บทย่อ
เมื่อรักแรกถูกเผาผลาญไปกับกองเพลิง ความโหดเหี้ยมเย็นชากลายเป็นชีวิตของ 'ชิงอันโหว' แต่เมื่อได้พบกับหญิงสาวผู้ถูกขายให้เป็นทาสแห่งหอนางโลม ทุกการกระทำของเขาที่ทำกับนาง กลับปลุกอารมณ์ที่เขาเคยสูญเสียไป
บทนำ ความทรงจำสีจาง
12 ปี ก่อนหน้า...
ครื้น ครื้น
ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ ปรากฏลำแสงส่องสว่างวาบไปทั่วทั้งผืนฟ้าที่มืดครึ้ม ก่อนจะจางหายไปด้วยความรวดเร็ว หลงเหลือไว้เพียงเสียงที่ดังกึกก้องสะท้านไปทั่วทั้งป่า สายลมกรรโชกแรงพัดผ่านพุ่มไม้และกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ให้ไหวเอนต้านแรงลม ดอกไม้ใบหญ้าถูกหยาดฝนตกกระทบจนสั่นไหวและลู่ไปกับสายลม เสียงของห่าฝนที่ตกลงบนพื้นพสุธากลายเป็นเสียงดังจนฟังดูหนาหู
บรรยากาศเริ่มชื้นแฉะไปทั้งผืนป่า หยาดฝนยังคงไหลรินโดยไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลงแต่อย่างใด กลิ่นดินและความหนาวเย็นแทรกซึมไปทั่วร่างกายที่เปียกปอน ละอองน้ำตกกระทบลงบนใบหน้าและดวงตาทำให้ทุกอย่างดูพร่าเบลอ สร้างความเป็นกังวลขึ้นภายในใจของเด็กชายวัยแปดหนาวที่เดินฝ่าสายฝนอยู่เพียงผู้เดียว เขาเดินไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยแอ่งน้ำ ดินโคลน ด้วยความร้อนใจ
“อาหลี เจ้าอยู่ที่ใดกัน”
เสียงทุ้มตะโกนเรียกแข่งกับเสียงของสายฝน ฝ่ามือน้อยยกขึ้นปาดน้ำฝนออกไปจากดวงตาอยู่หลายครั้งหลายครา ก่อนจะเพ่งดวงตาที่แดงก่ำออกไปเบื้องหน้า เพื่อหาอะไรบางอย่าง ทว่ายิ่งเดินออกไปเบื้องหน้าเท่าใด สิ่งที่เขาตามหากลับยิ่งไกลออกไปมากเท่านั้น ภายในใจของเขาเอาแต่ภาวนาขอให้ฝนฟ้าเบาบางกว่านี้เสียหน่อย อย่างน้อยจะได้มองเห็นหนทางที่ทอดยาวออกไปเบื้องหน้าให้เต็มตา
เหมือนสวรรค์จะได้ยินเสียงที่เขาร่ำร้องอยู่ภายในใจ เมื่อสายฝนที่กระหน่ำเทลงมาราวกับฟ้ารั่ว ได้เบาบางลงจนพอให้มองเห็นทาง
ฮือ
เสียงสะอื้นไห้ดังเข้าสู่โสตประสาทการได้ยิน ดวงตาคู่งามกวาดมองไปรอบกายเพื่อหาที่มาของเสียงด้วยความลุ้นระทึก หัวใจของเขาสั่นไหวราวกับกลองรบที่ดังเลื่อนลั่น เบื้องหน้าในระยะสายตามีดรุณีน้อยในวัยห้าหนาวนั่งคุกเข่าอยู่ท่ามกลางสายฝน ผิวพรรณที่ขาวดั่งหิมะในฤดูเหมันต์ ยามนี้ซีดขาวราวกับไร้โลหิต สองมืออวบยกขึ้นปิดใบหน้าร้องไห้จนแทบขาดใจ
สองเท้ารีบรุดเข้าไปหาดรุณีน้อยด้วยความดีใจ ภายในใจเจือไปด้วยความรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้นางต้องพบเจอกับความน่ากลัวภายในป่าใหญ่เช่นนี้
“อาหลี...”
