บท
ตั้งค่า

เข้าถ้ำเสือ

เวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง

รถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับรถเข้าไปใน ไร่ภาคสุวรรณ อันเป็นบ้านของพ่อเลี้ยงภาคตามที่แม่เลี้ยงได้บอกเอาไว้ โดยแจ้งพี่ยามที่หน้าประตูว่ามาขอพบพ่อเลี้ยงภาค คนคนนั้นยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครสักคนซึ่งเธอคาดเดาว่าน่าจะเป็นพ่อเลี้ยงภาคนั่นแหละก่อนที่เธอจะได้รับอนุญาตให้ขับเข้ามาตามเส้นทางที่ยามบอกเอาไว้ว่าจะไปถึงตัวบ้านของพ่อเลี้ยง

แรกนั้นพลอยพรรณอาสาจะขับรถมาส่งถึงที่แต่ภัทรวรรณไม่ยอม เธอไม่อยากมายืนฟังการเจรจาอะไรให้กระดากอายทั้งนั้น อยากมาแล้วก็ทำให้มันจบ ๆ กันไปก็พอ ดังนั้นแม่เลี้ยงจึงทำการโทรศัพท์หาเพื่อขอโทษขอโพยและแจ้งว่าจะส่งลูกสาวอีกคนมาแทนก่อน หากแพรดาวกลับมาจากทำงานจึงจะส่งเจ้าหล่อนมาให้ตามที่ได้ตกลงกันไว้

ก่อนมานั้นภัทรวรรณได้แวะซื้อเบียร์หนึ่งกระป๋องแล้วดื่มรวดเดียวจนหมดเพื่อย้อมใจให้ใจกล้าหน้าด้านขึ้นอีกด้วย

เธอขับรถไปตามทางลาดยางส่วนตัวที่สองข้างทางมีไฟทางโซลาเซลล์ให้ความสว่าง ไร่ภาคสุวรรณตั้งอยู่บนพื้นที่ราวห้าไร่ เมื่อขับเข้าไปก็พบโรงไม้อยู่ฝั่งซ้าย โรงประกอบเฟอร์นิเจอร์อยู่ฝั่งขวา มีรถบรรทุกสำหรับขนไม้จอดอยู่เกือบสิบคัน พื้นที่ที่เหลือนั้นมีต้นไม้ดอกไม้ผลที่รกครึ้มไปหมด

ก็ว่าตั้งใจมาดีแล้วแต่เธอก็อดใจเต้นแรงด้วยความประหม่าตื่นกลัวไม่ได้เมื่อเห็นว่าที่โรงไม้ยังมีคนงานผู้ชายเต็มอยู่ตรงนั้นราวสิบกว่าคน มีรถบรรทุกสามคันจอดอยู่และกำลังลำเลียงไม้ลง ด้านหน้าสุดมีรถกระบะโฟว์วีลสี่ประตูสีดำฝุ่นเขรอะจอดอยู่ตรงนั้นและผู้คนเหล่านั้นหันมามองเธอเป็นตาเดียว

หญิงสาวรีบบิดรถจักรยานยนต์ไปต่อให้สุดทางตามที่พี่ยามด้านหน้าได้บอกข้อมูลมาจนกระทั่งพบบ้านไม้สักทองชั้นเดียวยกพื้นหลังใหญ่ที่มีไม้ดอกไม้ประดับจัดสวนไว้ล้อมรอบอย่างสวยงาม

เธอจอดรถลงตรงนั้นก่อนที่หญิงวัยห้าสิบร่างท้วมจะเดินมาจากเรือนหลังเล็กน่ารักที่อยู่ด้านข้าง

“มาหาใครคะ” หญิงคนนั้นเอ่ยถามทันที

“เอ่อ... มาหาพ่อเลี้ยงภาคค่ะ นัดไว้แล้ว” ภัทรวรรณตะกุกตะกักตอบอย่างประหม่า คนคนนั้นพยักหน้ารับก่อนจะส่งยิ้มให้

“ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณขึ้นไปนั่งรอด้านบนก่อนเลยค่ะ”

ว่าพลางเดินนำเธอพาขึ้นไปรออยู่บนห้องรับแขกที่ตกแต่งเป็นแนวโมเดิร์นร่วมสมัยไว้อย่างสวยงาม จนกระทั่งตัวเธอที่แม้กำลังประหม่าหวั่นเกรงก็ยังอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้เพราะเข้าใจว่าบ้านไม้สักก็คงจะตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณแบบคนมีอายุชอบทำกัน แต่สำหรับบ้านหลังนี้ไม่ใช่เลย มันถูกออกแบบผสมผสานระหว่างอวดความงามของไม้สักและเฟอร์นิเจอร์บิวต์อินสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ชุดเซ็ตโซฟาสีเข้มที่วางอยู่บนพรมสีขาวตัดกันดีกับชุดโต๊ะ ตู้โชว์ เคาน์เตอร์บาร์ไม้สักสีโอ๊กที่ดูมีเสน่ห์สวยเก๋ไปอีกแบบบ่งบอกรสนิยมของเจ้าของ

“เชิญคุณนั่งรอก่อนที่โซฟาก่อนนะคะ พอดีพ่อเลี้ยงพึ่งกลับมาจากประมูลไม้ยังวุ่นอยู่กับคนงานที่โรงไม้ คุณรอประเดี๋ยวนะคะเดี๋ยวป้าจะไปเอาน้ำมาให้”

แม่บ้านพูดกับเธออย่างนอบน้อม ภัทรวรรณรับคำอย่างสุภาพเช่นกัน

“ขอบคุณค่ะป้า”

หายไปไม่นานแม่บ้านก็กลับมาพร้อมกับถาดบรรจุแก้วน้ำสองใบ ใบหนึ่งเป็นน้ำสีเหลืองอ่อนและอีกใบเป็นน้ำเปล่า

“น้ำเก็กฮวยใบเตยหวานน้อยหอม ๆ ค่ะ ป้าต้มเอง”

“ขอบคุณมากเลยค่ะ” เธอยกมือไหว้แล้วรับถาดนั้นมาวางบนโต๊ะ

“ป้าชื่อคำฟองนะคะเป็นแม่บ้านของที่นี่ ถ้าคุณมีอะไรก็เรียกป้าได้ ป้าพักอยู่เรือนคนใช้ตรงนี้” ป้าบอกก่อนทำท่าจะหมุนตัวเดินลงไปจากบ้านนั่นทำให้เธอรู้สึกประหม่ามากขึ้น ทั้งที่จริงแล้วการอยู่ของป้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมาหรอก

สุดท้ายถ้าอีตาพ่อเลี้ยงนั่นกลับมาก็ต้องเอาเธออยู่ดี !

“เดี๋ยวค่ะ !” ปากไวเท่าความคิด เธอร้องเรียกป้าทันที อีกฝ่ายหันกลับมา

“มีอะไรเหรอคะ”

“เอ่อ... คือ... ไม่มีอะไรค่ะ” อีกฝ่ายเดินเข้ามาหาแล้วลูบแขนเธอเบา ๆ พลางส่งยิ้มให้ราวกับรับรู้ได้ว่าหญิงสาวผู้นี้กำลังตื่นกลัวจนสุดขีด

“อยากให้ป้าอยู่เป็นเพื่อนคุณจนพ่อเลี้ยงมาไหมคะ”

“อยากค่ะ” เธอตอบออกไปตรง ๆ ยอมรับว่าโหยหาใครก็ได้สักคนมาช่วยลดทอนความกลัวของเธอลงไปได้บ้างและป้าคำฟองก็เป็นคนนั้นที่ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น อบอุ่นขึ้นราวญาติผู้ใหญ่

แต่ความอบอุ่นนั้นก็อยู่ด้วยได้เพียงไม่นานเพราะมีเสียงรถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามาก่อนจะจอดลงที่หน้าบ้าน

“พ่อเลี้ยงน่าจะมาแล้วค่ะ เดี๋ยวป้าไปดูก่อนนะคะ”

ป้าคำฟองเดินจากไปพร้อมกับหัวใจของเธอที่เต้นแรงขึ้นจนแทบจะทะลุออกมานอกหน้าอก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel