บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 รักหยก ถนอมบุปผา

ดวงตาที่พร่าเลือนของจ้าวจางหลี มองเห็นต้นหญ้าน้อยใหญ่ที่กำลังถูกฝีเท้าอาชาเหยียบย่ำ ก่อนที่นางจะหลับดวงตาลงเพราะความเร็วของอาชาที่พุ่งทะยานออกไปทำให้นางรู้สึกตาลายไปกับภาพที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง ทำให้นางรู้สึกพะอืดพะอมไม่น้อย เพราะศีรษะที่ห้อยลงมาจากลำตัวของม้า

“ทะ...ท่าน...โหดร้ายยิ่งนัก”

เสียงแหบแห้งที่พึมพำออกมานั้นบางเบาเสียยิ่งกว่าสายลม ด้วยแรงที่ย่ำเหยาะฝีเท้าทำให้ร่างกายของนางกระแทกไปกับอานม้าจนร้าวระบม

ใบหน้าคมคายของไป๋เจิ้งหยางยังคงเรียบเฉยราวกับหินผาที่ไม่เคยไหวสะท้าน บรรยากาศในยามนี้นั้นเงียบสงบ และใกล้ยามรุ่งสางเข้าไปทุกที ท้องฟ้าอันมืดมิดกำลังสับเปลี่ยนกับแสงสีทองแห่งยามอรุณรุ่ง อาชาของเขากระโจนผ่านป่ารกทึบ ท่ามกลางแสงของดวงอาทิตย์ที่เริ่มจะสาดส่องลงมา จนเกิดเงาของต้นไม้ที่สาดร่มเงาลงบนพื้นดิน

เขาควบอาชาออกไปเบื้องหน้าอย่างมั่นคง เป้าหมายของเขาคือลำธารที่อยู่ท่ามกลางผืนป่า หน้าที่ของเขาเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ทว่ากบฏซานหูที่เขาปราบปรามในวันนี้เป็นเพียงกลุ่มย่อยเท่านั้น ตัวการใหญ่ที่เป็นภัยแก่ราชสำนักยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ

เสียงของนางยังแผ่วเบา แต่ทว่าเขากลับไม่ได้สนใจที่จะฟังเสียงเล็ก ๆ นั้น ร่างสูงใหญ่ของเขากระโดดลงจากอาชาในทันทีที่เดินทางมาถึงยังลำธารที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะผูกอาชาคู่ใจเอาไว้กับต้นไม้ใหญ่

อั่ก

ฝ่ามือใหญ่จับสาบเสื้อของนางไปพร้อมกับการเหวี่ยงร่างบางลงมายังพื้นดินใกล้กับลำธารอย่างไร้ความปรานี เสียงแผ่นหลังที่กระทบพื้นดินส่งเสียงดังลั่น

ไป๋เจิ้งหยางนั่งลงบนโขดหินขนาดใหญ่ เพียงครู่หนึ่งเขาก็ปรายดวงตามองไปยังสตรีที่นั่งหน้างออยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"ล้างหน้าล้างตาเสียหน่อยเถอะ"

ดวงตาคมคายดุจเหยี่ยวสายพันธุ์ดีมองไปยังนางด้วยสายตาที่จับจ้อง แววตาที่เลื่อนลอยของนางก่อนหน้าดูเหมือนว่าจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง เห็นทียาที่เรือนร้อยบุปผาคงจะเป็นเพียงยาที่ช่วยมอมเมานางเท่านั้น หรือไม่ก็เป็นยาปลุกกำหนัดชนิดที่ไม่รุนแรง

จ้าวจางหลีไม่ตอบสนองต่อเสียงของเขาที่ดังอย่างน่ารำคาญ นางลูบฝ่ามือไปตามลำตัวด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง นั่นเป็นเพราะความเจ็บปวดจากการกระทำที่รุนแรงของเขา

ความร้อนรุ่มยังไหลเวียนอยู่ภายในกายของนาง แต่ทว่าอาการมึนเบลอนั้นเริ่มเลือนราง แต่ความต้องการบางอย่างยังคงหลงเหลืออยู่ จ้าวจางหลีพุ่งกระโจนใส่เขาด้วยความลืมตัว ฝ่ามือทั้งสองข้างของนางถูกยื่นออกไปเบื้องหน้า นางใช้ดวงตาจ้องมองใบหน้าของเขาอยู่นาน

