05 | ลูกไก่ในกำมือ
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะไม่ได้ถามชื่อพวกเขา…”พวกเขา! หมายความว่าไม่ใช่คนเดียวน่ะเหรอ ให้ตายเถอะน่าหงุดหงิดชะมัดแต่ก็สมควรอยู่หรอกที่จะมีคนมองสาวน้อยคนนี้ น่ารักไม่ยังไม่พอ ผิวยังขาวอย่างกับหยวกกล้วยอีก
“เฮ้อ~ ทานอะไรมาหรือยัง”รามสูรตัดสินใจผละห่างจากร่างกายของเธอ ก่อนที่หญิงสาวจะกระถดกายจนชิดกับพนักพิงแขนโซฟาเช่นกัน
“ยังค่ะเมื่อเช้ากำลังจะกิน เห็นข้อความในโทรศัพท์ของน้องลูกของคุณ คนดีเลยรีบมาที่นี่!”ดูสิถึงว่าตัวถึงได้เล็กนิดเดียว น้ำหนักคงจะไม่เกินห้าสิบกิโลกรัมแน่เลย
“แล้วทำไมไม่กิน?”
“สนิทกันมากเหรอคะถึงชอบตะคอกกันแบบนี้!!”อะไรกัน! เอะอะก็ว่าเอะอะก็ตะคอก คนเราไม่ได้มีความอดทนสูงพอนะ แล้วเกิดมาเธอเองก็ไม่เคยพูดจารุนแรงแบบนี้กับใครมาก่อน เพราะผู้ชายที่ชื่อรามสูรทำให้เธอเหลือทนในอารมณ์ของเขาแล้วเช่นกัน
“ฉันมีสิทธิ์ในตัวเธอ!”
“ไม่มีใครมีสิทธิ์ในตัวคนดีค่ะ! ชีวิตของใครของมัน…”เด็กน้อยสำหรับรามสูรขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม ปากบางบุ้ยอย่างพูดเอาจริงเอาจัง
“หึ!!...”อีกไม่นานหรอกเธอจะเป็นของฉันทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวหรือหัวใจ เธอเข้ามาสะกดเขาจนแทบละล่ำละลักจับเจ้าหล่อนปล้ำเสียตอนนี้เลย
“ไม่ไปเรียนหรือไงกัน นี่มันกี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว”
“เข้าไม่ทันแล้วล่ะคะ เพราะคนดีกลัวว่าเฮียมาดแมนจะโดนลูกน้องคุณซ้อมเลยมาที่นี่”
“แล้วเธอไม่กลัวฉันซ้อม เอ๊ย…กลัวฉันหรือไงกัน”รามสูรจงใจพูดจากำกวมสองแง่สองง่ามราวกับกำลังต้อนแม่กวางน้อยเนื้อแสนหวานให้ติดกับดักของเขา
“กลัวเฮียมาดแมนเจ็บกว่าค่ะ ขอบคุณคุณมากๆ นะคะคนดีสัญญาจะหาเงินสองแสนมาคืนคุณให้เร็วที่สุด”ตัวแค่นี้จะหาเงินมากมายจากที่ไหนมาใช้เขากันนะ รามสูรยิ้มอย่างกระหยิ่มในใจก่อนจะขโมยหอมแก้มเจ้าหล่อนฟอดใหญ่อย่างอดใจไม่ไหว
ฟอด~
“อื้อ…”ชนารดีค้อนเขาตาเขียวปัดฉุนเฉียวคนฉวยโอกาส ทว่าชายหนุ่มกลับยักคิ้วใส่เธออย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับการกระทำของตัวเอง
“อย่าทำตัวน่ารักบ่อยๆ นะ เจ้าหนี้อย่างฉันไม่ได้ใจดีหรือปรานีผู้หญิงตัวเล็กอย่างเธอแน่แม่หนูคนดี”ถ้อยคำของรามสูรทำให้ชนารดีเอียงหน้าไปมาอย่างสงสัยในความหมายที่เขาวกไปวนมาจนงงงวยไปหมด
“หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”สองมือพนมยกขึ้นไหว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะกุมมันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย มิหนำซ้ำยิ่งเธออยากจะชักมือทั้งสองข้างกลับมาเขาก็เพิ่มแรงบีบมันแน่นขึ้นอีกเท่าตัว
“ถ้าทำงานหาเงินแล้วมันเหนื่อย มานอนเมื่อยบนเตียงฉันสักสองสามวันนะหนี้จะได้หมด”เสียงทุ้มอันทรงเสน่ห์กระซิบที่ข้างกกหูทั้งที่หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบ ฟันคมขบลงตรงติ่งหูอย่างเบาๆ จนเธอขนลุกซู่
“งื้อ…”ทันทีที่หลุดพ้นจากสถานการณ์เมื่อครู่มาได้ ร่างบางก็คว้ากระเป๋านักเรียนที่ตนวางไว้ข้างประตูทางเข้าวิ่งออกจากห้องนี้ไปโดยยังมีสายตาคมมองเธอจนประตูปิดลงดัง ปัง!