เสียงของเขาแหบแห้งเมื่อเดินเข้าไปใกล้กับนาง ก่อนที่เด็กสาวจะลดฝ่ามือลงและแหงนเงยใบหน้าเพื่อมองให้แน่ชัด ว่าผู้ใดกันเรียกชื่อของนาง แต่เมื่อดวงตากลมโตมองเห็นเด็กชายที่คุ้นตา นางก็รีบโผเข้ากอดเขาจนหงายหลังไปพร้อมกันในทันที
“ฮือ ท่านพี่...ข้ากลัว”
เด็กน้อยตัวอ้วนกลมนอนทาบอยู่บนตัวของเขา นางกระชับท่อนแขนแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ใบหน้าของนางซุกลงบนอกของเขาด้วยท่าทางที่หวาดกลัว แม้ว่าแผ่นหลังจะเปียกปอนไปด้วยดินโคลน แต่เขากลับไม่ถือสา ฝ่ามือเล็กยื่นเข้าไปลูบไล้เส้นผมที่เปียกลู่ของนางด้วยความอ่อนโยน
“ไม่ต้องกลัวนะ ข้าอยู่ที่นี่แล้วอาหลี เราหลบฝนกันก่อนดีหรือไม่”
เขาบอกกับเจ้าก้อนแป้งให้เข้าใจ ก่อนที่นางจะลุกขึ้นแล้วยื่นฝ่ามืออวบหนามาให้เขาเพื่อหยัดกายลุกขึ้น รอยยิ้มยินดีผุดขึ้นบนใบหน้า เขาเอื้อมจับมือนั้นเอาไว้ และกอบกุมฝ่ามือน้อยเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่านางจะพลัดหลงไปอีกครั้ง
ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ที่มีใบหนาปกคลุม กลายเป็นที่พักพิงของเด็กชายและดรุณีน้อยที่เขาโอบเอาไว้ภายในอก ร่างอ้วนกลมของนางสั่นสะท้านด้วยความหนาวเย็น แม้ว่าตัวเขาจะรู้สึกหนาวเช่นเดียวกัน
อาหลีหลับไปในอ้อมกอดของเขา ริมฝีปากของนางซีดขาวจนน่ากลัว เนื้อตัวของนางกระตุกเต้นในบางครั้ง แพขนตาหนาสั่นไหวราวกับกำลังฝันร้าย ด้วยความรู้สึกผิดเขาจึงหยิบสร้อยคอที่มีนกหวีดไม้ออกจากตัวเสื้อด้านใน แล้วคล้องมันให้กับดรุณีน้อยที่หลับใหล
“อาหลี ข้าให้เจ้าพกติดตัวเอาไว้ หากวันหน้าเจ้าอยากให้ข้าช่วยเหลือจงเป่ามัน แล้วข้าจะมาหาเจ้าในทันที”
เขาพึมพำด้วยเสียงที่บางเบา ก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เพื่อรอให้คนของบิดาตามมาช่วยเหลือ...
หลังจากวันนั้น ความสนิทสนมของเขาและนางก็ยิ่งแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ความรู้สึกที่แอบซ่อนเอาไว้ไม่อาจเก็บงำได้อีกต่อไป วันเวลาและความสนุกสนานในวัยเยาว์ ได้กลายเป็นความจริงจังภายในใจของเด็กชายที่เริ่มเจริญวัยเข้าสู่วัยหนุ่ม เขาคิดจะร้องขอต่อบิดาให้ทาบทามนางเอาไว้ให้เป็นคู่หมั้นหมาย ในวันที่ติดตามบิดาและผู้เป็นพี่ชายเข้าไปยังวังหลวง
ตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่ภายในพระราชวัง จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายอย่างน่าประหลาดใจ ไม่ใช่ว่าเขาตื่นเต้น แต่เป็นความรู้สึกเป็นห่วงอาหลีจนไม่มีสมาธิที่จะจดจ่อกับเรื่องที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ช่วงเวลาที่ผ่านไปแต่ละยามทำให้เขารู้สึกทรมานจนแทบจะขาดใจ
หลังจากที่รถม้ากลับมาถึงจวนของผู้เป็นบิดา สองขาก็รีบเร่งให้เขากระโดดลงจากรถม้าด้วยความรีบร้อน ท่ามกลางเสียงดุด่าของบิดา แต่ทว่าเมื่อดวงตามองเห็นเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่เบื้องหน้า พร้อมกับเสียงเอะอะโวยวายของบ่าวไพร่ที่กำลังชุลมุนไปกับการดับไฟ ร่างกายของเขาก็แข็งเกร็งอยู่กับที่อย่างไร้สติ
เขาสะบัดหน้าอย่างแรง ก่อนจะรีบวิ่งไปที่จวนเฟิ่งโดยที่ไม่รีรอ หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งยังรู้สึกกระวนกระวาย แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าทุกอย่างถูกทำลายจนหมดสิ้น จวนทั้งหลังวอดวายไปกับเปลวเพลิง เสียงร่ำไห้อาลัยดังระงมไปทั่วบริเวณ
"อาหลี!"
