พ่อเลี้ยงภาค
“เคยเห็นนามสกุลแต่ไม่เคยเห็นตัวหรอกค่ะ ทำไมภัทรจะต้องไปเคยเห็นเขา”
“ก็เขาถูกเชิญไปงานนั่นนี่บ่อย ได้เปิดงาน ได้ขึ้นไปกล่าวนั่นนี่”
“ไม่ได้สนใจค่ะ” เธอพูดตัดบทดื้อ ๆ
“หล่อเชียวล่ะ รูปร่างดีคมคาย ตอนแรกน้าคุยกับยัยแพรแล้วมันก็บอกว่าโอเค ๆ แต่ตอนนี้ไม่รู้ยังไงติดต่อไม่ได้ไปแล้วเนี่ย ไม่รู้หายหัวไปทางไหนกับใคร จริง ๆ ต้องไปหาเสี่ยตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ได้ไปไง ลูกน้องเสี่ยก็เลยมาอาละวาดจนบ้านจะพังแบบนี้”
“แล้วพี่แพรจะไปไหนได้ล่ะคะ ก่อนออกจากบ้านได้บอกไหมว่าจะไปไหน”
“ไม่ได้บอกหรอก แกก็รู้ว่าเวลาพี่เขาไปทำงานบางทีก็ไปต่างจังหวัดหายไปทีเป็นสัปดาห์”
หรือบางทีก็หายไปกับเสี่ยคนไหนสักคน ไปดื่มไปกินแล้วอัพภาพลงโซเชียลว่าร่ำรวย ใช้ชีวิตหรูหรา ภัทรวรรณรู้จักนิสัยของแพรดาวดี อาจจะดีกว่าคนเป็นแม่ด้วยซ้ำไป
“แล้วต้องทำยังไงล่ะทีนี้”
“น้าก็มืดแปดด้านอยู่นี่แหละ สมบัติพัสถานอะไรก็ไม่มีจะเหลือก็แต่บ้านหลังนี้ซึ่งก็บอกไปแล้วว่าน้าเองก็ไม่อยากเสียไปเช่นเดียวกัน แต่ถ้าไม่มีใครไปขัดดอกตามสัญญาภายในวันนี้ พ่อเลี้ยงเอาบ้านหลังนี้ไปแน่”
“บ้านเมืองมีขื่อมีแปจะมาเอากันง่าย ๆ แบบนี้ได้ไงคะ”
“บางทีขื่อแปมันก็สู้กับอำนาจไม่ได้หรอกนะ”
นั่นทำให้ภัทรวรรณนั่งอึ้ง มืดแปดด้านไปหมดแล้ว หรือว่าสุดท้ายเธอต้องปล่อยบ้านหลังนี้ไปแล้วจริง ๆ คิดดังนั้นก็อดที่จะน้ำตาคลอเบ้าไม่ได้
เงียบงันกันไปทั้งคู่จนสุดท้ายเป็นแม่เลี้ยงที่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“น้าว่าเรายังมีทางออกหนึ่งอยู่” นั่นทำให้ภัทรวรรณเงยหน้ามามองอย่างมีความหวัง
“อะไรคะ”
“ตัวภัทรไง”
“หมายความว่าไง”
“ภัทรเองก็สวยน่ารัก น้าว่าพ่อเลี้ยงเองก็คง... พอใจถ้าภัทรจะไปเป็นตัวแทนคั่นเวลาในช่วงที่ยัยแพรยังไม่กลับมา”
พลอยพรรณอ้อมแอ้มพูดหวั่นเกรงว่าลูกเลี้ยงจะอาละวาด แต่ก็อยากลองเสี่ยงโยนหินถามทางดู
หากปฏิกิริยาของภัทรวรรณนั้นกลับไม่เป็นเช่นที่คิด เธอนิ่งงันไปครู่ใหญ่เลยทีเดียวก่อนจะเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวโดยที่ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
นั่นทำให้แม่เลี้ยงยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ถึงไม่ได้เลี้ยงมาแต่ก็พอรู้นิสัยลูกเลี้ยงคนนี้ ถ้าไม่พอใจเธอจะปะฉะดะทันทีไม่มีถอย แต่ถ้าเงียบแบบนี้ล่ะก็พอมีลุ้นแน่ ๆ ว่าหนี้สินก้อนนี้พอจะมีทางออกแล้ว
“ภัทรจะเอายังไงก็บอกน้าด้วยนะ น้าจะได้หาทางออกอย่างอื่นได้ทัน”
ตะโกนไล่หลังทิ้งท้ายหย่อนระเบิดเพื่อจี้จุดอีกฝ่ายก่อนจะหยิบไม้กวาดกับที่ตักขยะมาจัดการสิ่งที่ตัวเองทำกระจุยกระจายเต็มบ้านแล้วโยนความผิดให้ไอ้พวกทวงหนี้ หลังจากนั้นออกจากบ้านไปซื้อแกงถุงที่ตลาดมาแกะใส่ชามวางไว้บนโต๊ะอาหารก่อนจะเดินไปเคาะห้องของลูกเลี้ยง
“ยัยภัทรออกมากินข้าวก่อนเถอะ น้าออกไปซื้อแกงร้านยายเสงี่ยมเจ้าอร่อยมา มีแกงเทโพ ผัดเผ็ดปลาดุก มีไข่ลูกเขยของโปรดภัทรด้วยนะ ว้าย !”