ก่อนหน้านี้เพราะฤทธิ์ยารุนแรง ทั้งสติและดวงตาของนางล้วนแต่พร่าเบลอจนมองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าไม่ชัดเจน แต่ทว่าตอนนี้ นางกลับจับจ้องไปที่ใบหน้าของเขาอย่างไม่คิดจะกระพริบตา

บุรุษเบื้องหน้าของนางอยู่ในอาภรณ์คุณชายที่งดงามสีกรมท่า เรือนผมสีเข้มของเขาถูกเกล้ารวบครึ่งศีรษะแล้วสวมด้วยกวานทองคำหรูหรา ส่วนเรือนผมที่เหลือยาวคลอเคลียไปกับแผ่นหลัง

ใบหน้าของเขาเรียวยาวได้รูปนั้นงามดุจดั่งหยกปั้น คิ้วทรงดาบเรียวยาวและดกดำ ดวงตาของเขางดงามไม่ต่างไปจากดวงตาของเหยี่ยวที่ทั้งเฉี่ยวและคมคาย นัยน์ตาที่สะท้อนนั้นแวววาวประหนึ่งดวงดาวที่เจิดจ้าอยู่ท่ามกลางท้องนภาในยามค่ำคืน แพขนตาของเขาหนางอนงามส่งให้ดวงตาคู่นั้นดูหวานและอ่อนโยนเป็นครั้งคราว จมูกโด่งเป็นสันคม ริมฝีปากหยักมีสีแดงระเรื่อสุขภาพดี แนวเส้นกรามชัดเจนจนน่าลูบไล้

ผิวพรรณของเขาขาวเนียนราวกับหยกมันแพะ ลำคอและแผ่นหลังตั้งตรงอย่างผึ่งผาย ไหล่กว้างน่าแอบอิง ฝ่ามือเล็กค่อย ๆ ลากเลื่อนจากดวงหน้าที่งดงามราวกับฟ้าประทานของเขาลงมาตามลำคอและแผงอกที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ จนทะลุผ่านอาภรณ์ออกมา

“ละ...หล่อเหลายิ่งนัก”

เสียงที่แหบแห้งเพราะขาดน้ำมาเป็นเวลานานตะกุกตะกักเมื่อเห็นรูปลักษณ์ของเขาอย่างชัดเจน ดวงตาและท่าทางของนางในยามนี้เป็นเหมือนกับดอกไม้ที่กำลังบานไปกับรูปงามของบุรุษ

ความหล่อเหลาของเขาเป็นตัวกระตุ้นฤทธิ์ยาภายในกายให้ออกฤทธิ์อีกครั้ง ความเจ็บปวดก่อนหน้าจางหายไปในทันที ฝ่ามือน้อยสอดขยำเข้าไปในเรือนผมของเขา และจ้องมองสบตาด้วยความอ้อยอิ่ง ใบหน้าเล็กเอียงองศาที่พอเหมาะก่อนจะขยับเข้าไปใกล้กับริมฝีปากที่งดงามของเขาอย่างช้า ๆ

ไป๋เจิ้งหยางนิ่งเกร็ง ราวกับว่าเขาได้ถูกสะกดด้วยนัยน์ตาที่เขารู้สึกคุ้นเคยคู่นั้น ก่อนที่เขาจะตั้งสติและส่งรอยยิ้มเย็นยะเยือกไปยังนางอย่างไร้ความรู้สึก การขจัดอารมณ์เป็นสิ่งที่เขาถนัดเสียยิ่งนัก

สีหน้าของเขาที่แสดงอารมณ์ออกมานั้นดูห่างไกลจากคำว่าเมตตา การกระทำของนางในยามนี้ไม่ทำให้เขารู้สึกตื่นตะลึงอีกต่อไป แม้แต่ในขณะที่นางกำลังจะจูบเขาด้วยสายตาที่เย้ายวน

"เห็นทีฤทธิ์ยาในกายของเจ้ายังไม่หมดไป เจ้าถึงได้ดูฟุ้งซ่านเช่นนี้ ก่อนที่ท่านหมอจะมา ข้าคงต้องช่วยเจ้าด้วยวิธีของข้า" เสียงของเขาแฝงไปด้วยความครุ่นคิดอย่างหนัก