เขาตะโกนเรียกนางแทบขาดใจ แต่เสียงของเขากลับถูกดูดกลืนลงไปในลำคอที่แห้งผาก ดวงตาคู่คมร้อนผ่าว ก่อนจะมีหยาดน้ำใสไหลอาบพวงแก้ม
แม้จะยังคงมีความหวังว่านางจะได้รับการช่วยเหลือ แต่ทว่าทุกอย่างสายไปเสียแล้ว เมื่อบ่าวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
“นายท่าน...ฮูหยิน...คุณหนู เหตุใดถึงทิ้งข้าไปเช่นนี้”
“ท่านป้า...อาหลีเล่า”
เขาพยายามเดินเข้าไปใกล้หญิงกลางคนผู้นั้น แล้วเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่บางเบา สองมือกำแน่นด้วยใจระทึก
“คุณหนู...คุณหนูติดอยู่ในกองเพลิงพร้อมกับนายท่าน และฮูหยิน มีเพียงเสียงนกหวีดเท่านั้นที่ดังออกมา ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบไปเจ้าค่ะ”
หญิงวัยกลางคนพยายามที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาให้เขาได้ฟัง แขนขาที่ไร้เรี่ยวแรงอยู่แล้ว กลับทรุดลงจนเข่ากระแทกกับพื้น หัวใจบีบรัดตัวจนเขาแทบจะหายใจไม่ออก เสียงนกหวีดนั้นเขารู้ดีว่าหมายถึงสิ่งใด นางคงจะเป่ามันจนกระทั่งไร้ลมหายใจ เพื่อรอคอยให้เขาเข้าไปช่วยเหลือ
สิ่งที่เขาเคยให้คำมั่นสัญญากับนางเป็นเพียงถ้อยคำที่ไร้น้ำหนัก เมื่อเขาไม่อาจทำตามคำพูดของตัวเองได้
‘อาหลี ข้าขอโทษ’
ความรู้สึกผิดได้กัดกินหัวใจของเขา ยามนี้จวนตระกูลเฟิ่งไม่เหลือแม้แต่แผ่นไม้สักแผ่นเดียว และไม่เหลือแม้กระทั่งร่างที่ไร้ลมหายใจให้เขาได้ดูต่างหน้าเป็นครั้งสุดท้าย
เด็กชายยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางเศษซากที่ถูกเปลวเพลิงเผาผลาญ ร่างของเด็กสาวที่เขาหลงรักและหมายใจจะหมั้นหมายกับนาง ให้นางเป็นฮูหยินของเขาในภายภาคหน้า ดวงหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ หยาดน้ำตาแห้งเกรอะกรังรอบดวงตาที่แดงก่ำและยังคงไหลรินอาบไปกับพวงแก้ม ความเจ็บปวดอัดแน่นอยู่ในหัวใจ ราวกับว่ามันถูกฉีกทึ้งและถูกขยำจนรวดร้าวทรมาน ‘นี่หรือความรู้สึกของการรักใครสักคน แม้ไม่อาจสมหวัง ช่างเจ็บปวดเสียยิ่งนัก’
ความเสียใจ ได้สร้างความเจ็บปวดเป็นแผลลึกที่เจ็บสะท้านราวกับถูกกรีด ทำให้เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าและความสิ้นหวังที่ถาโถมเข้ามาภายในจิตใจ จนเกิดเป็นพันธนาการเถาวัลย์ปิดผนึกดวงใจทั้งดวงของเขา ก่อนจะซุกซ่อนมันเอาไว้ภายในก้นบึ้งแห่งความรู้สึกไปพร้อมกับความทรงจำที่มีร่วมกันกับอาหลี
และในที่สุด ความเย็นชาและไร้หัวใจก็เริ่มก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของเขา...