ท้ายประโยคพลอยพรรณต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อประตูถูกเปิดพรวดออกมาโดยเจ้าของห้อง
“อะไรกันยัยภัทร น้าตกใจหมด จู่ ๆ ก็เปิดพรวดออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย” บ่นพลางยกมือขึ้นทาบอกแต่ในขณะเดียวกันก็มองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ
“แล้วนี่แต่งหน้าแต่งตาจะไปไหน เห็นหายเงียบมานานนึกว่าจะอาบน้ำอาบท่าแล้ว ทำไมยังอยู่ในชุดนักศึกษาอีก”
“ภัทรจะไปหาพ่อเลี้ยงภาคแทนพี่แพร”
ภัทรวรรณตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่ถ้าสังเกตดี ๆ ดวงตากลมโตนั้นมันแดงช้ำเล็กน้อยจากการร่ำไห้มาประมาณหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเช่นนี้
“ขอบใจมากเลยภัทร ขอบใจมากเลยที่หนูเป็นเด็กดีเสียสละตัวเองแบบนี้ พ่อกับแม่ของหนูจะต้องภูมิใจแน่ ๆ ที่หนูรักษาบ้านหลังนี้ไว้ได้”
“ไม่ต้องพูดมากหรอกค่ะ” เธอตัดบทด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“จริง ๆ ภัทรอาบน้ำแล้วค่ะแต่ที่ต้องสวมชุดนักศึกษาก็เพราะคิดว่ามันอาจจะเร้าใจไอ้พวกหัวงู ภัทรไม่ได้สวยขาวอึ๋มน่าฟัดแบบพี่แพรก็เลยต้องหาจุดขายให้ตัวเอง”
“ใครบอกกันล่ะ ภัทรเองน่ะสวยใช่เล่นเลยนะแค่ไม่ค่อยแต่งตัว น้าคิดว่าพ่อเลี้ยงภาคเห็นแล้วจะต้องตะลึงไปเลย แต่ว่าภัทรไม่ต้องกลัวเลยนะ พ่อเลี้ยงเขายังหนุ่มยังแน่นอายุไม่น่าจะเกินสี่สิบหรอก ทั้งหล่อทั้งหน้าตาดีแถมยังรวยสะบัด อ้อน ๆ หน่อยก็น่าจะได้เงินทองติดไม้ติดมือมาใช้สอย”
“ถ้าเขาดีขนาดนั้นทำไมน้าพลอยไม่ไปเองล่ะคะ”
“แหม ดูพูดเขาสิยัยภัทร ถ้าเขาเอาน้าก็ไปนานแล้วสิ”
พูดก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าถูกลูกเลี้ยงจ้องเขม็งด้วยสายตาไม่พอใจทำให้ต้องรีบกลบเกลื่อน
“น้าล่อเล่นน่า ว่าแต่ไปกินข้าวก่อนสิลูก นี่ก็เย็นมากแล้วยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“ภัทรกินไม่ลงหรอกค่ะ” เธอตอบก่อนจะสูดลมหายใจลึก ๆ เข้าปอดราวกับกำลังรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยประโยคนั้นออกมา
“ภัทรจะไปพบพ่อเลี้ยงภาค !”
