ร้อนร่านคั่นเวลา

47.0K · จบแล้ว
Xmaniac
37
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“แก้ผ้า” แม้จะทั้งตกใจและกระดากอายในคำสั่งนั้นแต่ก็กดข่มมันเอาไว้ วินาทีนี้ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขารับสินค้าชิ้นนี้ซึ่งก็คือเธอให้ได้เพราะนี่คือฟางเส้นสุดท้าย เธอเม้มปากแน่นเพื่อหยุดความสั่นเทาของกลีบปากจิ้มลิ้มเอาไว้ มือเล็กปลดชุดนักศึกษาปล่อยให้มันร่วงหล่นลงกองบนพื้น เหลือเพียงชุดชั้นในสีชมพูอ่อนที่ห่อหุ้มทรวงอวบกับเนินเนื้อสาวเอาไว้ ดวงตาดุดันยังคงจ้องมองด้วยความเรียบเฉยแล้วออกคำสั่งอีกครั้ง “ถอดให้หมด” พรึ่บ ! ผ้าชิ้นน้อยทั้งคู่ถูกเจ้าของเปลื้องออกแล้วทิ้งไปบนพื้น เปิดเปลือยเรือนร่างเปลือยเปล่านวลเนียนไร้ราคีที่ไม่เคยมีชายใดเคยแตะต้องต่อหน้าเขา ผู้ชายหน้าดุ ปากร้ายที่เธอต้องจับทำผัวให้ได้ในคืนนี้ ! “พ่อเลี้ยงจะไม่ลองดูสักหน่อยเหรอคะ” เธอรวบรวมสติก่อนจะเอ่ยเชื้อเชิญ เขากวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าจนเจ้าของเรือนร่างนั้นรู้สึกร้อนผ่าวไปทุกตารางนิ้วที่ถูกรัศมีสายนั้นโลมลูบแต่ก็พยายามทำใจกล้าหน้าด้านเอาไว้ “ถึงฉันไม่เป็นงานแต่ก็พร้อมจะเรียนรู้ เป็นคนหัวไวแถมยังว่าง่าย สัญญาจะเป็นเด็กดีของพ่อเลี้ยงอย่างที่สุดเลยค่ะ” ริมฝีปากเหยียดตรงภายใต้หนวดเครารกครึ้มยกยิ้มมุมปากข้างหนึ่ง อัดบุหรี่เข้าปอดแล้วพ่นควันออกมาโขมงใหญ่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันอาจจะไม่ได้ชอบเด็กดีก็ได้นะ” ก่อนจะขยี้บุหรี่ลงกับที่เขี่ยบุหรี่ หันไปหยิบบรั่นดีเทลงแก้วแล้วยกขึ้นดื่มด้วยทีท่าปกติราวไม่รู้สึกรู้สากับเรือนร่างเปลือยเปล่าสาวสดเบื้องหน้าแม้แต่น้อย แต่ที่เปลี่ยนไปคือแววตา จากความดุดันเรียบเฉยกลับกลายเป็นฉ่ำพราวเข้มข้นชนิดที่พอตวัดมองมาทำให้เธอรู้สึกครั่นคร้ามอย่างอธิบายไม่ได้

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบัน18+แบดบอย

แม่เลี้ยงลูกเลี้ยง

เพล้ง !

เสียงแตกของวัตถุบางอย่างดังขึ้นในบ้านสองชั้นท้ายซอยหลังหนึ่งเนื่องด้วยหญิงวัยสี่สิบห้าที่อยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียว หลังเดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่น ในมือถือโทรศัพท์มือถือแนบหูและกดโทรหาปลายสายผู้เป็นลูกสาวไม่ต่ำกว่าสิบรอบ

“โอ๊ย ทำไมติดต่อไม่ได้เลยวะเนี่ย นังแพรดาว นังลูกเฮงซวย !” กดโทรไปก็สบถด่าไปไม่หยุดหย่อน เปลี่ยนช่องทางโทรหาทุกทางก็ไม่สามารถติดต่อได้ทำให้ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้วปาแก้วลงพื้นจนแตกกระจายเพื่อระบายอารมณ์

ประตูหน้าบ้านถูกเปิดเข้ามาตอนนั้นตามด้วยเสียงอุทานด้วยความตกใจ

“เฮ้ย อะไรวะเนี่ย !?”