เขาพึมพำเพียงเท่านั้น และในช่วงจังหวะริมฝีปากของนางเคลื่อนเข้ามาใกล้ จนจะแตะต้องลงบนกลีบปากหยักของเขา ฝ่ามือหนาก็สอดเข้าไปที่เรือนผมของนางด้วยความว่องไว แล้วพลิกฝ่ามือด้วยความรวดเร็ว เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว เขาก็จับศีรษะเล็กเอาไว้ก่อนจะกดใบหน้าของนางลงไปในลำธารที่ไหลเย็น เพื่อหวังที่จะช่วยนางให้ฟื้นคืนสติจากฤทธิ์ยาร้อนที่แทรกซึมจิตใจ

จ้าวจางหลีลืมตาเบิกโพลงอยู่ในน้ำ เมื่อถูกเขาจับศีรษะของนางจุ่มลงในน้ำเย็น ด้วยความตกใจ นางพยายามดีดดิ้นยกศีรษะของตัวเองขึ้นมาจากน้ำ ก่อนจะสบถออกไปด้วยความไม่พอใจ

"มารดาเถอะ! ท่านไม่รู้จักวิธีรักหยก ถนอมบุปผา [1] บ้างเลยรึ"

นางสบถออกมาอย่างหัวเสีย หลังจากที่ถูกบุรุษบ้าผู้หนึ่งจับศีรษะกดน้ำ เพื่อคลายฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดที่ไหลเวียนอยู่ในกาย

เสียงนั้นแสดงถึงความไม่พอใจของนางเป็นอย่างมาก ทว่าใบหน้าของไป๋เจิ้งหยางยังคงนิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ กับการกระทำที่โหดเหี้ยมต่อสตรีของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

"รักหยก ถนอมบุปผาคือสิ่งใดข้าไม่รู้ ข้ารู้แต่วิธีเด็ดหัวคนก็เท่านั้น"

เขาเหยียดยิ้มขึ้นด้วยความน่ากลัว อีกทั้งยังส่งสายตาเยียบเย็นประดุจภูเขาน้ำแข็งมาให้นาง จ้าวจางหลีรู้สึกสั่นสะท้าน คำพูดของเขา มันทำให้นางตกตะลึง

ถึงแม้ว่านางจะพอคาดเดาได้ว่าบุรุษที่ซื้อตัวของนางออกมาจากหอนางโลม จะเป็นบุรุษที่ไม่แยแสต่อความรู้สึกของผู้อื่น แต่นางไม่คิดว่าการกระทำของเขาจะดุดัน และป่าเถื่อนได้ถึงเพียงนี้

จ้าวจางหลีขยับกายถอยหลังออกไปจากตัวของเขา เพื่อตั้งสติ ท่ามกลางความรู้สึกมึนงงที่เริ่มเกิดขึ้นในใจของนาง

"ป่าเถื่อน ป่าเถื่อนที่สุด"

นางโพล่งออกไปด้วยท่าทีหวาดกลัว สายตาของนางจ้องมองไปที่เขาที่นั่งชันเข่าข้างหนึ่งอยู่ที่ลำธาร ท่าทางที่เย็นชาของเขากลับทำให้นางเกิดความรู้สึกประหลาด ที่ยากจะหาคำตอบ

"ข้ายังป่าเถื่อนได้มากกว่าที่เจ้าคิดนัก หากเจ้าหายดีแล้วก็จงไปเสีย" ไป๋เจิ้งหยางแสยะยิ้มอีกครั้งด้วยท่าทางเลือดเย็น ก่อนจะเอ่ยปากไล่ให้นางออกไป

“ท่านโหว...ท่านหมอมาแล้วขอรับ”

ลู่หมิงรีบกระโดดลงจากหลังของอาชา และมุ่งตรงมายังผู้เป็นนายด้วยท่าทางที่รีบร้อน ด้านหลังของเขามีท่านหมอวัยชราติดตามมาด้วย และเป็นจังหวะเดียวกับทหารทัพของเขาติดตามมาสมทบหลังจากที่ปราบกลุ่มกบฏซานหูเสร็จสิ้นแล้ว

องครักษ์ของเขาเอาแต่จับจ้องมองไปยังสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายของผู้เป็นนายด้วยท่าทางสงสัย ว่าเหตุใดนางถึงทำหน้าตาบิดเบี้ยว ประหนึ่งว่าเห็นผี

“จะ...เจ้าเรียกเขาว่ากระไรนะ!”

[1] รักหยก ถนอมบุปผา

หมายถึง ให้อ่อนโยนต่อผู้หญิง เหมือนที่ชอบหยก จึงถนอมหยก
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel