกันด้วย มันหมดยุคคลุมถุงชนแล้วนะคะ" ภาวนาทำขึ้นเสียงฟังดูฮึดฮัด ยกตัวขึ้น พี่สาวรีบคว้าเอาไว้

"อย่าครีม อย่าทำแบบนั้นเลย ไม่ได้หรอก พี่ทำไม่ได้ พี่ไม่อยากให้คุณตาผิดหวัง" ภาวินีน้ำตาไหล

"พี่เค้ก" เธอหันมามองใบหน้าของพี่สาวเต็ม ๆ ตา

"แล้ว...ยังไง พี่ก็จะแต่งงานกับอาโหน่งเหรอ" เธอโพล่งปากถามออกไป

พี่สาวพยักหน้าก่อนจะตอบ

"ใช่จ้ะ"

“พี่เค้กต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ”

เสี้ยววินาทีนั้น น้องสาวสีหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง นึกค้อนงอนพี่สาวขึ้นมาเสียดื้อ ๆ

"จริง ๆ ลึก ๆ พี่เค้กก็ชอบอาโหน่งใช่ไหม ชิ..." เธอทำเสียงขึ้นจมูก แล้วลุกเดินหนีออกมาจากห้องของเค้กอย่างรวดเร็ว

"ครีม มันไม่ใช่แบบนั้น" พี่สาวตะโกนตามหลัง

ปัง.... ภาวนาปิดประตูห้องเสียงดัง รู้สึกโกรธพี่สาว โกรธทุกคนไปหมด วันนี้มันช่างเป็นวันที่โหดร้ายจริง ๆ สำหรับเธอ

"ฮือ........" หนูครีมร้องไห้ขี้มูกโป่งวิ่งลงจากเรือนไป คร่อมจักรยานได้ก็ปั่น ๆ จนไปถึงที่กระท่อมท้ายไร่ที่เป็นที่สิงสถิตของเธอเกือบจะทุกวันตอนปิดเทอม เธอมักมานั่งอ่านหนังสือที่นี่ประจำ

"โธ่เว๊ย.....ทุกคนบ้ากันไปหมดแล้ว" หญิงสาวตะโกนเสียงดังลั่นเข้าป่าด้านหลังไปด้วยความโมโห ทิ้งตัวนั่งลงไปที่แคร่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้ากระท่อมนั้น