ก่อนที่หญิงสาวหน้าหวานผิวขาวร่างบอบบางในชุดนักศึกษาจะก้าวเดินเข้าผ่านประตูเข้ามา มือหนึ่งถือกระเป๋าใส่หนังสือที่ใช้เรียนในมหาวิทยาลัย ที่ไหล่ซ้ายสะพายเป้บรรจุชุดทำงานของร้านไอศกรีมแห่งหนึ่งที่เธอรับจ็อบพิเศษหลังเลิกเรียนเพื่อหาเงินมาจุนเจือตัวเอง

ภัทรวรรณ หรือภัทร คือชื่อของหญิงสาววัยยี่สิบผู้นี้

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะน้าพลอย”

เธอเอ่ยถามกับคนที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือพลอยพรรณหรือน้าพลอย ผู้เป็นแม่เลี้ยงเมื่อเห็นสภาพบ้านที่ราวกับพึ่งเกิดสงครามเช่นนั้น

“เอ่อ... อีพวกทวงหนี้นอกระบบน่ะ มันเข้ามาหาน้าในบ้านและบอกว่าพ่อเราเขาไปกู้ไว้ก่อนตาย” พลอยพรรณแต่งเรื่องขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน

“แน่ใจเหรอคะ” ภัทรวรรณถามอย่างแคลงใจพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งอย่างหมดเรี่ยวแรง

“แกอย่ามาใช้น้ำเสียงแบบนี้กับฉันนะยัยภัทร เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นก็เพราะพ่อของแกทั้งนั้น”

“พ่อเหรอคะ ภัทรรู้จักพ่อมาทั้งชีวิต ตั้งแต่แม่ตายตอนภัทรอยู่อนุบาลพ่อก็ตั้งใจทำงานและเลี้ยงดูภัทร ไม่เคยเป็นหนี้ไม่เคยข้องแวะกับการพนันหรืออะไรที่ไม่ดีเลย แล้วจู่ ๆ พอพ่อตายจะมีเจ้าหนี้โผล่มายังไง สรุปว่าหนี้นี้ใครก่อขึ้นกันแน่ พ่อหรือว่าน้าพลอย” เธอตวัดสายตาขึ้นมองแม่เลี้ยงที่แสดงอาการเลิ่กลั่กแต่ก็ทำเสียงดังกลบเกลื่อนทันที

“นี่แกกล้าดียังไงถึงได้ใส่ร้ายฉันแบบนี้ ก็ไม่ใช่เพราะแกอยากเข้าโรงเรียนเอกชนประจำหรอกเหรอพ่อถึงต้องดั้นด้นกู้หนี้ยืมสินมาส่งแกเรียน ไหนจะมหาลัยอีก”

“โรงเรียนมัธยมที่ภัทรเรียนรวมค่าหอค่าเทอมค่าอาหารซักรีดแค่เทอมละสองหมื่นโดยที่พ่อไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มอีกเลย ส่วนมหาลัยก็เรียนรัฐบาลค่าเทอมไม่ได้แพงมากและภัทรไม่เคยใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย ไม่เหมือนน้าพลอยกับพี่แพร”

เธอตัดสินใจพูดตรง ๆ ออกไปเพราะเท่าที่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันมาห้าหกปีก่อนพ่อตายทำให้รู้ดีถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายของทั้งแม่เลี้ยงและพี่สาวติดแม่มาอย่างแพรดาว

“หยุดเลยนะยัยภัทร ใช้หัวสมองคิดบ้างสิที่พี่สาวแกเขาต้องใช้เงินฟุ่มเฟือยก็เพราะงานของเขาที่เป็นพริตตีแถมยังต้องเดินสายประกวดตามเวทีล่ารางวัลมาจุนเจือครอบครัว ถ้าไม่สวย ไม่เริ่ดใครที่ไหนจะมามอง อย่ามากล่าวหากันแบบนี้ แทนที่จะช่วยกันคิดแก้ปัญหายังมาโทษโน่นโทษนี่”

ภัทรวรรณนิ่งเงียบ ถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า เงียบกันไปเนิ่นนานก่อนที่แม่เลี้ยงจะพูดขึ้น

“ถ้างั้นฉันจะขายบ้านหลังนี้แล้วเอาเงินที่เหลือไปใช้หนี้ จากนั้นค่อยแบ่งกัน” ประโยคนั้นทำให้ภัทรวรรณผุดลุกขึ้นยืนทันที

“ไม่ได้นะคะ บ้านหลังนี้เป็นสมบัติที่พ่อกับแม่ก่อร่างสร้างตัวด้วยกันมาและตอนนี้มันก็เป็นของภัทร น้าพลอยไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรทั้งนั้น”

“แกแน่ใจเหรอว่าฉันไม่มีสิทธิ์ ฉันเองก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียพ่อแกเช่นกันนะ จดทะเบียนสมรสด้วยเผื่อจะลืมไป ฉันก็มีสิทธิ์ในสมบัติของพ่อแกเหมือนกันแหละ”

“ภัทรไม่ยอมให้ขาย !” เธอยังยืนกรานคำเดิมด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวจนทำให้แม่เลี้ยงหวั่นเกรงอยู่บ้าง

ภัทรวรรณเป็นผู้หญิงหน้าหวานตัวเล็กบอบบางเรียบร้อย ก็จริงแต่พอถึงเวลาต้องสู้ต้องตัดสินใจอะไรเธอก็เด็ดขาดใช่เล่น

“เออใจเย็น ๆ ก่อนเถอะยัยภัทร ไม่ต้องเสียงดังขนาดนั้นหรอกน่า นั่งลงก่อนเดี๋ยวชาวบ้านชาวช่องเขาได้ยินจะแตกตื่น”

พลอยพรรณว่าพลางเดินไปกดไหล่คนเป็นลูกเลี้ยงนั่งลงไปที่เก้าอี้ตามเดิมพร้อมกับถอนใจออกมาเฮือกใหญ่

“จริง ๆ แล้วน้าก็หาทางแก้ไขเรื่องนี้อยู่ไม่อยากให้เดือดร้อนถึงหนูแล้วก็บ้านหลังนี้ น้ารู้ว่าพ่อกับแม่ของหนูช่วยกันทำงานเก็บเงินจนซื้อบ้านหลังนี้ได้และมันมีค่าแค่ไหน แต่ภัทรก็ต้องเข้าใจนะว่าระยะหลังช่วงที่พ่อป่วยเป็นมะเร็งน่ะเรามีค่าใช้จ่ายในการรักษาเยอะทีเดียว”

“พ่อใช้สิทธิ์ข้าราชการเบิกจ่ายค่ารักษาได้ทุกบาททุกสตางค์”

“แต่อย่างอื่นล่ะภัทร ค่าเดินทางค่ากินค่าอยู่ไหนจะอาหารเสริมที่ซื้อมาให้กิน อาหารปกติที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากอีกเล่ามันไม่พอหรอกภัทร น้าเองก็ขาดรายได้เพราะต้องอยู่เฝ้าพ่อเราตลอด ทีนี้เงินทองในบ้านเราก็ร่อยหรอลงนั่นทำให้พ่อไปกู้มาเพิ่มก็ต้องเผื่อค่าเล่าเรียนของภัทรด้วยนั่นแหละ”