“ฉันเจอเธอแล้วแม่กวางเนื้อหวานของฉัน”
ชนารดีเดินตามไหล่ทางท้องถนนของรถที่กำลังสวนกันไปมา โทรศัพท์ในมือกำแน่นเธอหวังว่าขอให้มีข้อความของผู้เป็นพ่อเข้ามาบ้าง ตอนนี้เงินที่มีในบัญชีมันเกือบจะกลายเป็นเศษเงินไปแล้ว
“อยากกลับบ้าน อึก…ไม่อยู่แล้วเมืองกรุง”เสียงหวานบ่นพึมพำพลันน้ำตาก็เอ่อคลอ เธอไม่อยากเข้ามาเรียนในเมืองกรุงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“รู้ไหมคะว่าคนดีคิดถึงพ่อกับแม่มากแค่ไหน”ร่างเล็กทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้สาธารณะ ธุรกิจของบ้านเธอกำลังล้มละลายหรือเปล่านะ ทำไมช่วงนี้ไม่มีใครติดต่อหรือเป็นห่วงเป็นใยเหมือนเมื่อก่อนเลย
ตี้ด~
‘คุณพ่อ’ชื่อที่โชว์บนหน้าจอสมาร์ทโฟนตัวใหม่ล่าสุดทำให้เธอกดรับสายอย่างว่องไว
“พ่อขา~ คนดีกำลังคิดถึง”เสียงหวานดังเจื้อยแจ้วกลอกเสียงไปตามปลายสายคนผู้เป็นพ่อต้องยิ้มตาม
‘พ่อก็คิดถึง ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างลูก’
“ก็สบายดีค่ะ นี่ก็นอนอยู่คอนโดไม่ได้ไปเรียนปวดหัวนิดหน่อยค่ะ”ชนารดีโกหกเพราะไม่อยากให้ท่านรับรู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะพี่ชายของเธอเสียพนันบอล
‘พ่อแค่จะโทรมาบอกว่า เงินน่ะพ่อจะโอนให้สี่หมื่นนะแล้วอีกนานเลยกว่าจะหาได้อีก บอกมาดแมนด้วยนะว่าธุรกิจบ้านเรากำลังแย่อย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย’
“ทะ…ทำไมล่ะคะ”ถ้าคำว่ากำลังแย่นั่นคือมันแน่นอนว่ามันไม่มีผลดีเลย หัวใจดวงน้อยเต้นตุบตับอย่างตื่นกลัวว่าทุกอย่างมันจะรุนแรงถึงขั้นทำให้พ่อกับแม่ต้องเครียดและกังวล
‘ไร่ชาของเรากำลังล้มละลาย’จากที่กำเครื่องมือสื่อสารไว้แน่นกลับกลายเป็นว่าสมาร์ทโฟนราคาแพงหล่นลงพื้น ก่อนที่ชนารดีจะหลับตาแน่นไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไป กำลังล้มละลายอย่างนั้นเหรอไร่ชาสี่ร้อยไร่หากตีเป็นเงินตราล้มละลายกี่ร้อยล้านกันล่ะ
-------------------------------
